หญิง หรือ ชาย สามารถเป็นผู้เสียหาย หรือเหยื่อ ได้เท่าๆก ัน จริงหรือไม่
ผศ.นพดล ปกรณ์นิมิตดี
อาจารย์ประจำาคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาล ัยศรีปทุม Noppadon.pa@spu.ac.th จากข่าวที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ กรณีนักร ้องดัง กับดารา สาว อันมีประเด็นปัญหาข ้อพิพาท ปรากฎตามสื่อ ในเรื่องสถานะ ความเป็นพ่อ หรือ การขอตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความจริงให ้ ปรากฎต่อสังคมไทย นั้น
ความจริงในเรื่องดังกล่าว เป็นอย่างไรนั้น ก็คงอาจจะยัง ไม่มีใครบอกได ้ดี เท่ากับบุคคลที่เป็นต ้นเรื่องของข่าวนั่นเอง ถ ้าสมมติ มีผู ้หญิง คนหนึ่ง ออกมาพูดว่า ผู ้ชายคนนี้
ทำาให ้ฉันท ้อง ทำาไมคนส่วนใหญ่มักจะเชื่อว่าจริงไว ้ก่อน ถ ้าสมมติว่า ลูกจ ้างหญิง หาว่า หัวหน ้างานชาย คุกคามทางเพศ ทำาไมคนส่วนใหญ่ ถึงมักจะเชื่อว่าจริงไว ้ก่อน และถ ้าสมมติว่า เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่ง บอกว่า เพื่อนร่วมงานชายอีกคนหนึ่ง คุกคามทางเพศ ทำาไมคนส่วนใหญ่
ถึงมักจะเชื่อว่าจริงไว ้ก่อน
อะไร ทำาให ้คนเชื่อไปในทิศทางนั้น กรณีนี้มิได ้ หมายความว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงนั้นพูด แน่นอนเราควรฟังสิ่ง ที่ผู ้ถูกกระทำา พูดก่อน แต่การจะชี้ว่าใครผิดหรือถูก นั้น มิควร ขึ้นอยู่กับคำาพูดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่น่าจะ ขึ้นอยู่กับข ้อเท็จจริง และอะไรคือความจริง ใช่หรือไม่
จริงอยู่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 30 จะบัญญัติว่า “บุคคลย่อมเสมอกันใน
กฎหมายและได ้รับความคุ ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน”
แต่เนื่องจากความรู ้สึกเดิมๆ ที่เป็นรากเหง ้าทางสังคม มักจะมองว่า เพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเพศชาย มองว่า เพศหญิงมักเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำา มากกว่า และถ ้าฝ่ายหญิง เป็นผู ้ถูกกระทำา จริงๆ แน่นอน อีกฝ่ายที่ทำาผิดย่อม สมควรได ้รับการลงโทษอย่างสาสม
แต่ประเด็นที่ต ้องนำามาพิจารณาก็คือ ความรู ้สึกที่ว่า เพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเพศชาย มองว่าเพศหญิงมักเป็น
ฝ่ายที่ถูกกระทำา มากกว่า อาจจะเป็นเสมือนม่านบังตา ที่ทำาให ้ มองไม่เห็นความจริงที่เกิดขึ้นได ้หรือไม่
เพราะถ ้าเมื่อใดก็ตาม ที่มองว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต ้องถูก เสมอ และอีกฝ่ายหนึ่งต ้องผิด จนละเลยต่อการค ้นหาข ้อเท็จจริง มันก็อาจเป็นอคติทางความคิดเสียแต่แรกแล ้วกระมัง ซึ่งถ ้าเป็น เช่นนั้น มันจะมีความเป็นธรรม หรือความเท่าเทียมกันทั้งชาย และหญิงได ้จริงหรือ
ฉะนั้น ความจริง จึงควรย่อมต ้องมาก่อน ความรู ้สึกส่วน ตัวเสมอ ใช่หรือไม่
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ ้าฝ่ายหญิง เป็นผู ้ถูกกระทำา หรือไม่
ได ้รับความเป็นธรรมจริง แน่นอนฝ่ายหญิงย่อมต ้องได ้รับความ เห็นใจ มากกว่าฝ่ายชาย
ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ผู ้เสียหาย หมายความถึง บุคคลผู ้ได ้รับความเสียหายเนื่องจากการกระ
ทำาความผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่น ตามที่บัญญัติไว ้ใน มาตรา 4 ,5 และ 6 ทั้งหญิงและชาย มีสิทธิเป็นผู ้เสียหายได ้ เท่าเทียมกัน เฉกเช่นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ใน หลายๆฐานความผิด เช่น กรรโชกทรัพย์ ผู ้หญิง ก็สามารถ กระทำาความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ผู ้ชาย ได ้เท่าๆกับ ผู ้ชาย กรรโชกทรัพย์ ผู ้หญิง ซึ่งต ้องขึ้นอยู่กับข ้อเท็จจริงด ้วย
อันที่จริงแล ้ว การขู่ทำาลายชื่อเสียงของบุคคลเพื่อ บีบ คั้นอีกฝ่าย เพื่อการเรียกร ้องเงินทอง หรือการบังคับให ้อีกฝ่าย ยอมทำาตามในสิ่งที่ตนเองต ้องการ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย มานานแล ้ว แต่ก็ คงอาจจะใช ้ได ้กับบุคคลเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ที่มีชื่อเสียง หรือสถานะทางสังคม อันได ้รับการยอมรับจากผู ้คน ประเด็นที่น่าจะต ้องนำามาพิจารณา จึงไม่น่าจะใช่เรื่องที่
ต ้องเข ้าข ้างฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็น เรื่องที่ต ้องอยู่บนพื้นฐานว่า อะไรคือความจริง ต่างหาก
ในปัจจุบัน สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ทั้ง หญิงและชาย มีการศึกษาที่สูงขึ้น ไม่แพ ้กัน การมองว่าฝ่าย ใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู ้ถูกกระทำาแต่เพียงฝ่ายเดียว อาจจะไม่ใช่ความ คิด หรือความจริงที่ถูกต ้องร ้อยเปอร์เซ็นต์เสมอไป
ถ ้าใครที่เคยได ้ชม ละครทีวี ที่กำาลังดังอยู่ในขณะนี้ ที่มี
ตัวละครชื่อ นำ้าหวาน ซึ่งมิรู ้ว่าจะเป็นนางเอกหรือนางร ้าย ก็ตาม ที ถ ้าเราจะบอกว่า มองดูละคร และย ้อนดูตัวเรา เราๆกับท่าน
ทั้งหลาย ก็น่าจะเคยประสบพบเห็นกับผู ้หญิงแบบเช่นนำ้าหวาน ใน ละครทีวี
ผู ้หญิง ที่ยอมทำาทุกอย่างเพื่อให ้ได ้ในสิ่งที่ตนเองต ้องการ ยอมตบหน ้าตนเองเพื่อใส่ความคนอื่น พูดกลับขาวเป็นดำา ดำา เป็นขาว ยอมดึงเสื้อตนเองออก เพื่อกล่าวหานักข่าวที่ตนเองไม่
ชอบ ว่า ล่วงละเมิดทางเพศตน ก็ยังทำาได ้
เรื่องจริงที่เอามาจากละคร หรือ ละครจากเรื่องจริง ...?
ผู ้หญิงอย่างนำ้าหวาน คงเป็นเพียงเศษเสี้ยว ของผู ้หญิง ที่
อาจมีอยู่จริงในสังคมไทย ปัจจุบันผู ้คนในสังคมไทยขณะนี้ อาจ จะนิยมใส่หน ้ากากเข ้าหากันมากขึ้น ซึ่งคงมิใช่หมายถึงเพศใด เพศหนึ่งแต่เพียงฝ่ายเดียว
ฉะนั้น หากเราๆ ทุกคน ถ ้าช่วยกันระวังตน ให ้มากขึ้น มีสติ
ในการคิด การพูด การทำา มิให ้อารมณ์พาเราไป เข ้ารกเข ้าพง ก็
น่าจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให ้มิต ้องตกอยู่ในสภาพของการเป็นผู ้เสีย หาย หรือเหยื่อ เหมือนเช่นที่ปรากฎอยู่ ณ.ขณะนี้ กระมัง สวัสดีครับ
