ปญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา*
Legal Problems Regarding Rights of the Alleged Offender or the Accused, Who Is Unsound-Minded, under the Criminal Procedure Code
ฉัตรนันทน สุนทร**
ประกอบ ประพันธเนติวุฒิ***
คมสัน สุขมาก****
บทคัดยอ
วิทยานิพนธนี้มุงศึกษาเกี่ยวกับปญหาการคุมครองสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตในกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญา โดยมีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาถึงแนวความคิด ทฤษฎี และหลักการเกี่ยวกับสิทธิทางกฎหมายของ ผูตองหาหรือจําเลยทั่วไป ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริต ศึกษาและวิเคราะหปญหา เกี่ยวกับมาตรการและหลักเกณฑเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผูตองหาหรือจําเลยที่เปนบุคคล วิกลจริต ตลอดจนเสนอแนะแนวทางแกไขปญหาตาง ๆ ที่เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในเรื่องสิทธิของผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริตเพื่อใหมีความชัดเจนมากขึ้น
ผลจากการศึกษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในเรื่องการคุมครองสิทธิผูตองหาหรือจําเลยใน คดีอาญา พบวา ผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตจะไดรับสิทธิในการแตงตั้งทนายความจากรัฐในบางกรณีเทานั้น อีกทั้ง เมื่อมีเหตุควรเชื่อวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีไดพนักงานสอบสวนหรือศาลจะงดการ สอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาไวจนกวาผูนั้นหายวิกลจริตหรือสามารถจะตอสูคดีได ไมมีกระบวนการใด ๆ เกี่ยวกับคดีเพื่อทราบวามีการกระทําผิดอาญาตามที่ถูกกลาวหาจริงหรือไมและจําเลยกระทําผิดจริงหรือไม ดานการ คุมครองสิทธิของผูตองหาและจําเลยที่วิกลจริตจะคุมครองแตเฉพาะในชั้นของพนักงานสอบสวนและในชั้นศาลเทานั้น ไมไดบัญญัติถึงการคุมครองสิทธิในชั้นพนักงานอัยการไว
ขอเสนอแนะการศึกษาเห็นควรปรับปรุงแกไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในเรื่องสิทธิการมี
ทนายความในชั้นสอบสวน มาตรา 134/1 และสิทธิการมีทนายความในชั้นพิจารณา มาตรา 173 ของผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริตโดยรัฐตองจัดหาทนายความใหทุกกรณี และแกไขมาตรา 14 เมื่อมีเหตุควรเชื่อวาผูตองหาหรือจําเลย วิกลจริตจนไมสามารถตอสูคดีได การสอบสวนและการพิจารณาจะตองไมยุติลงจะตองดําเนินกระบวนยุติธรรมทาง อาญาตอไป และแกไขเรื่องคดีที่อยูในชั้นพนักงานอัยการตองใหอํานาจพนักงานอัยการในการคุมครองสิทธิของผูตองหา ที่วิกลจริตดวย ทั้งนี้ เพื่อประโยชนแหงความยุติธรรมและเพื่อใหผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตไดรับการคุมครองสิทธิ
ตามกฎหมาย
คําสําคัญ : วิกลจริต / สิทธิผูตองหา / สิทธิจําเลย
*วิทยานิพนธนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี
**นักศึกษาหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรี
ปทุม วิทยาเขตชลบุรี
***อาจารยที่ปรึกษาหลัก รองศาสตราจารย มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี
****อาจารยที่ปรึกษารวม พันตํารวจเอก ดร. มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี
Abstract
This Thesis focuses on studying problems regarding protection of rights of the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, in the criminal justice proceedings, with the objectives to study concepts and theories concerning legal rights of the alleged offender or the accused in general, to study law concerning rights of the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, to study and analyze problems regarding measures and criteria relating to rights of the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, in the criminal justice proceedings, as well as to recommend approaches to solving problems regarding legal measures with respect to the rights of the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, for more clarity.
The study of the Criminal Procedure Code, with respect to protection of the rights of the alleged offender or the accused in the criminal case, finds that the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, shall be entitled to be granted with a lawyer procured by the State only in a particular event. Moreover, when there is a reason to believe that the alleged offender or the accused is an unsound-minded person and unable to defend itself, the Inquiry Official or the Court shall suspend the inquiry, preliminary examination or trial, until the person is recovered from unsound mind or able to defend itself. There is no process concerning the case to discover whether or not the alleged criminal offense was actually committed or whether or not the accused actually committed the offense. With respect to protection of the rights of the alleged offender and the accused, who are unsound-minded, they will be protected only at stages of the Inquiry Official and the Court, but there are not provisions for protection of the rights in the stage of the Public Prosecutor.
Recommendations of this study are to amend the Criminal Procedure Code with respect to the rights to legal counsel in the Inquiry Stage, Section 134/1, rights to legal counsel in the Trial Stage, Section 173, the alleged offender or the accused, who is unsound-minded, whereby the State must procure a lawyer for it in any event, and amend Section 14, if there is a reason to believe that the alleged offender or the accused is unsound-minded and unable to defend itself, the Inquiry and Trial must not be suspended, but the criminal justice proceedings must be carried on, and amend the matter of the case at the level of the Public Prosecutor level, whereby the Public Prosecutor must also be empowered to protect the rights of the alleged offender, who is unsound-minded, for benefit of the justice, and in order that the alleged offender or the accused, who is unsound- minded, enjoy protection of its legal rights.
Keywords : Unsound Mind / Rights of the Alleged Offender / Rights of the Accused บทนํา
ประชาชนในสังคมตองพบเจอกับปญหามากมาย ทั้งปญหาในครอบครัว ปญหาในที่ทํางาน และปญหาอื่น ๆ ในชีวิต อันอาจทําใหเกิดภาวะความเครียด ซึ่งสาเหตุปญหาตาง ๆ นี้ อาจกอใหเกิดการเจ็บปวยทางจิตขึ้นได มีแนวโนม วาจะมีผูปวยทางจิต หรือผูวิกลจริตเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้สภาวะทางจิตที่ไมปกติหรือที่เรียกวาวิกลจริตนั้น ยังสงผลให
ผูปวยไมมีความสามารถที่จะควบคุมสติ อารมณ ความนึกคิด ความรูสึกผิดชอบ ซึ่งจะพบเห็นไดจากขาวบอยครั้งที่
บุคคลที่มีสภาวะทางจิตไมปกติจะกอใหเกิดปญหาทางสังคมในหลายประการ โดยเฉพาะอยางยิ่งการกระทําความผิดทาง อาญาซึ่งทําใหเกิดความเสียหายแกบุคคลอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อผูที่มีสภาวะทางจิตไมปกติไปกระทําความผิดทางอาญาหรือ ผูกระทําความผิดทางอาญากลายเปนผูที่มีสภาวะทางจิตไมปกติ การดําเนินกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจึงตองมี
มาตรการทางกฎหมายเปนพิเศษเพื่อคุมครองบุคคลดังกลาว โดยตองมีมาตรการที่แตกตางจากผูกระทําความผิดทาง อาญาที่เปนบุคคลปกติทั่วไป ซึ่งกฎหมายไมไดประสงคที่จะมุงลงโทษบุคคลดังกลาวใหสาสมกับการกระทําความผิด แต
มุงประสงคที่จะใหบุคคลดังกลาวไดรับการคุมครองสิทธิและเสรีภาพ และไดรับความเปนธรรมในการดําเนินคดีอาญา เพื่อใหเกิดยุติธรรมและความเทาเทียมกันในการตอสูคดีของบุคคลทุกคน และเพื่อใหบุคคลที่มีสภาวะทางจิตไมปกติได
พิสูจนตนเองวาเปนผูบริสุทธิ์ (ศกุนา เกานพรัตน, 2551, หนา 10)
ประเทศไทยมีกฎหมายหลายฉบับที่บัญญัติถึงมาตรการทางกฎหมายสําหรับผูที่มีสภาพจิตไมปกติ ไมวาจะ เปนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งไดกําหนดมาตรการทางกฎหมายในการ ดําเนินคดีอาญาและมาตรการในการคุมครองสิทธิและเสรีภาพกับผูที่มีสภาพจิตไมปกติที่ตองเขาสูกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ซึ่งไดกําหนดมาตรการทางกฎหมายในการบําบัดรักษาผูที่มีสภาพ จิตไมปกติทั้งกอนและหลังจากมีการกระทําความผิดอาญาเกิดขึ้น เพื่อคุมครองสังคมจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากผูที่มี
สภาพจิตไมปกติ และเปนการคุมครองผูที่มีสภาพจิตไมปกติใหไดรับการบําบัดรักษา ซึ่งรวมถึงผูที่มีสุขภาพจิตไมปกติที่
ตองเขาสูกระบวนการยุติธรรมดวย
ในเรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยไดมีบัญญัติไวรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักร พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ที่มีหลักวา “บุคคลยอมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและไดรับความคุมครองตาม กฎหมายเทาเทียมกัน” วรรคสอง ที่มีหลักวา “การเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอบุคคล ไมวาดวยเหตุความแตกตางใน เรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไมขัดตอบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใด จะกระทํามิได” ซึ่งหมายถึงการคุมครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลวิกลจริตดวย (รัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560, มาตรา 27)
สิทธิตาง ๆ ของผูตองหาและจําเลยตามกฎหมายไทย ในชั้นสอบสวน เชน สิทธิที่จะไดรับการสอบสวนดวย ความรวดเร็วตอเนื่องและเปนธรรม สิทธิที่จะพบและปรึกษาผูซึ่งจะเปนทนายความเปนการเฉพาะตัว สิทธิที่จะให
ทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบปากคําตนไดในชั้นสอบสวน สวนในชั้นพิจารณา เชน สิทธิไดรับการ พิจารณาดวยความรวดเร็ว ตอเนื่อง และเปนธรรม สิทธิที่จะไดรับความชวยเหลือจากรัฐดวยการจัดหาทนายความให
สิทธิที่จะแตงตั้งทนายความเพื่อสูคดี และสิทธิที่จะไดรับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บปวย เปนตน ผูตองหาหรือจําเลยที่มีสภาวะทางจิตไมปกติหรือที่เรียกวาวิกลจริตนั้น ในระหวางการสอบสวนหรือ ดําเนินคดี ผูตองหาหรือจําเลยดังกลาวนั้นอาจไมมีความสามารถที่จะใชสิทธิตาง ๆ ในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาใน การดําเนินคดีอาญาได ซึ่งทําใหผูตองหาและจําเลยที่วิกลจริตนั้นเสียเปรียบในการตอสูคดี ฉะนั้น จึงตองมีบทบัญญัติใน การดําเนินคดีอาญาแกผูตองหาและจําเลยที่วิกลจริตไวเปนพิเศษ กฎหมายในประเทศไทยที่เกี่ยวกับวิธีพิจารณาความใน การดําเนินคดีอาญาแกผูตองหาและจําเลยที่วิกลจริตนั้นไดบัญญัติไวในมาตรา 14 แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาเพียงมาตราเดียวเทานั้น ซึ่งยังมีขอความที่ยังไมชัดเจนอยูหลายประการ ในขณะเดียวกันก็มิไดมีระเบียบใด ๆ ที่นํามารองรับในทางปฏิบัติที่จะทําใหเกิดความเขาใจดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ปญหาเรื่องนี้ก็ยังไมไดรับความสนใจในการ ปรับปรุงแกไขกฎหมายที่เกี่ยวของเทาที่ควร ทั้งที่เปนบทบัญญัติของผูตองหาและจําเลยที่วิกลจริตในการตอสูคดีอาญาที่
มีความสําคัญมาก ซึ่งแตกตางกับในตางประเทศ เชนประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ ที่ไดใหความสําคัญกับ
ปญหาเรื่องนี้ และมีความพยายามที่จะวางหลักเกณฑ และวิธีพิจารณาในการปฏิบัติตาง ๆ ใหเหมาะสมและมี
ประสิทธิภาพ
แมประเทศไทยจะมีกฎหมายในเรื่องการคุมครองสิทธิทางอาญากับผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตไวเปน พิเศษอยูแลวก็ตาม แตในทางปฏิบัติก็ยังมีขอบกพรองอยูหลายประการ ซึ่งควรไดรับการแกไขใหดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะปฏิบัติ
ตอผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตใหไดรับสิทธิเชนเดียวกับผูตองหาหรือจําเลยที่เปนบุคคลปกติตอไป วัตถุประสงคของการศึกษา
1. เพื่อศึกษาถึงแนวความคิด ทฤษฎี และหลักการเกี่ยวกับสิทธิทางกฎหมายของผูตองหาหรือจําเลยใน คดีอาญา
2. เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริต
3. เพื่อศึกษาและวิเคราะหปญหาเกี่ยวกับมาตรการและหลักเกณฑเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทาง อาญาของผูตองหาหรือจําเลยที่เปนบุคคลวิกลจริต
4. เพื่อศึกษาแนวทางแกไขปญหาตาง ๆ ที่เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในเรื่องสิทธิของผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริตเพื่อใหมีความชัดเจนมากขึ้น
สมมติฐานของการศึกษา
ผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตก็ยังไมสามารถเขาถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผูตองหาหรือจําเลยที่เปนบุคคลปกติ
ไดในบางกรณี ทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา สวนในชั้นพนักงานอัยการก็ไมมีบทบัญญัติกฎหมายที่คุมครองสิทธิ
ของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตไว ซึ่งเปนเรื่องที่สําคัญเพราะการที่ไมสามารถเขาถึงสิทธิขั้นพื้นฐานนั้น อาจทําใหเกิด ความไมเปนธรรมตอผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาได จึงตองมีการบัญญัติกฎหมายใน สวนที่เกี่ยวกับสิทธิในการแตงตั้งทนายความ การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจนความผิด ความบริสุทธิ์ ของผูตองหา หรือจําเลย ในชั้นพิจารณาศาลตองพิจารณาวาการกระทําของจําเลยผูวิกลจริตเปนความผิดตามกฎหมายหรือไม รวมถึง บทบาทของพนักงานอัยการในการคุมครองสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริต เพื่อใหบุคคลดังกลาวไดรับสิทธิทาง กฎหมายเชนเดียวกับบุคคลปกติใหเปนไปตามหลักสากล
ขอบเขตของการศึกษา
วิทยานิพนธฉบับนี้จะศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎีดานสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยกรณีทั่วไปและศึกษา มาตรการการคุมครองสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่เปนผูวิกลจริตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 ในเรื่องการมีทนายความในการชวยเหลือในคดี การไดรับการพิจารณาจากพยานหลักฐานตาง ๆ วาการกระทําของ ตนเปนความผิดตามกฎหมายหรือไม และบทบาทของพนักงานอัยการในการคุมครองสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่
วิกลจริต โดยศึกษาตามแนวคิดทฤษฎีของกฎหมายระหวางประเทศ กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา กฎหมายของ อังกฤษ และกฎหมายของประเทศญี่ปุน รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา รวมทั้งพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 วิธีดําเนินการศึกษา
ดําเนินการศึกษาโดยคนควาจากตํารากฎหมาย ตัวบทกฎหมาย เอกสาร วารสาร บทความวิชาการ รายงาน การวิจัย วิทยานิพนธ คําพิพากษาศาลฎีกา ขอมูลทางอินเทอรเน็ต เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในการปฏิบัติ
ตอผูตองหาหรือจําเลยที่เปนบุคคลวิกลจริตใหไดรับการคุมครองสิทธิตามกฎหมาย ทั้งกฎหมายประเทศไทยและ กฎหมายตางประเทศ จากนั้นนําขอมูลที่ไดรับจากการศึกษามาวิเคราะห
ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ
1. ทําใหทราบถึงแนวความคิด ทฤษฎี และหลักการเกี่ยวกับสิทธิทางกฎหมายของผูตองหาหรือจําเลยใน คดีอาญา
2. ทําใหทราบถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตตามกฎหมายของประเทศไทย และกฎหมายของตางประเทศ
3. ทําใหทราบถึงขอบกพรองของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยเกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริต
4. ทําใหทราบถึงแนวทางแกไขปญหาตาง ๆ ที่เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในเรื่องสิทธิของผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริตเพื่อใหมีความชัดเจนตอการดําเนินกระบวนการยุติธรรมทางอาญาตอไป
คํานิยามศัพท
“บุคคลวิกลจริต” ความหมายในทางกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไมไดบัญญัติความหมายไวแตอยางใด และประมวลกฎหมายอาญา ก็ไมมีนิยามความหมายไวเชนกัน แตไดบัญญัติความหมายที่ใกลเคียงไวใน มาตรา 65 วา “ผูใดกระทําความผิด ในขณะ ไมสามารถรูผิดชอบ หรือไมสามารถบังคับตนเองไดเพราะมีจิตบกพรอง โรคจิตหรือจิตฟนเฟอน ผูนั้นไมตองรับโทษ สําหรับความผิดนั้น”
ผลการวิจัย
จากการศึกษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในเรื่องการคุมครองสิทธิผูตองหาหรือจําเลยใน คดีอาญา พบวา ผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตจะไดรับสิทธิในการแตงตั้งทนายความจากรัฐในบางกรณีเทานั้น อีกทั้ง เมื่อมีเหตุควรเชื่อวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได พนักงานสอบสวนหรือศาลจะงดการ สอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาไวจนกวาผูนั้นหายวิกลจริตหรือสามารถจะตอสูคดีได ไมมีกระบวนการใด ๆ เกี่ยวกับคดีเพื่อทราบวามีการกระทําผิดอาญาตามที่ถูกกลาวหาจริงหรือไม ดานการคุมครองสิทธิของผูตองหาและจําเลย ที่วิกลจริตจะคุมครองแตเฉพาะในชั้นของพนักงานสอบสวนและในชั้นศาลเทานั้น ไมไดบัญญัติถึงการคุมครองสิทธิในชั้น พนักงานอัยการไว ซึ่งไมสอดคลองกับกฎหมายระหวางประเทศและกฎหมายตางประเทศ
ผูศึกษาพบปญหาในการศึกษาเกี่ยวกับสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา ดังนี้
1. ปญหาเกี่ยวกับสิทธิในการจัดหาทนายความในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาของผูตองหาหรือจําเลยที่
วิกลจริต
สิทธิในการมีทนายความของผูตองหาหรือจําเลยเปนบทบัญญัติที่ใชบังคับกับผูตองหาหรือจําเลยในคดีอาญา ทุกกรณี ไมไดมีบทบัญญัติเฉพาะสําหรับผูตองหาหรือจําเลยผูวิกลจริตไว คือ ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดี
ที่ผูตองหาหรือจําเลยมีอายุไมเกินสิบแปดปในวันที่พนักงานสอบสวนแจงขอหาหรือในวันที่ถูกฟองตอศาล กอนเริ่มถาม คําใหการหรือกอนพิจารณา พนักงานสอบสวนหรือศาลจะถามผูตองหาหรือจําเลยกอนวามีทนายความหรือไม ถาไมมีให
รัฐจัดหาทนายความให สวนในคดีที่มีอัตราโทษจําคุกกอนเริ่มถามคําใหการหรือกอนเริ่มพิจารณาพนักงานสอบสวนหรือ
ศาลจะถามผูตองหาหรือจําเลยกอนวาตองการทนายความหรือไม ถาไมมีและตองการทนายความรัฐจึงจะจัดหา ทนายความ ซึ่งถาผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตอายุเกิน 18 ป หรือในคดีที่มีอัตราโทษต่ํากวาประหารชีวิตจะไมไดรับ การแตงตั้งทนายความจากรัฐ สวนในคดีที่มีอัตราโทษจําคุกจะมีการถามกอนวาตองการทนายความหรือไม ถาตองการ รัฐจึงจะจัดหาทนายความให ซึ่งผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตยอมไมมีความรูความเขาใจวาตนตองการทนายความ หรือไม และบุคคลดังกลาวควรไดรับการจัดหาทนายความจากรัฐในการชวยเหลือเพื่อตอสูคดีในทุกกรณี จึงไมสอดคลอง กับกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) สิทธิที่บุคคลไดรับแจงใหทราบถึงสิทธิใน การมีผูชวยเหลือทางกฎหมาย หากบุคคลนั้นไมมีผูชวยเหลือทางกฎหมาย
ในประเด็นดังกลาวนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาใหสิทธิในการมีทนายความของจําเลยผูวิกลจริต จําเลยที่ถูก กลาวอางวามีสภาวะทางจิตผิดปกติจะตองมีทนายความอยูดวยในระหวางการพิจารณา หรือถาจําเลยไมมีทุนทรัพย
เพียงพอที่จะวาจางทนายความเพื่อแกตางคดีให U.S.Code มาตรา 4247 (d) ก็ยังบัญญัติบังคับใหศาลจัดหาทนาย ใหแกจําเลยตาม มาตรา 3006A อีกดวย สงผลใหจําเลยผูวิกลจริตในประเทศสหรัฐอเมริกามีทนายความใหความ ชวยเหลือในทุกกรณี (สิทธินนท กี่สุขพันธ, 2559, หนา 96) สวนประเทศญี่ปุนถาในกรณีที่จําเลยหรือผูถูกกลาวหาที่ไมมี
ความสามารถในการตอสูคดีไมมีผูแทนในการดําเนินคดี พนักงานอัยการ เจาหนาที่ตํารวจ หรือผูมีสวนไดเสีย สามารถ ยื่นคํารองตอศาล เพื่อใหศาลแตงตั้งผูแทนพิเศษในการดําเนินคดีแทนจําเลยดังกลาว ผูแทนพิเศษสามารถแตงตั้ง ทนายความขึ้นมาเปนที่ปรึกษารวมถึงใหมีอํานาจในการดําเนินคดีได และกรณีที่จําเลยมีความปกติทางจิต กฎหมายวิธี
พิจารณาคดีอาญาของญี่ปุนยังใหหลักประกันสิทธิโดยศาลจะตั้งทนายความให (สํานักงานอัยการพิเศษฝายคุมครองสิทธิ
ประชาชนระหวางประเทศ, 2555: ออนไลน)
ดังนั้น จากปญหาดังกลาวจะตองปรับปรุงแกไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134/1 และ มาตรา 173 โดยเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อปรับใหสอดคลองกับกฎหมายระหวางประเทศที่ไทยไดไปลงนามและใหสัตยาบัน
2. ปญหาการยุติการดําเนินกระบวนยุติธรรมทางอาญาในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นวาผูตองหา หรือจําเลยเปนผูวิกลจริตจนไมสามารถตอสูคดีได
กรณีที่ผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริต ถาระหวางทําการสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณา มีเหตุควร เชื่อวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได พนักงานสอบสวนหรือศาลจะงดการสอบสวน ไตสวน มูลฟองหรือพิจารณาไวจนกวาผูนั้นหายวิกลจริตหรือสามารถจะตอสูคดีได และศาลจะสั่งจําหนายคดีเสียชั่วคราวก็ได
จึงไมสอดคลองกับกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) สิทธิที่จะไดรับการ พิจารณาโดยไมชักชาเกินความจําเปน และปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชนแหงสหประชาชาติที่วาทุกคนเสมอภาค กันตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะไดรับความคุมครองของกฎหมายเทาเทียมกัน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ปญหา ประการสําคัญ คือ ระหวางการจําหนายคดีไมมีกระบวนการใด ๆ เกี่ยวกับคดีเพื่อทราบวามีการกระทําผิดอาญาตามที่
ถูกกลาวหาจริงหรือไม และจําเลยกระทําผิดจริงหรือไม และปญหายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นสําหรับคดีที่จําเลยไมไดรับการ ปลอยชั่วคราว และแทนที่จะไดรับการบําบัดรักษาในสถานพยาบาลตามคําสั่งศาลกลับตองถูกคุมขังในเรือนจํา ซึ่งมี
ความเปนไปไดที่จะถูกคุมขังเปนระยะเวลานาน ทั้งที่ยังไมถูกพิพากษาวากระทําความผิด (ศุภกิจ แยมประชา, 2558, หนา 172)
ในประเด็นดังกลาวนี้ ประเทศอังกฤษ กรณีจําเลยที่เปนบุคคลวิกลจริตและไมสามารถทําการตอสูคดีได
กระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะไมยุติลง โดยไดกําหนดมาตรการพิเศษเพื่อใหศาลและลูกขุนไดพิจารณาในเบื้องตน เสียกอนวาจําเลยมีความเกี่ยวของในคดีหรือไม ซึ่งหากจําเลยไมมีความเกี่ยวของในคดี กระบวนการยุติธรรมทางอาญาก็
จะไดตัดจําเลยผูวิกลจริตนั้นออกจากสํานวนอันเปนการปองกันไมใหจําเลยที่เปนผูวิกลจริตนั้นตองถูกเอารัดเอาเปรียบ จากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งที่ตนเองไมเขาใจหรือไมรับรูเกี่ยวกับกระบวนการเหลานั้น มาตรการพิเศษ
ดังกลาวไดบัญญัติไวใน The Criminal Procedure (Insanity) Act 1964 มาตรา 4A (สิทธินนท กี่สุขพันธ, 2559, หนา 99) สวนประเทศญี่ปุนเมื่อผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได กระบวนการยุติธรรมทาง อาญาก็ยังคงดําเนินตอไป จะไมมีการงดการสอบสวน ไตสวนมูลฟอง หรือการพิจารณา โดยกฎหมายกําหนดใหมีผูแทน ทางกฎหมาย (legal representative) ทําหนาที่ดําเนินคดีแทนผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได
ซึ่งบัญญัติไวใน Code of Criminal Procedure of Japan, Article 167
ดังนั้น จากปญหาดังกลาวจะตองปรับปรุงแกไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 โดย เพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อปรับใหสอดคลองกับกฎหมายระหวางประเทศที่ไทยไดไปลงนามใหสัตยาบันไว
3. ปญหาการคุมครองสิทธิผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตของพนักงานอัยการ การคุมครองผูตองหาหรือ จําเลยที่วิกลจริต
กรณีผูตองหาหรือจําเลยที่เปนผูวิกลจริต สิทธิขั้นพื้นฐานของผูวิกลจริตในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จะไดรับการคุมครองในชั้นของพนักงานสอบสวนและในชั้นศาล แตไมไดบัญญัติถึงสิทธิในชั้นพนักงานอัยการไว ซึ่งเมื่อ พนักงานสอบสวนสงสํานวนใหพนักงานอัยการแลวก็จะเปนอํานาจของพนักงานอัยการในการดําเนินคดีตอไป พนักงาน สอบสวนก็จะไมสามารถเขาไปมีบทบาทหรืออํานาจในคดีได เวนแตเปนกรณีที่พนักงานอัยการสั่งใหทําการสอบสวน เพิ่มเติม ในมุมกลับกันเมื่อคดีอยูในชั้นของพนักงานอัยการแลวมีเหตุอันควรเชื่อวาผูตองหาวิกลจริตและไมสามารถตอสู
คดีได กฎหมายก็ไมไดบัญญัติใหอํานาจพนักงานอัยการไว พนักงานอัยการจึงไมมีอํานาจจะใชวิธีการตามมาตรา 14 ได
เชนกัน และเมื่อพนักงานอัยการยังไมยื่นฟองตอศาล ศาลก็ไมมีอํานาจตามมาตรา 14 ทําใหผูตองหาดังกลาวไมไดรับ ความคุมครองตามกฎหมาย จึงไมสอดคลองกับกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ในเรื่องการคุมครองเรื่องสิทธิตาง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมของบุคคลทุกคน
ในประเด็นดังกลาวนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาในกรณีที่ศาลพบเหตุอันควรสงสัยวาจําเลยจะมีอาการผิดปกติ
ทางจิตหรือวิกลจริตกฎหมายของสหรัฐอเมริกากําหนดใหจําเลยหรือพนักงานอัยการอาจยื่นคํารองขอใหศาลพิจารณา สภาวะทางจิตของจําเลยไดไมวาในเวลาใด ๆ ตั้งแตเริ่มคดีจนถึงศาลมีคําพิพากษา ซึ่งบัญญัติไวใน Title 18 of the United States Code มาตรา 4241-4248 (สิทธินนท กี่สุขพันธ, 2559, หนา 90) สวนประเทศญี่ปุนกระบวนการ ดําเนินคดีอาญาเมื่อผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีไดไมมีผูแทนในการดําเนินคดี พนักงาน อัยการ เจาหนาที่ตํารวจ หรือผูมีสวนไดเสีย สามารถยื่นคํารองตอศาล เพื่อใหศาลแตงตั้งผูแทนพิเศษในการดําเนินคดี
แทนผูตองหาหรือจําเลยดังกลาว ผูแทนพิเศษสามารถแตงตั้งทนายความขึ้นมาเปนที่ปรึกษารวมถึงใหมีอํานาจในการ ดําเนินคดีได และกรณีที่จําเลยมีความปกติทางจิต กฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของญี่ปุนยังใหหลักประกันสิทธิโดย ศาลจะตั้งทนายความให ซึ่งบัญญัติไวใน Code of Criminal Procedure of Japan, Article 29
ดังนั้น จากปญหาดังกลาวจะตองปรับปรุงแกไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 โดย เพิ่มเติมเนื้อหาใหสอดคลองกับหลักกฎหมายสากล
ขอเสนอแนะ
จากการที่ผูศึกษาไดทําการศึกษาวิเคราะหปญหาทางกฎหมายในเรื่องการคุมครองสิทธิผูตองหาหรือจําเลยที่
วิกลจริตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยทําการวิเคราะหกฎหมายระหวางประเทศดานการคุมครอง สิทธิผูตองหาหรือจําเลยในคดีอาญาและกฎหมายตางประเทศ ซึ่งทําใหเห็นถึงขอบกพรองของการคุมครองสิทธิผูตองหา หรือจําเลยที่วิกลจริตที่ไมไดรับการคุมครองสิทธิในประเด็นดังกลาวขางตน ผูศึกษามีขอเสนอแนะในการแกไขตัวบท กฎหมายโดยการเพิ่มเติมเนื้อหาใหสอดคลองกับกฎหมายระหวางและกฎหมายตางประเทศ ดังนี้
1. สิทธิในการจัดหาทนายความในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาของผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริต ตาม มาตรา 134/1 และมาตรา 173 ที่ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศ ญี่ปุน ในเรื่องดังกลาว ผูศึกษาเห็นควรแกไขเพิ่มเติมถอยคําในบทบัญญัติ
มาตรา134/1 วรรคหนึ่ง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่ผูตองหามีอายุ
ไมเกินสิบแปดปในวันที่พนักงานสอบสวนแจงขอหา กอนเริ่มถามคําใหการใหพนักงานสอบสวนถามผูตองหาวามี
ทนายความหรือไม ถาไมมีใหรัฐจัดหาทนายความให”
และวรรคสอง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในคดีที่มีอัตราโทษจําคุก กอนเริ่มถามคําใหการใหพนักงานสอบสวน ถามผูตองหาวามีทนายความหรือไม ถาไมมีและผูตองหาตองการทนายความ ใหรัฐจัดหาทนายความให”
ใหเพิ่มเติมขอความ มาตรา 134/1 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ดังนี้
มาตรา134/1 วรรคหนึ่ง ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่ผูตองหามีอายุไมเกินสิบแปดปในวันที่
พนักงานสอบสวนแจงขอหา กอนเริ่มถามคําใหการใหพนักงานสอบสวนถามผูตองหาวามีทนายความหรือไม ถาไมมีให
รัฐจัดหาทนายความให “แตไมวากรณีจะเปนประการใดถาผูตองหาเปนผูวิกลจริตรัฐตองจัดหาทนายความให”
และวรรคสอง ในคดีที่มีอัตราโทษจําคุก กอนเริ่มถามคําใหการใหพนักงานสอบสวนถามผูตองหาวามี
ทนายความหรือไม ถาไมมีและผูตองหาตองการทนายความ ใหรัฐจัดหาทนายความให “แตไมวากรณีจะเปนประการใด ถาผูตองหาเปนผูวิกลจริตรัฐตองจัดหาทนายความให”
มาตรา 173 วรรคหนึ่ง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่จําเลยมีอายุไม
เกินสิบแปดปในวันที่ถูกฟองตอศาล กอนเริ่มพิจารณาใหศาลถามจําเลยวามีทนายความหรือไม ถาไมมีก็ใหศาลตั้ง ทนายความให”
และวรรคสอง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในคดีที่มีอัตราโทษจําคุก กอนเริ่มพิจารณาใหศาลถามจําเลยวามี
ทนายความหรือไม ถาไมมีและจําเลยตองการทนายความ ก็ใหศาลตั้งทนายความให”
ใหเพิ่มเติมขอความ มาตรา 173 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ดังนี้
มาตรา 173 วรรคหนึ่ง ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่จําเลยมีอายุไมเกินสิบแปดปในวันที่ถูก ฟองตอศาล กอนเริ่มพิจารณาใหศาลถามจําเลยวามีทนายความหรือไม ถาไมมีก็ใหศาลตั้งทนายความให “แตไมวากรณี
จะเปนประการใดถาจําเลยเปนผูวิกลจริตรัฐตองจัดหาทนายความให”
และวรรคสอง ในคดีที่มีอัตราโทษจําคุก กอนเริ่มพิจารณาใหศาลถามจําเลยวามีทนายความหรือไม ถาไมมี
และจําเลยตองการทนายความ ก็ใหศาลตั้งทนายความให “แตไมวากรณีจะเปนประการใดถาจําเลยเปนผูวิกลจริตรัฐ ตองจัดหาทนายความให”
2. การยุติการดําเนินกระบวนยุติธรรมทางอาญาในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นวาผูตองหาหรือ จําเลยเปนผูวิกลจริตจนไมสามารถตอสูคดีได ตามมาตรา 14 ที่ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศอังกฤษและ กฎหมายของประเทศญี่ปุน ในเรื่องดังกลาว ผูศึกษาเห็นควรแกไขเพิ่มเติมถอยคําในบทบัญญัติ
มาตรา 14 วรรคสอง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นวาผูตองหาหรือจําเลย เปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได ใหงดการสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาไวจนกวาผูนั้นหายวิกลจริตหรือ สามารถจะตอสูคดีได และใหมีอํานาจสงตัวผูนั้นไปยังโรงพยาบาลโรคจิตหรือมอบใหแกผูอนุบาล ขาหลวงประจําจังหวัด หรือผูอื่นที่เต็มใจรับไปดูแลรักษาก็ไดตามแตจะเห็นสมควร”
ใหเพิ่มเติมขอความ มาตรา 14 วรรคสอง ดังนี้
มาตรา 14 วรรคสอง ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไม
สามารถตอสูคดีได “..จะตองสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาตอไปวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูกระทํา
ความผิดจริงหรือไม โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานตาง ๆ..” และใหมีอํานาจสงตัวผูนั้นไปยังโรงพยาบาลโรคจิต หรือมอบใหแกผูอนุบาล ขาหลวงประจําจังหวัดหรือผูอื่นที่เต็มใจรับไปดูแลรักษาก็ไดตามแตจะเห็นสมควร
3. การคุมครองสิทธิผูตองหาหรือจําเลยที่วิกลจริตของพนักงานอัยการ การคุมครองผูตองหาหรือจําเลยที่
วิกลจริต ที่ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศญี่ปุน ในเรื่องดังกลาว ผู
ศึกษาเห็นควรแกไขเพิ่มเติมถอยคําในบทบัญญัติ
มาตรา 14 วรรคหนึ่ง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในระหวางทําการสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณา ถามี
เหตุควรเชื่อวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได ใหพนักงานสอบสวนหรือศาลแลวแตกรณี สั่ง ใหพนักงานแพทยตรวจผูนั้นเสร็จแลวใหเรียกพนักงานแพทยผูนั้นมาใหถอยคําหรือใหการวาตรวจไดผลประการใด”
และวรรคสอง จากเดิมที่บัญญัติวา “ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผู
วิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได ใหงดการสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาไวจนกวาผูนั้นหายวิกลจริตหรือ สามารถจะตอสูคดีได และใหมีอํานาจสงตัวผูนั้นไปยังโรงพยาบาลโรคจิตหรือมอบใหแกผูอนุบาล ขาหลวงประจําจังหวัด หรือผูอื่นที่เต็มใจรับไปดูแลรักษาก็ไดตามแตจะเห็นสมควร"
ใหเพิ่มเติมขอความ มาตรา 14 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ดังนี้
มาตรา 14 วรรคหนึ่ง ในระหวางทําการสอบสวน “ตรวจสํานวนสอบสวน” ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณา ถามีเหตุควรเชื่อวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผูวิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได ใหพนักงานสอบสวน “พนักงานอัยการ”
หรือศาลแลวแตกรณี สั่งใหพนักงานแพทยตรวจผูนั้นเสร็จแลวใหเรียกพนักงานแพทยผูนั้นมาใหถอยคําหรือใหการวา ตรวจไดผลประการใด
และวรรคสอง ในกรณีที่พนักงานสอบสวน “พนักงานอัยการ” หรือศาลเห็นวาผูตองหาหรือจําเลยเปนผู
วิกลจริตและไมสามารถตอสูคดีได...”
เอกสารอางอิง
ศกุนา เกานพรัตน. (2551). มาตรการทางกฎหมายสําหรับผูที่มีสภาพจิตไมปกติ: ศึกษากรณีการดําเนินคดีอาญา การรับโทษทางอาญา และการคุมครองสังคม. วิทยานิพนธนิติศาสตรมหาบัณฑิต, คณะนิติศาสตร, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
ศุภกิจ แยมประชา. (2558). มองกระบวนการยุติธรรมทางอาญไทยผานการศึกษาเปรียบเทียบ.
กรุงเทพฯ : เจริญรัฐการพิมพ.
สิทธินนท กี่สุขพันธ. (2559). มาตรการทางกฎหมายในการคุมครองสิทธิของผูตองหาหรือจําเลยผูวิกลจริต.
วิทยานิพนธนิติศาสตรมหาบัณฑิต, คณะนิติศาสตร, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
สํานักงานอัยการพิเศษฝายคุมครองสิทธิประชาชนระหวางประเทศ. (2555). หลักในการดําเนินคดีอาญากับบุคคล วิกลจริตในประเทศญี่ปุน. วันที่คนขอมูล 22 สิงหาคม 2555,
เขาถึงไดจาก http://www.humanrights.ago.go.th/forum/ index.php? topic=5975.0 สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล. (2561). ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับอางอิง (พิมพครั้งที่ 18).
กรุงเทพฯ : วิญูชน.
Code of Criminal Procedure of Japan. (n.d.). เขาถึงไดจาก https://www.oecd.org/site/adboecdanti- corruptioninitiative/46814489.pdf