• Tidak ada hasil yang ditemukan

现代新儒家的概念

N/A
N/A
Nguyễn Gia Hào

Academic year: 2023

Membagikan "现代新儒家的概念"

Copied!
25
0
0

Teks penuh

(1)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 245

ความหมายของ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม”

1

The Meaning of New Confucianiam

现代新儒家的概念

ญาณาธิป เตชะวิเศษ2

บทคัดยอ

บทความนี้มุงทําความเขาใจเบื้องตนเกี่ยวกับความหมายของ “ขบวนการขงจื๊อ สมัยใหม” เพื่อชี้ใหเห็นวา แนวคิดสํานักขงจื๊อมีการพัฒนาปรับปรุงใหสอดคลองเหมาะสมกับ สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอยูตลอดเวลา หาใชแนวคิดที่หยุดนิ่งแตอยางใดไม “ขบวนการขงจื๊อ สมัยใหม” เปนพัฒนาการทางความคิดของแนวคิดสํานักขงจื๊อที่กําลังดําเนินอยูในปจจุบัน มี

จุดเริ่มตนจากความพยายามของปญญาชนจีนกลุมอนุรักษนิยมที่ตองการธํารงรักษาแนวคิด สํานักขงจื๊อใหสามารถยืนหยัดอยูตอไปได ทามกลางกระแสลมลางวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน อยางถอนรากถอนโคน แตดวยบริบททางสังคมการเมืองที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งบรรดา ปญญาชนจีนกลุมอนุรักษนิยมมีโอกาสศึกษาและแลกเปลี่ยนกับบรรดานักวิชาการระดับสากล กลายเปนปจจัยสําคัญที่สงเสริมให ขบวนการขงจื๊อสมัยใหมมีการประสมประสาน นําเอา แนวคิดและทฤษฏีของหลักปรัชญาตะวันตก และพัฒนาปรับปรุงเนื้อหาสาระใหสอดคลอง เหมาะสมกับสภาพสังคมพหุวัฒนธรรมในปจจุบัน

1 บทความนี้เปนสวนหนึ่งของวิทยานิพนธระดับมหาบัณฑิตเรื่อง “พัฒนาการแนวคิดมนุษยนิยมในทัศนะของตูเหวยหมิง” (THE DEVELOPMENT OF TU WEIMING’S CONCEPT OF HUMANISM) ภาควิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร

2 นายญาณาธิป เตชะวิเศษ ภาควิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร

Yanathip Techawiset, , Chinese Department, Faculty of Liberal Arts, Thammasat University

成智明 泰國法政大學人文學院中文系

(2)

246 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

คําสําคัญ: ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม; สํานักขงจื๊อ; ปรัชญาจีนสมัยใหม; วัฒนธรรมจีน Abstract

The purpose of this article is to understand in the meaning of The New Confucianism and to elucidate that the Confucius always has the developmental in accordance with eco-socio context changes over time. The New Confucianism is the concept that has developed steadily by starting from the efforts of a group of conservative Chinese who want to preserve the Confucianism to survive among the radical overthrow of the Chinese traditional culture. However, the changing political and social context and the student has chance to study and exchange with the international academic were the significant essences to recognize the New Confucianism. The combination of the Confucianism with the concepts, theories and philosophies from western was used as a basis to develop the content of Confucius to consistent with the current multicultural community.

Key words: New Confucianism; Confucianism; Modern Chinese History;

Chinese Culture

摘要

本篇主要闡述研究“現代新儒家”的概念,並指出儒家思想不是局限於 特定歷史時代與社會形態的普遍性價值,而是跟著時代的變化而變化。“現 代新儒家”在儒家傳統文化中已取得了一席之位。它是一批中國保守主義者

(3)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 247 因嚴感受到中國文化在面臨著意義危機而生的,即認爲儒家在中國文化局於 主導和核心地位,以繼承、闡揚傳統文化中所包含的哲學和人生智慧為責 任。但隨著時代的進步,中國保守主義者就開始吸納、融合、會通西方哲學 來探討儒家傳統文化的現代多元化發展之路。

關鍵詞:現代新儒學;儒家;現代中國哲學;中國文化

1. บทนํา

โดยทั่วไปมักเขาใจวาแนวคิดสํานักขงจื๊อ(儒家)เปนแนวคิดที่หยุดนิ่งอยูแคเพียง ขอเสนอทางปรัชญาของขงจื๊อ

孔子)ในยุคสมัยชุนชิวเทานั้น แตเมื่อพิจารณาจาก ประวัติศาสตรวัฒนธรรมจีนกวาสองพันปจะพบวาเนื้อหาสาระและเจตจํานง ตลอดจนวิธีการ อธิบายตีความแนวคิดสํานักขงจื๊อในแตละยุคสมัย แปรเปลี่ยนไปตามสภาพและองคประกอบ ตลอดจนเงื่อนไขตางๆ ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา รูปโฉมของแนวคิดสํานักขงจื๊อ ที่ปรากฏอยูในสังคมจีน มิไดจํากัดอยูแคเพียงขอเสนอทางปรัชญาของขงจื๊อเทานั้น หากแตมี

การผสมผสานกับแนวคิดและภูมิปญญาอื่นๆ จนกลายเปนวัฒนธรรมทางความคิดที่เปน เอกลักษณของตน ซึ่งอาจประมวลความเปลี่ยนแปลงทางความคิดที่สําคัญของแนวคิดสํานัก ขงจื๊อไดเปน 3 ยุคดังนี้

1. แนวคิดสํานักขงจื๊อดั้งเดิม (原儒Traditional Confucianism) หมายถึง

แนวคิดที่เกิดจากขอเสนอทางปรัชญาของขงจื๊อ และมีการสืบสานพัฒนาเนื้อหาสาระและ วิธีการนําเสนออยูอยางตอเนื่องกอนที่จิ๋นซี่ฮองเตจะสามารถรวมแผนดินจีนและสถาปนา ราชวงศฉินไดสําเร็จมีนักปราชญที่สําคัญ 3 คน ไดแก ขงจื๊อ เมิ่งจื่อ(孟子)และ สวินจื่อ

(荀子)เปนกําลังสําคัญในการสรางสมเนื้อหาสาระทางปรัชญาที่เปนเอกลักษณของ แนวคิดสํานักขงจื๊อ โดยเฉพาะในประเด็นปญหาที่เกี่ยวกับหลักการสําหรับความเปนมนุษย

(4)

248 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

รวมถึงแนวทางการมีชีวิตที่ดีทามกลางสภาพความวุนวายของสังคมและศึกสงครามในยุคชุน ชิวจั้นกั๋ว แนวทางการอธิบายของนักปราชญทั้งสามเปนรากฐานสําคัญของแนวคิดสํานักขงจื๊อ และเปนหลักเกณฑสําหรับปรับปรุงพัฒนาที่นักปราชญสํานักขงจื๊อรุนหลังยึดถือสืบมา

2. ลัทธิขงจื๊อในสมัยราชวงศฮั่น (漢儒Han Confucianism) หมายถึง แนวคิด

สํานักขงจื๊อในสมัยมหาอาณาจักรฮั่น โดยเฉพาะหลังจากที่พระเจาฮั่นอูตี้ ประกาศใชนโยบาย ใหทั้งแผนดินยกยองสํานักขงจื๊อเพียงสํานักเดียว และปฏิเสธแนวคิดอื่นทั้งปวง(罷黜百

家、獨尊儒術)ซึ่งมีเนื้อหาสารัตถะเพี้ยนไปจากคําสอนดั้งเดิมอยางมาก เนื่องจาก ตงจง ซู(董仲舒)ปราชญคนสําคัญในสมัยฮั่น ไดสังเคราะหแนวคิดสํานักขงจื๊อเขากับภูมิปญญา หลากหลายแขนงที่แพรหลายในสังคมขณะนั้น เชน ภูมิปญญาอินหยัง(陰陽)คติความเชื่อ เรื่อง เทียน(天)หรือ ฟา เพื่อปรับปรุงแนวคิดสํานักขงจื๊อใหสามารถตอบสนอง เปาหมายทางการปกครองบริหารบานเมืองอยางเต็มรูปแบบ เปนเครื่องมืออยางหนึ่งของการ สนับสนุนความชอบธรรมใหแกองคจักรพรรดิ สงผลใหแนวคิดสํานักขงจื๊อกลายเปนเสมือน สถาบันทางปญญาของอาณาจักรฮั่นที่ประชาราษฎรทุกคนตองศึกษาเรียนรูและปฏิบัติตาม

3. แนวคิดสํานักขงจื๊อใหม (新儒家 หรือ宋明儒學Neo Confucianism 1)

หมายถึง แนวคิดสํานักขงจื๊อในสมัยราชวงศซงและหมิง เกิดขึ้นจากการนําองคความรูทาง พุทธปรัชญาและแนวคิดสํานักเตาใหม (玄學 Neo Daoism) มาใชเปนฐานคิดในการ สังเคราะหและตีความแนวคิดสํานักขงจื๊อใหม โดยเฉพาะเนื้อหาทางอภิปรัชญา

形而上 Metaphysics

วาดวยเรื่องที่มาและธรรมชาติของมนุษย กับเปาหมายและมรรควิธีของชีวิต มนุษย อันเปนปญหาที่มิไดอยูในความสนใจของแนวคิดสํานักขงจื๊อดั้งเดิม ทั้งนี้ เพื่อใหเนื้อหา

1 นาสังเกตวา คําวา “Neo Confucianism” ซึ่งภาษาไทยแปลตอวา “ขงจื๊อใหม” นั้น แปลมาจากคําวา “新儒學” เปนคําที่

บัญญัติขึ้นโดย เฝงโหยวหลาน(馮友蘭)ในหนังสือ 中國哲學史 (A History of Chinese Philosophy) อยางไรก็ตาม นักวิชาการจีนทั่วไปกลับไมนิยมใชสรรพนามเรียกขานดังกลาว หากแตนิยมใชคําวา “宋明理心學” หรือ “宋明儒學”

(5)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 249

สาระของแนวคิดสํานักขงจื๊อมีความสมสมัย เทาทันกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และ สามารถชวงชิงบทบาทชี้นําสังคมคืนมาได

ภายหลังพรรคคอมมิวนิสตจีนสถาปนาอํานาจทางการปกครองในป ค.ศ.1949

นักวิชาการปรัชญาจีนและนักประวัติศาสตรจีนสมัยใหมตางมีความเห็นไปทํานองเดียวกันวา แนวคิดสํานักขงจื๊อไดสูญสิ้นไปจากสังคมวัฒนธรรมจีนสมัยใหมอยางสิ้นเชิงและแทบจะไม

เกี่ยวของกับวิถีชีวิตของผูคนในปจจุบันอีกตอไป ดังจะเห็นไดจากผลงานวิจัยของโจเซฟ ลีเวนสัน (Joseph Levenson) นักประวัติศาสตรจีนสมัยใหม ซึ่งมีอิทธิพลอยางมากในวง

วิชาการตะวันตก ลีเวนสันไดใชเวลากวา 10 ป ในการศึกษาวิจัยสถานภาพของของแนวคิด สํานักขงจื๊อในบริบทสังคมสมัยใหม และเสนอผลงานวิจัยที่ชื่อ “Confucian China and Its Modern Fate” ออกมาในชวงทศวรรษที่ 1960 จํานวน 3 ภาค (ตอมามีการรวมเลมในป

ค.ศ.1968) ชี้วาแนวคิดสํานักขงจื๊อขัดแยงกับบริบทสมัยใหมอยางสิ้นเชิง เพราะแนวคิดสํานัก ขงจื๊อเกิดขึ้นในสังคมเกษตรแบบ ศักดินา ที่เนนระบบเศรษฐกิจแบบเกษตรและระบบ ครอบครัวเปนสําคัญ แตบริบทสังคมสมัยใหมเปนสังคมที่ใหความสําคัญกับการมีเสรีภาพ เนน ความชํานาญเฉพาะทาง และระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมแบบแบงงานกันทํา ลีเวนสันจึง สรุปวา ในบริบทสังคมสมัยใหม แนวคิดสํานักขงจื๊อจึงกลายเปนเพียง “โบราณวัตถุใน พิพิธภัณฑ" (Museumization) เทานั้น และแทบจะไมมีผลกระทบหรืออิทธิพลตอชีวิตและ สังคมปจจุบัน

อยางไรก็ตามเมื่อพรรคคอมมิวนิสตจีนหันมาดําเนินนโยบายปฏิรูปและเปดประเทศในป

ค.ศ.1978 ความเขาใจเกี่ยวกับสถานภาพของแนวคิดสํานักขงจื๊อในสังคมสมัยใหมก็คอยๆ เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากทาทีผอนคลายของพรรคคอมมิวนิสตทางดานวัฒนธรรมและการ แสดงวิสัยทัศนเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม เกื้อหนุนใหวงวิชาการจีนแผนดินใหญเริ่ม อภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวพัฒนาปรับปรุงเนื้อหาสารัตถะของแนวคิดสํานัก ขงจื๊อในปจจุบัน และเรียกขานพัฒนาการแนวคิดสํานักขงจื๊อดังกลาววา “ขบวนการขงจื๊อ สมัยใหม” (現代新儒學New Confucianism) ทั้งนี้ รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสตจีนไดใหการ

(6)

250 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

สนับสนุนและกําหนดใหการศึกษาวิจัย “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” เปนวาระแหงชาติ มี

กรอบระยะเวลาศึกษาทั้งสิ้น 10 ป1

แมหลังทศวรรษที่ 1980 เปนตนมา “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” จะไดรับการยอมรับ และเปนหัวขอทางวิชาการที่สําคัญ แตในการศึกษาประวัติศาสตรพัฒนาการทางความคิด แนวคิดสํานักขงจื๊อ มีคําถามสําคัญประการหนึ่งที่ยังคงมี การถกเถียงอยางกวางขวางในหมู

นักวิชาการปรัชญาจีนสมัยใหม คือ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” ควรมีนิยามความหมายวา อยางไร และมีจุดเริ่มตนตั้งแตเมื่อใด ซึ่งจนถึงปจจุบันก็ยังไมสามารถหาขอสรุปรวมกันได

อี่วอิงสือ(余英時)ศาสตราจารยสาขาประวัติศาสตร มหาวิทยาลัยพรินซตัน (Princeton University) ไดศึกษาเกี่ยวกับการใหนิยายความหมายของ “ขบวนการขงจื๊อ สมัยใหม” และประมวลไววาสามารถแบงไดเปน 3 กลุม คือ2

กลุมที่หนึ่ง เปนการใหนิยามความหมายโดยบรรดานักวิชาการจีนแผนดินใหญมองวา

“ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม”หมายถึง กลุมปญญาชนจีนที่สนใจศึกษาวิจัยแนวคิดสํานักขงจื๊อ ในชวงศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังจากที่จีนพายแพใน สงความฝนใหอังกฤษ อันเปน ชวงเวลาที่วัฒนธรรมจีนถูกคุกคามจากอารยะวิทยาจากตะวันตก จึงเกิดความพยายามอาศัย องคความรูสมัยใหมตางๆ มาใชพัฒนาปรับปรุงตีความแนวคิดสํานักขงจื๊อใหมีน้ําหนัก นาเชื่อถือ

กลุมที่สอง เปนการนิยามความหมายโดยบรรดานักวิชาการจีนฮองกงและไตหวัน มอง วา “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” หมายถึง ปญญาชนจีนกลุมอนุรักษนิยมที่ออกมาเคลื่อนไหว ทางวิชาการในยุคสาธารณรัฐ(中華民國Republic of China) อันเปนชวงเวลาที่สังคมจีนมี

การเคลื่อนไหวลมลางวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนอยางถอนรากถอนโคนและรณรงคใหนําเอา วัฒนธรรมตะวันตกมาใชแทนที่ ซึ่งปญญาชนกลุมอนุรักษนิยมไมเห็นดวยกับทาทีดังกลาว จึง

1Song Zhiming宋志明《現代新儒學的走向》,北京師範大學出版社2009年,26。

2Yu Yingshi余英時《現代儒學論》,上海人民出版社2010年,154-155。

(7)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 251

พยายามแสวงหาแนวคิดและทฤษฏีตลอดจนหลักปรัชญาตางๆ มาใชยืนยันคุณคาความสําคัญ ของแนวคิดสํานักขงจื๊อใหมีพลังเพียงพอยืนหยัดอยูตอไปได

กลุมที่สาม เปนการนิยามความหมายโดยบรรดานักวิชาการระดับสากล มองวา

“ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” หมายถึง กลุมนักวิชาการไตหวันและฮองกง ที่รวมกันออก แถลงการณรวมดวยการประเมินคุณคาใหมเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน (為中國文化敬告世界

人士的宣言A Manifesto on the Reappraisal of Chinese Culture) ในป ค.ศ.1958 เนื่องจากนักวิชาการระดับสากลยอมรับวา แถลงการณดังกลาวเปนจุดเปลี่ยนของแนวคิด สํานักขงจื๊อ เพราะหนึ่งในสาระสําคัญคือ การยอมรับในขอดอยของแนวคิดสํานักขงจื๊อ และ เห็นถึงความจําเปนที่จะตองเปดรับอุดมการณตะวันตก โดยเฉพาะ แนวคิดวิทยาศาสตรและ แนวคิดประชาธิปไตย มาใชเปนฐานคิดในการพัฒนาปรับปรุงเนื้อหาสาระของแนวคิดสํานัก ขงจื๊อใหสอดคลองเหมาะสมกับบริบทสังคมสมัยใหม

การพิจารณาขอถกเถียงทางวิชาการขางตน พอจะชวยใหเห็นไดวา “ขบวนการขงจื๊อ สมัยใหม” ยังมีความไมชัดเจน ทั้งในแงนิยามความหมายและจุดเริ่มตน ซึ่งประเด็นเหลานี้

ยังคงเปนปญหาที่ถกเถียงอยูจนถึงปจจุบัน แตเมื่อพิจารณาใหถึงที่สุดแลว อาจกลาวไดวา ประเด็นหนึ่งที่ทั้งสามกลุมยอมรับรวมกัน คือ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” เปนกลุม นักวิชาการที่มีความพยายามที่จะธํารงรักษาแนวคิดสํานักขงจื๊อใหคงอยูตอไป มีจุดเริ่มตน ในชวงที่สังคมจีนเต็มไปดวยปญหาความวุนวาย ทางการเมือง และเผชิญหนากับแรงเสียด ทานที่เปนผลพวงจากอิทธิพลทางความคิดจากตะวันตกที่แพรหลายสูสังคมจีน โดยเฉพาะหลัง ราชวงศชิงลมสลายลง

บทความนี้เปนการศึกษาในเชิงประวัติศาสตร มีวัตถุประสงคเพื่อทําความเขาใจ เบื้องตนเกี่ยวกับ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” วามีการกอตัวและพัฒนาการอยางไร และควรมี

ความหมายวาอยางไร

(8)

252 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

2. สถานภาพของแนวคิดสํานักขงจื๊อหลังการลมสลายของราชวงศชิง

การปฏิวัติซินไฮ ถือเปนจุดสิ้นสุดของระบอบจักรพรรดิเจาที่ปกครองแผนดินจีน ยาวนานหลายพันป และยังเปนจุดเริ่มตนของการเมืองสมัยใหมตามแนวคิดตะวันตกอีกดวย แตการสถาปนาระบอบการปกครองใหมหรือระบอบสาธารณรัฐก็ไมไดสงผลใหสังคมจีน โดยรวมเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากวัฒนธรรมทางความคิดของผูคนในสังคมยังไม

เปลี่ยนแปลง ชาวบานโดยทั่วไปซึ่งเปนคนสวนใหญของสังคม ไมไดใหความสนใจการปฏิวัติใน ครั้งนี้มากนักและยังคงมีวิถีการดําเนินชีวิตที่อยูในกรอบจารีตธรรมตามขนบวัฒนธรรมขงจื๊อ ดังเชนเมื่อครั้งยังมีองคจักรพรรดิปกครองอยูเชนเดิม1

เมื่อการโคนลมระบอบจักรพรรดิเจาและดําเนินรูปแบบการปกครองบริหารบานเมือง ตามแบบรัฐสมัยใหม ไมอาจนําพาจีนไปสูการเปนชาติที่เขมแข็งมั่นคงได ปญญาชนจีนจึงเริ่ม หันกลับมาตั้งคําถามตออนาคตของประเทศชาติอยางจริงจัง ประกอบกับบรรยากาศที่เปด กวางในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ เปนปจจัยใหบรรดาปญญาชนที่มีโอกาสเดินทาง ไปศึกษาในโลกตะวันตกเผยแพรแนวคิดตะวันตกสมัยใหม ผานผลงานการแปลงาน วรรณกรรมสําคัญที่เกี่ยวของกับแนวคิดตะวันตกสมัยใหม เชน แนวคิดเสรีนิยม (Liberalism) แนวคิดปฏิบัตินิยม (Pragmatism) หลักปรัชญาชีวิต (Philosophy of Life) แนวคิด อนาธิปไตย (Anarchism) แนวคิดสังคมนิยม (Socialism) แนวคิดจินตนิยม (Romanticism) แนวคิดจิตนิยม (Idealism) และแนวคิดสุญนิยม (Nihilism)2 เปนตน วงวิชาการจีนมีการ ประชันทางความคิด เกิดถกเถียงแลกเปลี่ยนและ แตกประเด็นองคความรูสมัยใหมกัน อยาง กวางขวาง เพื่อรวมกันแสวงหาหนทางนําพาจีนไปสูการเปนชาติที่เขมแข็งมั่นคงและมั่งคั่ง

1 Zhang Lizhu張麗珠《中國哲學史三十講》,北京師範大學出版社2010年,401。

2 Tu Weiming 杜維明 《道·學·政· 輪儒家知識分子》,生活·讀書·新知三聯書店2013年,191 – 192。

(9)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 253

ปญญาชนจีนจํานวนมากมองเห็นวา เหตุปจจัยของความออนแอของชนชาติจีนนั้น มิได

อยูที่รูปแบบการเมือง การปกครอง ระบบเศรษฐกิจ หรือดานการทหารเทานั้น หากแตเปน เพราะผูคนในสังคมยังคงยึดติดกับกรอบวัฒนธรรมทางความคิดแบบเดิมๆ ที่ลาหลังไม

สอดคลองกับยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไป เปนอุปสรรคสําคัญที่คอยฉุดรั้งมิใหจีนพัฒนาไปสู

ความเปนรัฐสมัยใหมได1 บรรดาปญญาชนจีนกลุมกาวหนาที่ไดรับอิทธิพลความคิดจาก แนวคิดตะวันตก เชน เฉินตูซิ่ว(陳獨秀)หูซื่อ(胡適)หลูซวิ่น(魯迅)เปนตน ไดตั้ง ขอสงสัยและวิพากษวิจารณคุณคาและบทบาทของวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน โดยเฉพาะ แนวคิดสํานักขงจื๊ออยางเปดเผยตรงไปตรงมา

หนึ่งในประเด็นสําคัญที่เห็นกันวาเปนอุปสรรคขัดขวางการนําพาชาติไปสูความเปน สมัยใหม ก็คือ แนวคิดสํานักขงจื๊อขัดแยงกับบริบทสังคมปจจุบันอยางสิ้นเชิง เพราะกอตัวขึ้น ในสังคมเกษตรแบบศักดินา หลักการและแนวคิดปฏิบัติจึงเนนไปที่การมีสํานึกหนาที่ความ รับผิดชอบตอสังคมและครอบครัวเปนสําคัญ ปญญาชนจีนกลุมกาวหนามองวา หลักการ

“สายสัมพันธหลักทั้งสาม” หรือ “ซานกัง” (三綱Three Bonds) ที่ถูกสังเคราะหขึ้นมา ตั้งแตในสมัยราชวงศฮั่น อันไดแก ความสัมพันธระหวางบิดากับบุตร เจาและบริพาร และสามี

และภรรยา มีสวนทําใหวัฒนธรรมจีนขาดแคลนมิติ “ตัวตน” หรือ “ปจเจกภาวะ” เพราะ ระบบมนุษยสัมพันธดังกลาวใหน้ําหนักไปที่อํานาจเด็ดขาดขององคจักรพรรดิ และหัวหนา ครอบครัว หรือ บิดาและสามีเปนสําคัญ ซึ่งเปนอุปสรรคขัดขวาง การพัฒนาศักยภาพของ ปจเจกบุคคล สงผลใหชาวจีนขาดสิทธิเสรีภาพและความเทาเทียมกัน ตลอดจนไมมีความ มั่นใจในตัวเอง2

เมื่อเห็นวาวัฒนธรรมขงจื๊อ เปนอุปสรรคตอการพัฒนาประเทศไปสูความเปนสมัยใหมที่

มุงเนนการมีสิทธิเสรีภาพ ความเทาเทียมกันเปนพื้นฐาน บรรดาปญญาชนจีนกลุมกาวหนาจึง เกิดทาทีที่เปนปฏิปกษตอวัฒนธรรมจีนเดิมอันมีแนวคิดสํานักขงจื๊อเปนแกนกลางอยางรุนแรง

1Cai Renhou 蔡仁厚《儒學傳統與時代》,河北人民出版社2001年,143 。

2 Wang Zeying 王澤應《現代新儒家倫理思想研究》,湖南師範大學出版社1997年,10 。

(10)

254 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

และเห็นวาจําเปนจะตองลมลางใหสิ้น มีการผลิตผลงานทางวรรณกรรมและกอตั้งวารสาร ซินชิงเหนียน(新青年)ขึ้น เพื่อใชเปนเวทีโจมตีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชนชาติจีน รวมทั้ง ประดิษฐวลีที่วา “ลมลางแนวคิดแบบขงจื๊อ”(打倒孔家店)ขึ้น เพื่อปลุกเราชาวจีนให

ตองการความเปลี่ยนแปลง ปญญาชนจีนกลุมกาวหนายังรณรงคเรียกรองใหสังคมจีนนําเอา อุดมการณแบบตะวันตก เชน แนวคิดประชาธิปไตย และ วิธีคิดแบบมีเหตุมีผลแบบ วิทยาศาสตรซึ่งเอื้อตอการพัฒนาประเทศใหทันสมัยมาใชแทนที่

จะเห็นไดวา ความออนแอของชนชาติจีนที่เกิดขึ้น รวมทั้งองคความรูสมัยใหมที่

เผยแพรสูสังคมจีน เปนปจจัยสําคัญที่ผลักดันใหปญญาชนจีนเริ่มตั้งคําถามเกี่ยวกับบทบาท ของแนวคิดสํานักขงจื๊อในสังคมสมัยใหม และเมื่อเห็นวาแนวคิดสํานักขงจื๊อเปนอุปสรรค ขัดขวางการพัฒนาประเทศไปสูความเปนสมัยใหม ก็มีการเคลื่อนไหวลมลางแนวคิดสํานัก ขงจื๊อ สถานภาพของแนวคิดสํานักขงจื๊อหลังการลมสลายของราชวงศชิงจึงถูกทาทายอยาง รุนแรง

3. ปฏิกิริยาของปญญาชนจีนกลุมอนุรักษนิยม

ความวุนวายภายในประเทศจีนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง และกระแสวิพากษอยาง รุนแรงของบรรดาปญญาชนจีนกลุมกาวหนา นําไปสูการประชันทางความคิดในทางวิชาการ ขึ้น กลาวคือ บรรดาปญญาชนจีนกลุมอนุรักษนิยมไดออกมาแสดงทาทีไมเห็นดวยกับการลม ลางวัฒนธรรมดั้งเดิมอยางถอนรากถอนโคนเพื่อเอาอุดมการณแบบตะวันตกมาใชแทนที่ แต

กลับมองวา แตละวัฒนธรรมยอมมีความถูกตองเหมาะสมกับบริบททางสังคมนั้นๆ และ แนวคิดสํานักขงจื๊อมิใชเปนเพียงสถาบันทางการปกครองบริหารบานเมืองเพียงอยางเดียว หากแตเปนเสมือนวัฒนธรรมทางความคิดที่สะทอนถึงจิตวิญญาณและอัตลักษณของชนชาติ

จีน อันมีสวนสําคัญในการชวยผดุงค้ําชูใหสังคมจีนสามารถอยูรวมกันไดอยางกลมเกลียว พอสมควรยาวนานหลายพันป

(11)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 255

เหลียงฉี่เชา(梁啟超)เปนผูปลุกกระแสอนุรักษนิยมขึ้นในสังคมจีน โดยในป ค.ศ.

1920 เขาไดนําเสนอบทความเลาถึงประสบการณการเดินทางเยือนประชาคมยุโรปหลังสิ้นสุด สงครามโลกครั้งที่ 1(歐游心影錄)บทความดังกลาว เหลียงฉี่เชาพยายามชี้ใหเห็นถึงภัย อันตรายของวัฒนธรรมตะวันตก ที่แมจะชวยผลักดันใหสังคมมนุษยชาติเกิดการพัฒนาภายใน เวลาอันรวดเร็วก็จริง แตก็นํามาซึ่งปญหาตางๆ มากมายดวยเชนกัน ดังจะเห็นไดจาก สภาพ สังคมบานเมืองที่ลมสลายจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเปนภาพสะทอนถึงภัยอันตราย อันเกิดจากเชื่อมั่นในอํานาจไรขีดจํากัดของวิทยาศาสตรมากจนเกินไป1

เหลียงฉี่เชาไมเห็นดวยกับบรรดาปญญาชนจีนกลุมกาวหนาที่ตองการลมลางวัฒนธรรม ดั้งเดิมอยางถอนรากถอนโคนและนําเอาอุดมการณตะวันตกมาใชแทนที่ แตเขาก็ไมปฏิเสธ การเปดรับและเรียนรูจากอารยวิทยาจากโลกตะวันตก โดยเรียกรองใหสังคมจีนหันกลับมาเรง ศึกษาทบทวนประเมินคาขอดีขอเสียของวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมตะวันตกอยางจริงจัง เพื่อรวมกันสรรคสรางวัฒนธรรมใหมที่สามารถสรางความเขมแข็งใหแกประเทศชาติอยาง ยั่งยืน

บทความของเหลียงฉี่เชา ถือเปนจุดเริ่มตนของการพิจารณาขอดีขอเสียของวัฒนธรรม ตะวันตกกับวัฒนธรรมจีนในทางวิชาการอยางจริงจัง ขณะเดียวกันยังมีสวนผลักดันใหเกิด กระแสอนุรักษนิยมที่อภิปรายคุณคาความสําคัญของวัฒนธรรมความคิดจีนอีกดวย ทั้งนี้ มี

วารสารเสวียเหิง(學衡)เปนเวทีเผยแพรองคความรูที่สําคัญ

ตอมาในป ค.ศ.1921 เหลียงซูหมิง ก็ไดออกมายืนยันคุณคาความสําคัญของแนวคิด สํานักขงจื๊อ ดวยการนําเสนอบทความชื่อ “เปรียบเทียบปรัชญาวัฒนธรรมตะวันออกและ ตะวันตก(東西文化及其哲學)” ซึ่งศึกษาเปรียบเทียบวัฒนธรรมสําคัญของโลก 3 วัฒนธรรม ไดแก วัฒนธรรมตะวันตก วัฒนธรรมจีน และวัฒนธรรมอินเดีย และชี้ใหเห็นวา วัฒนธรรมจีนมีคุณคาความสําคัญมิไดยิ่งหยอนไปกวาวัฒนธรรมอื่น เพราะไมเพียงแต

1 Liang Qichao梁啟超《梁啟超選集》,上海人民出版社 1984年,724

(12)

256 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

เหมาะสมกับบริบทและสภาพความเปนจริงของสังคมจีนเทานั้น แตยังเปนจิตวิญญาณและวิถี

การดําเนินชีวิตของผูคนในวัฒนธรรมจีนอีกดวย

นอกจากนี้ เหลียงซูหมิงยังเชื่อมั่นวา ชาติบานเมืองจะไมมีวันมั่นคงปลอดภัยและ เขมแข็งได หากไมมีการฟนฟูระบบคุณธรรมจริยธรรมของแนวสํานักขงจื๊อใหกลับมามีบทบาท ชี้นําสังคม ในอนาคตของมนุษยชาติจําเปนจะตองอาศัยหลักมนุษยธรรม หรือ “เหริน” ของ แนวคิดสํานักขงจื๊อ เปนหลักจริยธรรมสําคัญในการชี้นําสังคมสมัยใหม

ความสําคัญของเหลียงซูหมิงมิไดอยูที่การสรางระบบเหตุผลใหแกวัฒนธรรมจีนเทานั้น แตยังนําเสนอวิธีศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อในบริบทสังคมปจจุบันดวย แตเดิมนั้น การศึกษา แนวคิดสํานักขงจื๊อถูกจัดวางอยางแนบแนนกับระบบการสอบเขารับราชการเปาหมาย

การศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อของชาวจีนจึงอยูที่การแสวงหาความกาวหนาของชีวิต ดวยการเขาไปมีบทบาททางการปกครองบริหารบานเมืองเปนสําคัญ แตเมื่อระบอบจักรพรรดิ

เจาลมสลายลง รูปแบบการศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อแบบดั้งเดิมไมสอดคลองกับบริบทสังคมที่

เปลี่ยนไป เหลียงซูหมิงจึงพยายามปรับเปลี่ยนวิธีศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อเสียใหม โดยชี้วา แนวคิดสํานักขงจื๊อมีความเปนหลักปรัชญาชีวิต (人生哲學 Philosophy of Life) อยู

การศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อในเชิงปรัชญา (Philosophy) จะเปนแนวทางที่สงเสริมใหให

แนวคิดสํานักขงจื๊อสามารถยังคงยืนหยัดอยูไดในสังคมสมัยใหม

นักวิชาการกลุมอนุรักษนิยมอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทสําคัญคือ สยงสือลี่ ผูเชี่ยวชาญดาน พุทธปรัชญา แตภายหลังไดคลอยตามความคิดของเหลียงซูหมิง และหันมาสนใจมาศึกษา แนวคิดสํานักขงจื๊อแทน สยงสือลี่ไดอาศัยองคความรูทางพุทธปรัชญามาใชพัฒนาตีความ อภิปรัชญาขงจื๊อใหมในสมัยซงและหมิงใหสอดคลองกับสังคมปจจุบันมากขึ้น และพยายาม ยืนยันวาคุณคาของมนุษยธรรม หรือ “เหริน” มีอยูจริง เปนเสมือนแกนแทจิตของมนุษย

(本心)เขาบงบอกถึงศักดิ์ศรีแหงความเปนมนุษย

(13)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 257

แนวคิดอนุรักษนิยมของเหลียงฉี่เชา วิธีศึกษาแนวคิดสํานักขงจื๊อของเหลียงซูหมิง และการตีความปรัชญาขงจื๊อใหมสมัยราชวงศซง-หมิงของสยงสือลี่ กระตุนปญญาชนจีนรุน หลังใหตระหนักถึงความสําคัญของแนวคิดสํานักขงจื๊อในฐานะวัฒนธรรมทางความคิดของชน ชาติจีนย้ําเตือนใหตระหนักถึงภาระหนาที่ของการแสวงหาทางธํารงรักษาคุณคาวัฒนธรรม ทางความคิดของชนชาติจีนใหดํารงคงอยูตอไปไดอยางสมภาคภูมิ

หลังจากพรรคคอมมิวนิสตจีนสถาปนาอํานาจทางการปกครองไดแลว กิจกรรมการ เคลื่อนไหวของบรรดาปญญาชนกลุมอนุรักษนิยมในแผนดินจีนก็ตองหยุดชะงักลง กระนั้นก็

ตาม ความพยายามที่จะสืบสานขบวนการดังกลาว ก็ยังดําเนินตอไป โดยบรรดาลูกศิษยของส ยงสือลี่ที่อพยพออกนอกแผนดินจีน

4. การกอตัวของ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม”

ขณะที่การศึกษาวิจัยแนวคิดสํานักขงจื๊อในจีนแผนดินใหญมิอาจคงอยูตอไปไดหลังการ ขึ้นมามีอํานาจทางการปกครองของพรรคคอมมิวนิสตจีน ที่เกาะไตหวันและฮองกงยังคงสืบ สานมรดกทางปญญาของชนชาติจีนกระแสนี้เอาไว บรรดาลูกศิษยของสยงสือลี่ ไดแก ถังจวิน อี้(唐君毅)สี่วฟูกวน(徐復觀)และโหมวจงซาน(牟宗三)ไดกาวขึ้นมามีบทบาท สําคัญในการสืบสานวัฒนธรรมทางความคิดสายนี้

หลังการอพยพออกจากแผนดินจีน ถังจวินอี้ สี่วฟูกวน และโหมวจงซาน ไดเขาไปมี

บทบาทสําคัญตอวงการการศึกษาไตหวันและฮองกง โดยเริ่มตนจากการเปนอาจารยประจํา ภาควิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยตงไห(東海大學)ในระหวางนั้นทั้งสามยังไดรวมกับ นักวิชาการในฮองกง อันไดแก เฉียนมู(錢穆)และจังพีเจี้ย(张丕介)กอตั้งสถาบันศิลป ศาสตรและพาณิชยศาสตรแหงเอเชียภาคค่ํา (亞洲文商專科夜校The Asia Evening College of Arts and Commerce)ขึ้นดวย1

1Zheng Jiadong鄭傢棟《現代新儒學概論》, 廣西人民出版社1990年,289。

(14)

258 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

ในชวงแรกเริ่ม สถาบันศิลปศาสตรและพาณิชยศาสตรแหงเอเชียภาคค่ํา มีวัตถุประสงค

สําคัญเพื่อแกไขปญหาวุฒิการศึกษาของนักเรียนที่ยายมาจากแผนดินใหญ แตดวยอุดมการณ

ที่ตองการสืบสานวัฒนธรรมทางความคิดของชนชาติจีนของถังจวินอี้ในป ค.ศ.1950 สถาบัน ดังกลาวจึงพัฒนาขึ้นเปน “วิทยาลัยนิวเอเชีย” (

新亞書院

New Asia College) ดวย วัตถุประสงคเพื่อเผยแพรองคความรูดานวัฒนธรรมจีน เชน วรรณคดี ประวัติศาสตร ปรัชญา ภาษาจีน เปนตน ภายใตการสนับสนุนของหนวยงานภาครัฐในฮองกง ตลอดจนองคกรชั้นนํา ระดับโลก วิทยาลัยนิวเอเชียมีการพัฒนาอยางตอเนื่อง จนกระทั่งในป ค.ศ.1963 ก็ไดรับการ สถาปนาเปนมหาวิทยาลัยภาษาจีนแหงฮองกง (香港中文大學The Chinese University of Hong Kong) เพื่อเปนศูนยกลางการศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนทัศนะทางดานวัฒนธรรม จีนระดับนานาชาติของนักวิชาการชาวจีนกับนักวิชาการระดับสากล

นอกจากการกอตั้งศูนยกลางในการแลกเปลี่ยนองคความรูทางดานวัฒนธรรมจีนแลว ใน ป ค.ศ.1949 สี่วฟูกวนยังใชทุนทรัพยสวนตัวกอตั้งวารสารรายปกษชื่อ “ประชาธิปไตย ปริทัศน”(民主評論)ขึ้น เพื่อเปนเวทีเผยแพรและแลกเปลี่ยนองคความรูทางดาน วัฒนธรรมจีน และดวยความรวมมือของบรรดานักคิดนักวิชาการสําคัญดานวัฒนธรรมจีนทั้ง ในฮองกงและไตหวัน จึงเกื้อหนุนใหวารสาร “หมินจูผิงลุน” เปนที่ยอมรับในวงวิชาการจีน โพนทะเลและระดับสากลภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เปนเสมือน “เครือขายวิชาการดาน วัฒนธรรมจีนศึกษา” ที่สําคัญแหงหนึ่งของยุคสมัยนั้น1

พรอมกันนั้น ถังจวินอี้ สี่วฟูกวน และโหมวจงซาน ยังผลิตผลงานทางวิชาการ ตลอดจน ตํารับตําราเกี่ยวกับแนวคิดสํานักขงจื๊อออกมาอยางตอเนื่อง โดยเฉพาะการอรรถาธิบาย แนวคิดสํานักขงจื๊อใหมสมัยราชวงศซง-หมิง ใหมีสาระสอดคลองเหมาะสมกับบริบทสังคม

1 Song Zhiming宋志明《現代新儒學的走向》,北京師範大學出版社2009年,21。

(15)

ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558 259

ปจจุบัน ผลงานของทั้งสามมีอิทธิพลอยางมากตอทั้งชุมชนชาวจีนโพนทะเล และวงวิชาระดับ สากล ถือเปนองคความรูสําคัญที่ผูศึกษาวิจัยแนวคิดสํานักขงจื๊อทั้งหลายจําเปนจะตองอาน อยางไรก็ตาม การมีโอกาสแลกเปลี่ยนกับวงวิชาการตะวันตก ทําใหนักวิชาการทั้งสาม เห็นวานักวิชาการในโลกตะวันตกยังมีความเขาใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับแนวคิดสํานักขงจื๊ออยู

อีกมาก เพราะหลังจากจีนเปลี่ยนแปลงการปกครอง วงวิชาการจีนแผนดินใหญก็ยุติการ แลกเปลี่ยนขอมูลขาวสารกับโลกภายนอกบรรดานักวิชาการตะวันตกจึงไมอาจเขาถึงขอมูล ของผืนแผนดินจีนได การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนในวงวิชาการตะวันตกจึงมีขอจํากัด โดยมักอิงอาศัยองคความรูจากเพียง 3 แหลง คือ บันทึกของบาทหลวงมิชชันนารีที่เคยมา เผยแพรศาสนาในประเทศจีน งานวิจัยของนักวิชาการดานจีนศึกษา และงานวิจัยของนัก ประวัติศาสตรจีนสมัยใหม1 แหลงความรูทั้งสาม นอกจากจะขาดความสมบูรณรอบดานแลว ในบางครั้งยังกอใหเกิดความเขาใจผิดตอแนวคิดสํานักขงจื๊ออีกดวย

ความเขาใจที่คลาดเคลื่อนดังกลาวกระตุนให ทั้งสามตระหนักถึงภาระหนาที่ที่จะตอง สรางความเขาใจที่ถูกตองในวงวิชาการตะวันตก และในป ค.ศ.1958 ถังจวินอี้ สี่วฟูกวน และ โหมวจงซานจึงรวมกับจังจวินไม ออกแถลงการณรวมวาดวยการประเมินคุณคาใหมเกี่ยวกับ วัฒนธรรมจีน (為中國文化敬告世界人士的宣言A Manifesto on the Reappraisal of Chinese Culture) เพื่อชี้ใหเห็นวา แมในปจจุบันแนวคิดสํานักขงจื๊อ วัฒนธรรมทาง ความคิดของจีนจะยัง “ปวย” อยูก็ตาม แตก็เปนวัฒนธรรมสําคัญของโลกที่ยังไม “ตาย”และ สามารถสรางคุณูปการใหแกมนุษยชาติไดการศึกษาวิจัยแนวคิดสํานักขงจื๊อจึงควรตั้งอยูบน พื้นฐานของ ความเคารพและ ความเขาใจ ภูมิหลังทางประวัติศาสตรวัฒนธรรมเปน สําคัญ พรอมกันนั้น แถลงการณฉบับดังกลาวยังยอมรับดวยวา แนวคิดสํานักขงจื๊อมีขอจํากัด อยูอีกมากและจะตองอาศัยความรูจากตะวันตกมาใชปรับปรุงแนวคิดสํานักขงจื๊อใหสามารถ ธํารงอยูตอไปในสังคมสมัยใหม

1Lin Anwu 林安梧《儒學革命:從新儒學到后新儒學》,商務印書館2011年,32–33。

(16)

260 ปที่ 8 ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2558

ตันซอฮุน (Tan Sor-Hoon) แหงมหาวิทยาลัยเเหงชาติสิงคโปร (National University of Singapore) ไดตั้งขอสังเกตวา แถลงการณรวมฉบับนี้มีความสําคัญอยางมากตอ

“ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” เพราะถือเปนจุดเปลี่ยนทางความคิดที่สําคัญของแนวคิดสํานัก ขงจื๊อ กลาวคือ วงวิชาการระดับสากลถือวาแถลงการณรวมฉบับดังกลาว เปนเสมือน จุดเริ่มตนของการรวมกลุมทางวิชาการในนาม “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม”อันมีเจตนารมณที่

จะธํารงรักษาแนวคิดสํานักขงจื๊อใหอยูในสังคมจีนตอไป ดวยการ เปดรับองคความรูและภูมิ

ปญญาจากโลกตะวันตก เชน “แนวคิดประชาธิปไตย” และ “การคิดแบบมีเหตุมีผลแบบ วิทยาศาสตร” มาใชเปนฐานคิดในพัฒนาปรับขยายและตีความแนวคิดสํานักขงจื๊อ1

“ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” ในทัศนะของนักวิชาการตะวันตกจึงหมายถึง กลุมทางวิชาการ ของสี่วฟูกวนและถังจวินอี้ ตลอดจนโหมวจงซานเปนสําคัญ

ซงจื้อหมิง (宋志明 Song Zhiming) แหงมหาวิทยาลัยประชาชนจีน (中國人民大

學Renmin University of China) ไดศึกษาพัฒนาการ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” และ วิเคราะหวา การกอตั้งวิทยาลัยนิวเอเชีย และการจัดตั้งวารสารรายปกษ หมินจูผิงลุน ตลอดจนการออกแถลงการณรวมวาดวยการประเมินคุณคาใหมเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน เปน ปจจัยสําคัญที่สงเสริมให “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม” ไดรับความสนใจ และเริ่มเปนที่ยอมรับ ในหมูนักวิชาการจีนโพนทะเล และวงวิชาการระดับสากล ในฐานะกลุมทางวิชาการที่สําคัญ2

แมถังจวินอี้ สี่วฟูกวน และโหมวจงซานจะตระหนักถึงความจําเปนในการเปดรับ องคความรูจากตะวันตกมาใชปรับปรุงแนวคิดสํานักขงจื๊อ แตเมื่อพิจารณาใหถึงที่สุดแลว นักวิชาการทั้งสามก็ยังไมไดอธิบายตีความเนื้อหาสาระทางปรัชญาสมัยใหมขึ้นมาแตอยางใด ดังความเห็นของหลี่เจอโฮว(李澤厚)แหงมหาวิทยาลัยโคโลราโด (University of

1 Tan Sor-Hoon, “Modernizing Confucianism and ‘New Confucianism’”, in the Cambridge Companion to Modern Chinese Culture (Cambridge: Cambridge University Press, 2008), 142.

2 Song Zhiming宋志明《現代新儒學的走向》,北京師範大學出版社2009年,20–21。

Referensi

Dokumen terkait

ง วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ : ปที่ 8 ฉบับที่ 1 เมษายน 2556 – กันยายน 2556 บรรณาธิการแถลง การวิจัยทางการศึกษา