โมเดลเชิงสาเหตุของการปรับตัวของแรงงานภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีการรับมือเป็นตัวแปรในการแพร่เชื้อ Title: โมเดลเชิงสาเหตุของการปรับตัวของพนักงานภาคอุตสาหกรรม การเดินทางในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเผชิญปัญหาเป็นตัวแปรชั่วคราว
การเปรียบเทียบผลการวิจัยโดยใช้ทฤษฎีการปรับตัวของ Roy โดย Russo (2019)
การรับมือทางอารมณ์คือการพยายามจัดการกับอารมณ์ ลบทุกอย่างที่อยู่ในใจ เช่น ความวิตกกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 ความไม่สบายใจที่เห็นจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นตามอายุ กลยุทธ์ที่ใช้อาจทำให้อารมณ์เสียได้ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ฉันรู้สึกสะเทือนใจ การประเมินระดับรอง การรับรู้ความสามารถของตนเองและการควบคุม เช่น "ฉันจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หรือไม่"
ฝ่ายทรัพยากรบุคคลสามารถนำแบบสอบถามการปรับตัวของแรงงานในอุตสาหกรรมการจ้างงาน การท่องเที่ยวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 มาใช้วัดผลพนักงานได้เพราะเป็นมาตรการที่มีอยู่ สำหรับบางกลุ่มสามารถวัดผลพนักงานกลุ่มอื่นและนำผลงานมาพัฒนาเป็นโครงการได้ ส่งเสริมให้มีการปรับตัวที่ดีขึ้นในสถานการณ์วิกฤต เช่น การระบาดของ COVID-19 เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงาน ทำงานได้อย่างราบรื่น และมีอัตราการรักษาพนักงานในบริษัทที่สูงขึ้น คำตอบผิดหรือถูก ตอบคำถามตามประสบการณ์ของคุณในเดือนล่าสุดจนถึงปัจจุบัน บ่อยเพียงใดที่คุณตระหนักถึงความสามารถในการปรับตัวในช่วงโควิด-19 ตามที่ระบุไว้ในข้อความต่อไปนี้ โดย:
เปรียบเทียบการวิจัยที่ใช้แบบวัดที่พัฒนาตามทฤษฎีการปรับตัวของ Roy (1984) by
การเปรียบเทียบแบบวัดการเผชิญปัญหาโดย Cook & Heppner (1997)
เปรียบเทียบแบบวัดความเครียด
รายกำลังเผชิญกับวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา การรับรู้ภัยคุกคามที่เกิดจากความเครียดจากการระบาดของ COVID-19 2.
การสุ่มกลุ่มตัวอย่าง
ตัวแปร องค์ประกอบ และจ านวนข้อค าถามทั้งหมด
ต่อไปคือการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างโดยพิจารณาจากค่าน้ำหนักของส่วนประกอบ การวิเคราะห์ส่วนประกอบเชิงยืนยันของตัวแปรทั้งหมดในโมเดลสหสัมพันธ์ได้ดำเนินการแล้ว เหตุพนักงานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องปรับตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีการรับมือเป็นตัวแปรในการถ่ายทอด
เมทริกซ์น ้าหนักองค์ประกอบค่าความตรงเชิงโครงสร้างของตัวแปรการรับรู้ความเครียด
เมทริกซ์น ้าหนักองค์ประกอบค่าความตรงเชิงโครงสร้างของตัวแปรการเผชิญปัญหาของ
เมทริกซ์น ้าหนักองค์ประกอบค่าความตรงเชิงโครงสร้างของแบบวัดการปรับตัวของ
ค่าสถิติ
เกณฑ์การประเมินคุณภาพของแบบวัด
เกณฑ์การประเมินการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อมูลส่วนบุคคล (N=200)
สถิติพื้นฐาน (N=200)
ค่าดัชนีทดสอบความกลมกลืนของโมเดลกับข้อมูลเชิงประจักษ์ของสมการเชิงโครงสร้าง
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์
ผลการวิเคราะห์ค่าอิทธิพล(N=200)
ผลการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพลทั้งหมดของโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการ ปรับตัวของพนักงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดย มีการเผชิญปัญหาเป็นตัวแปรส่งผ่านดังตาราง 17. ทั้งนี้เมื่อทบทวนวรรณกรรมเรื่องงานวิจัยของกระบวนการเครียด (Lazarus & Folkman, 1984) ในบริบทการระบาด COVID-19 พบว่ามีการศึกษาเรื่องเหตุการณ์ตึงเครียดในชีวิต (Stressful life events) และทุนทางสังคม (Social Capital) ในช่วงเริ่มต้นของ COVID-19 ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Jean-Baptiste et al., 2020) โดยน าโมเดลกระบวนการเครียดของ (Lazarus & Folkman, 1984) มาอธิบายกระบวนการเครียดในการได้รับผลกระทบจาก COVID- 19 โดยสรุปได้ว่าการระบาดเพิ่มความเครียดให้กลุ่มตัวอย่างโดยนับเป็นเหตุการณ์ในชีวิตที่กระตุ้น ให้เกิดความเครียด (Stressful Life events) กลุ่มตัวอย่างใช้กลยุทธ์ในการเผชิญปัญหาทั้งแบบ Active และ Passive ในการรับมือความเครียดที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโดยใช้ทุนทางสังคม เป็นตัวช่วย โดยเน้นว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงวิกฤตก่อให้เกิดความเครียดและตัวแปร การเผชิญปัญหาร่วมกับกับทุนทางสังคมช่วยลดความเครียดลงได้โดยมีกระบวนการดังนี้. การทบทวนวรรณกรรมมีความสอดคล้องดังนี้ ในช่วงที่เกิดความเครียดในชีวิต สิ่งส าคัญ คือต้องให้ความส าคัญกับกลไกการเผชิญปัญหาซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจช่วยลดผลกระทบความเครียด ได้ กระบวนการความเครียดและการเผชิญปัญหาโดย (Lazarus & Folkman, 1984) ได้แบ่งการ ตอบสนองต่อการเผชิญปัญหา 2 ประเภท โดยน าเสนอว่า ในบริบทการระบาดของ COVID-19 การเผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้นการจัดการกับอารมณ์ดีกว่าการเผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้นที่การแก้ไข ปัญหา กลยุทธ์การเผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้นการจัดการกับอารมณ์ (เช่น การเว้นระยะห่าง การ ยอมรับความรับผิดชอบ การประเมินใหม่ในเชิงบวก) ถูกน ามาใช้เมื่อบุคคลไม่สามารถขจัด แหล่งที่มาของความเครียดได้ และกลยุทธ์เหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการการตอบสนองทาง อารมณ์ของบุคคลต่อภัยคุกคามเช่น COVID-19 นอกจากนี้ กลยุทธ์การเผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้น การจัดการกับอารมณ์ยังมุ่งไปที่การจัดการความทุกข์ทางอารมณ์ ซึ่งในทางกลับกัน การเผชิญ ปัญหาแบบมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหา (เช่น การเผชิญหน้า การแสวงหาการสนับสนุนทางสังคม การ แก้ปัญหาอย่างมีการวางแผน) ช่วยให้บุคคลสามารถอดทนและหรือลดภัยคุกคาม โดยมุ่งเป้าไปที่.
Perceived stress and coping strategies during the COVID-19 pandemic among public health and preventive medicine students in Vietnam.