• Tidak ada hasil yang ditemukan

The Developing Model for Working Efficiency of Local Organization Government Officers Working in Sub District Administration Organizations in Udon Thani Province

N/A
N/A
Protected

Academic year: 2025

Membagikan "The Developing Model for Working Efficiency of Local Organization Government Officers Working in Sub District Administration Organizations in Udon Thani Province "

Copied!
12
0
0

Teks penuh

(1)

รูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถินทีสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

The Developing Model for Working Efficiency of Local Organization Government Officers Working in Sub District Administration Organizations in Udon Thani Province

ตุลยฤทธิ วิเศษชัย1 แดนวิชัย สายรักษา2 และชาตรี ศิริสวัสดิ3 Tulyarit Wisedchai1 Danwichai Sairaksa2 and Chatee Sirisawat3

สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม1,2,3

Regional Development Strategies, Faculty of Humanities and Social Sciences, Rajabhat Maha Sarakham University1,2,3 Corresponding author, E-mail : [email protected]

บทคัดย่อ

การวิจัยครัSงนีSมีวัตถุประสงค์ 1. เพืWอศึกษาปัจจัยทีWมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีW สังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี 2. เพืWอสร้างรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีW

สังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี 3. เพืWอทดลองใช้และประเมินผลการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการ ส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี ประชากร คือ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลใน จังหวัดอุดรธานี เฉพาะทีWเป็นข้าราชการ จํานวน 2,187 คน กําหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของ Smith [1] ได้กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 329 คน การทดสอบสมมติฐานปัจจัยทีWมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ใช้การวิเคราะห์สมการเชิงโครงสร้าง (SEM) โดยใช้โปรแกรมลิสเรล (LISREL) และสหสัมพันธ์เพียร์สัน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผู้วิจัย ได้ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบกําหนดสัดส่วนตามชัSนภูมิ และการสุ่มแบบง่าย การวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้เชีWยวชาญ นักวิชาการ และผู้มีส่วนเกีWยวข้อง จํานวน 21 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มทดลอง คือ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบล หนองนาคํา อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จํานวน 15 คนวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การทดสอบสมมติฐานการวิจัย ใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนหลายตัวแปรตามแบบวัดซํSา (MANOVA) วิธีดําเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ผลการวิจัย

การวิจัยระยะทีW 1 การศึกษาปัจจัยทีWส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยทีWมีอิทธิพลทางตรงต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน จํานวน 5 ปัจจัย ได้แก่ ภาวะผู้นํา (DE= 0.27) บรรยากาศของหน่วยงาน (DE= 0.18) ความฉลาดทางอารมณ์ (DE= 0.15) การเป็นสมาชิกทีWดี (DE= 0.06) การรับรู้บทบาท (DE= 0.01) ซึWงเป็นปัจจัยทีWส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ส่วนการทํางานเป็นทีม (DE= -0.07) ไม่มีอิทธิพลทางตรงต่อประสิทธิภาพ การปฏิบัติงาน โดยสามารถอธิบายการผันแปรในตัวแปรตามได้ร้อยละ 31 (R2= 0.31)

รับบทความ 30 พฤศจิกายน 2561 แก้ไขบทความ 28 ธันวาคม 2561 ตอบรับบทความ 17 มกราคม 2562 Received 30 November 2018 Revised 28 December 2018 Accepted 17 January 2019

(2)

การวิจัยระยะทีW 2 ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดยการนําผลการวิจัยในระยะทีW 1 มายกร่างรูปแบบเบืSองต้น และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้รูปแบบเป็น

หลักสูตรการฝึกอบรม ลักษณะกิจกรรมในการพัฒนา 10 กิจกรรม ประกอบด้วย 1) การแสดงพฤติกรรมการเป็นสมาชิกทีWดี 2) การทํางาน อย่างผู้นํา 3) ผู้นํา 4 ทิศ 4) การเป็นสมาชิกทีWดี 5) กิจกรรม 5 ส. 6) 5 วิธีสร้างบรรยากาศ 7) ความคาดหวัง 8)การรู้จักตัวเอง 9) ระดมสมอง ต้นไม้แห่งความคิด และ10) การแสดงบทบาทสมมติ เพืWอเพิWมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี นําผลทีWได้มาปรับปรุงรูปแบบให้สมบูรณ์ แล้วนําไปทดลองใช้ในระยะทีW 3

การวิจัยระยะทีW 3 ผลการทดลองใช้และการประเมินรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีW สังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดยประเมินจากภาวะผู้นํา บรรยากาศของหน่วยงาน ความฉลาดทางอารมณ์ การเป็น สมาชิกทีWดี และการรับรู้บทบาท ในกลุ่มทดลองพบว่า ค่าเฉลีWยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการพัฒนา

แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีWระดับ .05 โดยค่าเฉลีWยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในกลุ่มทดลองหลังการทดลองดีกว่าก่อน การทดลอง จึงสรุปได้ว่าหลังการใช้รูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ทีWผู้วิจัยสร้างขึSนทําให้ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ

ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานีดีขึSน คําสําคัญ : การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน; ข้าราชการส่วนท้องถิWน

ABSTRACT

The purposes of the current study were 1) to investigate factors affecting working efficiency of local organization government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province, 2) to develop a model for enchanting working efficiency of local organization government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province, and 3) to implement the model for enchanting working efficiency of local organization government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province.

The population were 2,187 government officers working in sub district admiration organizations in Udon Thani province. The samples were 329 personnel working in sub district administration organizations in the area selected by Smith’s (2015) method. Research hypothesis was tested by Structural Equation Modeling (SEM) and Pearson Correlation Coefficient using LISREL software. The instrument was a set of questionnaire. The samples in qualitative process of study were 21 scholars, experts, and accomplices selected by purposive sampling method. The participants in the empirical phase were 15 government officers working in Nong Nakhum sub district administration organization, Meaung district, Udon Thani province. MANOVA was employed in data analysis. The study were divided into 3 phases as follows.

Phase 1 aimed to investigate factors affecting working efficiency of local organization government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province. The result of the study indicated that there were 5 factors that affected the working efficiency of the personnel including leadership (DE= 0.27), working atmosphere (DE= 0.18), emotional intelligence (DE= 0.15), good membership (DE= 0.06) , and role and responsibility (DE= 0.01). Meanwhile, teamwork DE= -0.07) was found not affecting working efficiency with Determination of 31 (R2= 0.31).

(3)

Phase 2 focused on developing a model for enchanting working efficiency of local organization government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province employing data gain from phase 1. A workshop was held to discuss the possibility of the model. The result showed that the developed model should be designed in a training curriculum having 10 activities including 1) good membership behaviors, 2) working with leadership, 3) directions of leaders, 4) good membership, 5) 5 standards of working, 6) 5 working atmosphere contribution activities, 7) expectations, 8) self-awareness, 9) brainstorming and trees of thoughts, and 10) role play activities. The activities were reviewed and implemented in phase 3.

Phase 3 aimed to investigate the effectiveness of the developed model on local organization government officers’ working efficiency in sub district administration organizations in Udon Thani province. Leadership, working atmosphere, emotional intelligence, good membership, and role and responsibility were the focuses of the investigation. The result of the study indicated that there was a significant difference between working efficiency of the participants at the statistical level of .05. The average working efficiency after being treated with the developed model was higher that the working efficiency prior to the treatment. It could be implied that the developed model positively affected working efficiency of government officers working in sub district administration organizations in Udon Thani province.

Keywords : Performance Improvement; Local Government Officials

.

บทนํา

การกระจายอํานาจการปกครองให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิWน เป็นแนวคิดทีWมีมานานนับตัSงแต่เริWมมีรัฐธรรมนูญ โดยเป็น แนวคิดทีWถือเป็นรากฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทีW แท้จริง โดยต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครอง ตนเองภายในท้องถิWนของตน ทัSงเป็นแนวคิดทีWเชืWอว่าจะสามารถลด ความเหลืWอมลํSาในด้านต่างๆได้ การปกครองท้องถิWนได้รับ การบัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญหลายฉบับแต่ทีWชัดเจนทีWสุด คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 ทีWมีการบัญญัติไว้

เป็นหมวดการปกครองท้องถิWนทีWชัดเจน โดยวางหลักการว่าท้องถิWน ต้องมีความเป็นอิสระและสามารถปกครองตนเองได้ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนได้ถูกจัดตัSงขึSนทัWวประเทศทัSงในรูปแบบทัWวไป และรูปแบบพิเศษ มีอํานาจหน้าทีWและภารกิจมากมายตามทีW กฎหมายกําหนด กระทัWงปัจจุบันการกระจายอาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนได้ดําเนินมานานหลายสิบปี องค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิWนดําเนินงานตามอํานาจหน้าทีWและภารกิจทีWได้รับการถ่าย โอนเรืWอยมา แต่สภาวการณ์ของการปกครองท้องถิWนกลับมีแต่

ปัญหาสะสมมากมาย จนกลายเป็นว่า ยิWงนับวันการปกครองท้องถิWน กลับไม่มีอิสระในการปกครองตนเอง ยิWงนับวันท้องถิWนกลับไม่

สามารถปกครองตนเองได้ต้องพึWงพารัฐส่วนกลางมากขึSน ประชาชน ในท้องถิWนไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองได้ โดย สาเหตุของสภาวการณ์ของการปกครองท้องถิWนเป็นเพราะปัญหาใน หลายด้าน กล่าวคือ 1) ปัญหาด้านรูปแบบและโครงสร้างของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน องค์กรปกครองส่วนท้องถิWนรูปแบบ ทัWวไประดับล่างคือเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตําบล(อบต.) มี

ปัญหาว่าองค์การบริหารส่วนตําบลกับเทศบาลมีความแตกต่างกัน ในเรืWองของรูปแบบการดําเนินงานและงบประมาณ ซึWงส่งผลต่อ การบริหารจัดการและคุณภาพในการจัดทําบริการสาธารณะ โครงสร้างภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิWนรูปแบบทัWวไป มี

ฝ่ายบริหารและฝ่ายสภาท้องถิWน ซึWงมาจากการเลือกตัSงโดยตรงของ

(4)

ประชาชน มีปัญหาเรืWองของการถ่วงดุลอํานาจระหว่างสภาทีWไม่อาจ ทําได้จริง ฝ่ายนิติบัญญัติไม่อาจใช้อํานาจในการออกข้อบัญญัติ

ท้องถิWนและในด้านการถ่วงดุลอํานาจได้ ไม่เกิดการตรวจสอบ ถ่วงดุลทีWแท้จริง 2) ปัญหาด้านอํานาจหน้าทีWขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิWนการกําหนดอํานาจหน้าทีWระหว่างรัฐกับท้องถิWนยังไม่

ชัดเจน มีการกําหนดทัSงในกฎหมายจัดตัSง และพระราชบัญญัติ

กําหนดแผนและขัSนตอนการกระจายอํานาจฯ ให้ท้องถิWนมีอํานาจ หน้าทีWในด้านต่างๆ แต่ก็ยังมีหน่วยงานของทัSงภาครัฐส่วนกลางและ ภูมิภาคยังคงมีอํานาจหน้าทีWในเรืWองนัSนๆ อยู่ โดยเฉพาะราชการส่วน ภูมิภาคซึWงมีหน่วยงานตัSงอยู่ในพืSนทีW อํานาจหน้าทีWมีความคล้ายกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน เป็นการทับซ้อนเชิงอํานาจ 3) ปัญหา ด้านการกํากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิWนรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กําหนดให้รัฐจะต้องให้ความ เป็นอิสระแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน ตามหลักแห่งการปกครอง ตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิWน การกํากับดูแล องค์กรปกครองส่วนท้องถิWนต้องทําเท่าทีWจําเป็นและมีหลักเกณฑ์

วิธีการ และเงืWอนไขทีWชัดเจนสอดคล้องและเหมาะสมกับรูปแบบของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน แต่รัฐส่วนกลางกํากับดูแลท้องถิWนมาก เกินไป ทัSงทางตรงผ่านทางตัวแทนของรัฐคือราชการส่วนภูมิภาคใน พืSนทีWและทางอ้อมผ่านทางนโยบายประชานิยมต่างๆของรัฐบาล การควบคุมโดยระบบงบประมาณเป็นต้น จนกลายเป็นการครอบงํา

ท้องถิWน จนท้องถิWนขาดความเป็นอิสระในการปกครองตนเอง 4) ปัญหาด้านการคลังและงบประมาณขององค์กรปกครองส่วน

ท้องถิWนท้องถิWนมีงบประมาณไม่เพียงพอ เมืWอเทียบกับภารกิจทีWต้อง จัดทําตามทีWกฎหมายกําหนด ซึWงตามพระราชบัญญัติกําหนดแผน และขัSนตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน พ.ศ. 2542 กําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิWนมีรายได้เพิWมขึSน คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาลในไม่เกิน พ.ศ. 2549 ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 35 โดยการเพิWมสัดส่วนอย่างเหมาะสมกับภารกิจทีWถ่ายโอน แต่เมืWอครบกําหนดรัฐบาลก็ออกกฎหมายมากําหนดอัตรารายได้

ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิWนใหม่ ปัจจุบันรายได้ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนก็ยังคงไม่ถึงตามทีWกฎหมายกําหนดไว้แต่แรก นอกจากนีSท้องถิWนยังขาดการพัฒนาในเรืWองฐานภาษีท้องถิWนหรือ การหารายได้ ทําให้การเก็บภาษีในส่วนนีSได้น้อยไม่เพียงพอต่อ

การดําเนินงานในพืSนทีW 5) ปัญหาด้านการบริหารงานบุคคลของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิWน การบริหารงานบุคคลขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนไม่มีความชัดเจน พระราชบัญญัติระเบียบ การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิWน พ.ศ. 2542 กําหนดให้มี

คณะกรรมการไตรภาคีขึSนมา เพืWอดูแลการบริหารงานบุคคลของ ท้องถิWนในระดับต่าง ๆ ทัWวประเทศมีบทบาทสําคัญในการบริหารงาน บุคคลของท้องถิWนแต่ก็ยังคงมีราชการส่วนกลางเข้ามาเป็น คณะกรรมการในสัดส่วนทีWมีนัยสําคัญต่อการกําหนดแนวทางของ การบริหารงานบุคคลท้องถิWน และในส่วนของการกําหนดอัตรา ตําแหน่งต่างๆก็ยังคงเป็นการกําหนดโดยไม่ได้มีการนําเรืWองภารกิจ ของท้องถิWนในแต่ละพืSนทีWมาพิจารณา ฯลฯ ทําให้หลายท้องถิWนได้

บุคคลากรทีWไม่ตรงกับหน้าทีWของท้องถิWนนัSนๆ นอกจากนีS การบริหารงานบุคคลของท้องถิWนยังเชืWอมโยงกับงบประมาณของ ท้องถิWน ซึWงไม่เอืSอต่อการเติบโตในสายงานภายในท้องถิWนของตนได้

บุคลากรของท้องถิWนขาดการพัฒนาเรืWองความเชีWยวชาญเฉพาะด้าน 6) ปัญหาด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิWน การมีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิWนของประชาชนมีน้อยมาก มี

เพียงการไปใช้สิทธิเลือกตัSงสมาชิกสภาท้องถิWนและผู้บริหารท้องถิWน เท่านัSน ในกรณีทีWได้มีส่วนร่วมก็เป็นการมีส่วนร่วมตามแบบพิธี

เท่านัSน เนืWองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิWนทีWไม่มีความชัดเจน ไม่

มีงบประมาณและองค์กรภายในสนับสนุนการมีส่วนร่วม และทัSง จากประชาชนเองทีWยังไม่เข้าใจบทบาทของตนเอง ยังไม่ตระหนักถึง ความเป็นเจ้าของเงินภาษีของตนเองอย่างแท้จริง ซึWงทาให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนขาดการสนใจและขาดพลังความร่วมมือจาก [2]

จากความเป็นมาและความสําคัญดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า การพัฒนาคนเป็นสิWงสําคัญมากในด้านหลักการบริหาร โดยเฉพาะ ในหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิWนทีWถูกตํานิมากทีWสุด จําเป็น อย่างยิWงทีWจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาให้ประชาชนเกิดความ ประทับใจ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

ซึWงเป็นหน่วยงานทีWมาจากประชาชน โดยประชาชนมีสิทธิเลือก ผู้บริหารเอง เมืWอประชาชนไม่พอใจในวาระต่อไปฝ่ายบริหารก็ไม่ถูก เลือกเข้ามาบริหารงานอีก ซึWงสิทธิอยู่กับประชาชน ปัจจุบันองค์กร ปกครองส่วนท้องถิWนของไทย ได้ถูกปรับเปลีWยนมาโดยตลอด เห็น ได้จากรูปแบบสภาตําบลได้หมดไป ถูกปรับเปลีWยนเป็นองค์การ

(5)

บริหารส่วนตําบล และมีแนวโน้มลดลงและอาจจะหมดไปเช่นกัน เพราะถูกปรับเปลีWยนหรือยกฐานะเป็นรูปแบบเทศบาลตําบล เทศบาลเมืองตามลําดับ ส่วนเทศบาลนคร และเขตปกครองพิเศษมี

การปรับเปลีWยนน้อยมาก จากการเปลีWยนแปลงดังกล่าว ก็ส่งผล

กระทบมายังองค์การบริหารส่วนตําบลทําให้เกิดความสับสนใน การปฏิบัติหน้าทีWของข้าราชการส่วนท้องถิWน จึงส่งผลถึง การบริหารงานเกีWยวกับข้าราชการส่วนท้องถิWน มีความจําเป็นอย่าง ยิWงทีWจะต้องมีการพัฒนาตามอย่างรวดเร็ว ให้ทันกับสังคมในปัจจุบัน ดังนัSน ผู้วิจัยเป็นข้าราชการส่วนท้องถิWน จึงสนใจทีWจะศึกษาวิจัย เรืWอง รูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการ ส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี ว่า มีปัจจัยใดบ้างทีWส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน เพืWอนําข้อ

ค้นพบดังกล่าวมาสร้างรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพ การปฏิบัติงาน ตลอดจนนําหลักการพัฒนาประสิทธิภาพการ

ปฏิบัติงานทีWพัฒนาขึSน ไปทดลองใช้และประเมินผลการทดลองใช้

เพืWอประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ ข้าราชการส่วนท้องถิWนให้ดีขึSน ตลอดจนสร้างความเจริญต่อระบบ การทํางานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลให้มีประสิทธิภาพต่อการพัฒนาประเทศต่อไป

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพืWอ ศึก ษาปัจจัยทีWมีอิทธิพลต่อ ป ระสิท ธิภ าพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร

ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

2. เพืWอสร้างรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลใน จังหวัดอุดรธานี

3. เพืWอทดลองใช้และประเมินผลการพัฒนาประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

สมมติฐานการวิจัย

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี ได้รับผลโดยตรง และโดย

อ้อมจากตัวแปร การทํางานเป็นทีม ความฉลาดทางอารมณ์ การเป็น ข้าราชการทีWดี และการรับรู้บทบาท ซึWงส่งผลโดยอ้อมผ่านตัวแปร บรรยากาศของหน่วยงาน และภาวะผู้นําผลการทดลองหลังการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานส่วนตําบลในเขตพืSนทีWจังหวัด อุดรธานี ทีWผู้วิจัยสร้างขึSนดีกว่าก่อนการทดลอง

วิธีดําเนินการวิจัย

การวิจัยในครัSงนีS ผู้วิจัยกําหนดขอบเขตการวิจัย ดังนีS

1. พืSนทีWเป้าหมาย เป็นการศึกษาเฉพาะองค์การบริหารส่วน ตําบลในจังหวัดอุดรธานี

2. ระยะการวิจัย การวิจัยครัSงนีSแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ การวิจัยระยะที 1 การศึกษาปัจจัยทีส่งผลต่อการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถินทีสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

1.1 ประชากร คือ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี เฉพาะทีWเป็นข้าราชการ จํานวน 2,187 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี กําหนดขนาดกลุ่ม ตัวอย่าง โดยใช้สูตรของ Chaiyon Plornpon [2] ได้กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 329 คน ผู้วิจัยได้ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบกําหนดสัดส่วน ตามชัSนภูมิ และการสุ่มแบบง่าย

2. ตัวแปรทีใช้ศึกษาในการวิจัย

2.1 ตัวแปรอิสระ เป็นปัจจัยเชิงสาเหตุของประสิทธิภาพ

การปฏิบัติงาน คือ การทํางานเป็นทีม ความฉลาดทางอารมณ์

การเป็นข้าราชการทีWดี และการรับรู้บทบาท

2.2 ตัวแปรคัWนกลาง คือ บรรยากาศของหน่วยงาน และ ภาวะผู้นํา

2.3 ตัวแปรตาม ซึWงเป็นปัจจัยผลลัพธ์ คือ ประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

3. เครืองมือทีใช้ในการรวบรวมข้อมูล

เป็นแบบสอบถามทีWผู้วิจัยได้ปรับใช้และพัฒนาเครืWองมือมา จากแบบสอบถามทีWมีนักวิชาการได้ทําการศึกษาไว้แล้ว และนํา

(6)

เครืWองมือวัดนัSนมาปรับข้อคําถามบางส่วน เพืWอให้สอดคล้องและกับ บริบททีWทําการศึกษาในครัSงนีS

4. การเก็บรวบรวมข้อมูล

เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทีWเป็นข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดยผู้วิจัยจะดําเนินการเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นลําดับขัSนตอน

5. การวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้วิจัยนําข้อมูลทัSงหมดมาจัดหมวดหมู่และบันทึกคะแนนแต่

ละข้อในรูปแบบรหัส หลังจากนัSนนําข้อมูลทัSงหมดไปวิเคราะห์ด้วย เครืWองคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูปเพืWอทดสอบสมมติฐาน เชิงทฤษฎีชัWวคราวทีWสร้างขึSนก่อนการวิจัย

5.1 การวิเคราะห์เชิงพรรณนา เพืWออธิบายข้อมูลทัWวไป สถิติทีWใช้ ได้แก่ ค่าเฉลีWย ร้อยละ ความถีW และค่าเบีWยงเบน มาตรฐาน

5.2 สถิติวิเคราะห์ การวิจัยครัSงนีSผู้วิจัยใช้โปรแกรม สําเร็จรูปในการวิเคราะห์สมการโครงสร้างเชิงเส้น ด้วยโปรแกรม ลิสเรล (LISREL for windows ) และอธิบายอิทธิพลเส้นทางด้วย (Path Analysis ) ของปัจจัยเชิงสาเหตุทีWส่งผลทัSงโดยตรงและโดย อ้อมต่อตัวแปรตาม คือ บรรยากาศของหน่วยงาน และ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดยกําหนดระดับนัยสําคัญทางสถิติทีW .05 ผู้วิจัยจึงได้ทําการตรวจสอบข้อตกลงเบืSองต้นก่อนการวิเคราะห์

ข้อมูล คือ

การวิจัยระยะที 2 การสร้างรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถินทีสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

โดยนําตัวแปรอิสระทีWพบว่าส่งผลต่อประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบล มาสร้างรูปแบบ

กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีส่วนเกีWยวข้องในการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ได้แก่ ประชาชนทีWมารับบริการ จํานวน 5 คน ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลสาย อํานวยการ สายบริหาร สายงานทัWวไปและวิชาการ จํานวน 10 คน นายกองค์การบริหารส่วนตําบล จํานวน 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ

จํานวน 3 คน รวม 21 คน

1. เครืWองมือทีWใช้ในการวิจัย คือ แผนงาน โครงการ หรือรูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ทีWผู้วิจัยนํา ผลการวิจัยระยะทีW 1 มาสร้างขึSนเป็นตุ๊กตาพิจารณาในการจัด ประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshops) เพืWอให้ผู้เชีWยวชาญและผู้มีส่วน เกีWยวข้อง วิพากษ์รูปแบบ

2. เครืWองมือทีWใช้รวบรวมข้อมูลในการวิจัย ผู้วิจัยเก็บ รวบรวมข้อมูลจากแบบรวบรวมการวิจารณ์และข้อเสนอแนะ โดย การจดบันทึกลงในแบบวิจารณ์และข้อเสนอแนะและทําการบันทึกภาพ บันทึกเสียงทุกเนืSอหา และทําการสังเคราะห์ข้อมูลจากการวิจารณ์

และข้อเสนอแนะจากการถอดข้อความ เพืWอนํามาเทียบเคียงกับ บริบทของการวิจัยและปรับปรุงรูปแบบตามการวิจารณ์และ ข้อเสนอแนะ

3. การวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรูปแบบการพัฒนา ผู้วิจัยทําการวิเคราะห์ข้อวิจารณ์และข้อเสนอแนะทีWได้จากการถอด ข้อความว่าอยู่ในตัวแปรใด (ทีWได้จากการวิจัยระยะทีW 1) และนํามา จัดกลุ่ม (Grouping) จากนัSนก็ทําการสังเคราะห์กลุ่มการวิจารณ์

และข้อเสนอแนะทีWได้จากการถอดข้อความการนําผลการวิเคราะห์

ข้อมูลมาจัดทํารูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน การวิจัยระยะที 3 เป็นการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถินทีสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี

1. กลุ่มทดลอง ได้แก่ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลหนองนาคํา อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

จํานวน 15 คน

2. ตัวแปรทีWใช้ในการวิจัย

2.1 ตัวแปรอิสระ คือ รูปแบบการพัฒนาประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบล

2.2 ตัวแปรตาม คือ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ ข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบล

3. เครืWองมือทีWใช้ในการวิจัย

3.1 เครืWองมือทีWใช้ในการวิจัยระยะทีW 3 คือ แผนการ พัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีW สังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลหนองนาคํา (โครงการฝึกอบรม )

(7)

3.2 เครืWองมือทีWใช้ในการวัดประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ใช้แบบสอบถามจํานวน 20 ข้อคําถาม

4. วิธีดําเนินการ

ใช้วิธีการวิจัยแบบกึWงทดลอง (Quasi Experimental Design) โดยมีแบบแผนการวิจัยแบบ One -Group Pretest- Posttest Design ทําการเก็บข้อมูลก่อนทดลองและหลังทดลอง

5. ประเมินผล

โดยใช้ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถาม การวัด ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลหนองนาคํา อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

กลุ่มทดลอง จํานวน 15 คน เปรียบเทียบระหว่างก่อนการทดลอง และหลังการทดลองด้วย MANOVA (Repeated Measure)

ผลการวิจัย

ผลการวิจัยมีดังนีS

การวิจัยระยะทีW 1 การศึกษาปัจจัยทีWส่งผลต่อประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหาร ส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยทีWมีอิทธิพล ทางตรงต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน จํานวน 5 ปัจจัย ได้แก่

ภาวะผู้นํา (DE= 0.27) บรรยากาศของหน่วยงาน (DE= 0.18) ความฉลาดทางอารมณ์ (DE= 0.15) การเป็นสมาชิกทีWดี (DE=

0.06) การรับรู้บทบาท (DE= 0.01) ซึWงเป็นปัจจัยทีWส่งผลต่อ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ส่วนการทํางานเป็นทีม (DE= -0.07) ไม่มีอิทธิพลทางตรงต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดยสามารถ อธิบายการผันแปรในตัวแปรตามได้ร้อยละ 31 (R2= 0.31)

การวิจัยระยะทีW 2 ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดยการนําผลการวิจัย ในระยะทีW 1 มายกร่างรูปแบบเบืSองต้น และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ

ได้รูปแบบเป็นหลักสูตรการฝึกอบรม ลักษณะกิจกรรมใน การพัฒนา 10 กิจกรรม ประกอบด้วย 1) การแสดงพฤติกรรม การเป็นสมาชิกทีWดี 2) การทํางานอย่างผู้นํา 3) ผู้นํา 4 ทิศ 4) การเป็น สมาชิกทีWดี 5) กิจกรรม 5 ส. 6) 5 วิธีสร้างบรรยากาศ 7) ความ

คาดหวัง 8) การรู้จักตัวเอง 9) ระดมสมองต้นไม้แห่งความคิด และ 10) การแสดงบทบาทสมมติ เพืWอเพิWมประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน นําผลทีWได้มาปรับปรุงรูปแบบให้สมบูรณ์ แล้วนําไปทดลองใช้ใน ระยะทีW 3

การวิจัยระยะทีW 3 ผลการทดลองใช้และการประเมินรูปแบบ การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีW สังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดยประเมินจาก

ภาวะผู้นํา บรรยากาศของหน่วยงาน ความฉลาดทางอารมณ์

การเป็นสมาชิกทีWดี และการรับรู้บทบาท ในกลุ่มทดลองพบว่า ค่าเฉลีWยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ก่อนและหลังการใช้

รูปแบบการพัฒนา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีWระดับ .05 โดยค่าเฉลีWยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในกลุ่มทดลองหลัง การทดลองดีกว่าก่อนการทดลอง จึงสรุปได้ว่าหลังการใช้รูปแบบ การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ทีWผู้วิจัยสร้างขึSนทําให้

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWนทีWสังกัด องค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานีดีขึSน

สรุปผลและการอภิปรายผลการวิจัย

ผลการวิจัยมีประเด็นสําคัญนํามาสรุปผลและอภิปรายผลการวิจัย ดังนีS

1. จากการวิจัยในครัSงนีS ผู้วิจัยพบว่ามีปัจจัย 5 ด้าน ทีWเป็น ปัจจัยทีWมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วน ท้องถิWนทีWสังกัดองค์การบริหารส่วนตําบลในจังหวัดอุดรธานี โดย พบว่า ตัวแปรทีWมีอิทธิพลสูงสุด คือ ภาวะผู้นํา รองลงมาคือ บรรยากาศของหน่วยงาน รองลงมา คือ ความฉลาดทางอารมณ์

รองลงมา คือ การเป็นสมาชิกทีWดี รองลงมา คือ การรับรู้บทบาท ส่วนตัวแปรทีWมีอิทธิพลน้อยทีWสุดคือ การทํางานเป็นทีม สามารถ อภิปรายผลได้ดังนีS

1.1 ภาวะผู้นํา ภาวะผู้นําเป็นตัวแปรคัWนกลางทีWมีอิทธิพล ต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWน เป็น ลําดับทีW 1 จากทัSงหมด 6 ตัวแปรซึWงอธิบายได้ว่า ภาวะผู้นําเป็นตัว แปรทีWสําคัญทีWทีWได้รับผลจากตัวแปรอิสระ 4 ตัวแปร ประกอบด้วย ความฉลาดทางอารมณ์ การเป็นสมาชิกทีWดี การรับรู้บทบาท และ การทํางานเป็นทีม ทีWจะนําไปสู่ ความสําเร็จของการปฏิบัติงาน ซึWงใน

(8)

การทํางานต้องอาศัยความร่วมมือของพนักงานในองค์กร ทุกคน ต้องมีเป้าหมาย มีการประสานงานกันซึWงจะส่งผลให้บุคคลในองค์กร เกิดความรัก ความสามัคคี มีความเอืSออาทรต่อเพืWอนร่วมงาน ซึWง สอดคล้องกับการวิจัยของ Rajkhum Sirinad [3] ได้ศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นํา การแลกเปลีWยนความรู้การทํางาน เป็นทีมกับผลการดําเนินงานของกลุ่ม OTOP กรณีศึกษากลุ่มสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นํา การเปลีWยนแปลง ภาวะผู้นําการแลกเปลีWยน การแลกเปลีWยนความรู้

และการทํางานเป็นทีมอยู่ในระดับมาก ภาวะผู้นําการเปลีWยนแปลงมี

ความสัมพันธ์โดยตรงกับผลการดําเนินงานอย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติทีระดับ 0.01 มีค่าสัมประสิทธิถดถอยปรับมาตรฐานเท่ากับ 0.441 ภาวะผู้นําการเปลีWยนแปลงและภาวะผู้นําการแลกเปลีWยนมี

ความสัมพันธ์โดยตรงต่อการแลกเปลีWยนความรู้ และการทํางานเป็น ทีม ในขณะทีการแลกเปลีWยนความรู้และการทํางานเป็นทีมไม่มี

ความสัมพันธ์กับผลการดําเนินงานของกลุ่ม OTOP อย่างมี

นัยสําคัญทางสถิติทีWระดับ 0.05

1.2 บรรยากาศของหน่วยงาน เป็นตัวแปรคัWนกลางทีWมี

อิทธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWน เป็นลําดับทีW 2 จากทัSงหมด 6 ตัวแปรซึWงอธิบายได้ว่า บรรยากาศ ของหน่วยงานเป็นตัวแปรทีWสําคัญทีWทีWได้รับผลจากตัวแปรอิสระ 4 ตัวแปร ประกอบด้วย ความฉลาดทางอารมณ์ การเป็นสมาชิกทีWดี

การรับรู้บทบาท และการทํางานเป็นทีม ทีWจะนําไปสู่ ความสําเร็จของ การปฏิบัติงาน ซึWงในการทํางานต้องอาศัยความร่วมมือของพนักงาน ในองค์กร ทุกคนต้องมีเป้าหมาย มีการประสานงานกันซึWงจะส่งผล ให้บุคคลในองค์กร เกิดความรัก ความสามัคคี มีความเอืSออาทรต่อ เพืWอนร่วมงาน ซึWงสอดคล้องกับแนวคิดของ Prajantasan Penjan [4] ได้กล่าวไว้ว่า บรรยากาศของหน่วยงานมีความสัมพันธ์กับตัว แปรต่าง ๆ ดังนีS 1) บรรยากาศของหน่วยงานส่งผลทางบวกต่อ พฤติกรรมการทํางานของบุคลากร 2) บรรยากาศของหน่วยงานมี

ความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการทํางาน และประสิทธิภาพ การปฏิบัติงาน 3) บรรยากาศของหน่วยงานมีความสัมพันธ์ทางบวก กับเจตคติทีWมีต่องาน ความพึงพอใจในงาน และความผูกพันต่อ องค์กร 4) บรรยากาศของหน่วยงานมีความสัมพันธ์กับ ความคลุมเครือในบทบาท 5) บรรยากาศของหน่วยงานมี

ความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตการทํางานของบุคคล 6) บรรยากาศ ของหน่วยงานมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้บริหาร

1.3 ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นตัวแปรอิสระทีWมีอิทธิพล ต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWน ในลําดับ ทีW 3 ใน 6 ตัวแปร ซึWงอธิบายได้ว่าการบุคลากรในองค์กรจะทํางาน ให้มีประสิทธิภาพทําให้งานบรรลุตามเป้าหมายทีWตัSงไว้ ตัวแปรด้าน ความฉลาดทางอารมณ์ ก็เป็นอีกตัวแปรหนึWงทีWมีความสําคัญต่อ การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน เพราะถ้าหน่วยงานใด ผู้รับบริการได้รับการให้บริการดี จะส่งผลให้การปฏิบัติงานใน องค์กรนัSนบรรลุตามเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับงานวิจัยของ Chaikulab iasariyapon [5] ได้ทํา การวิจัย เรืWอง ความฉลาดทางอารมณ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพืSนทีWการศึกษาเลย เขต 1 เขต 2 และเขต 3 กล่าวว่าบุคคลทีWตระหนักถึงความรู้สึกความคิดและ อารมณ์ของ ตนเองและผู้อืWนสามารถควบคุมอารมณ์และแรงกระตุ้นภายใน ตลอดจนสามารถรอคอยการตอบสนอง ความต้องการของตนเอง ได้อย่างถูกกาลเทศะเป็นผู้ทีWให้กําลังใจตนเองในการเผชิญปัญหากับ อุปสรรคและข้อขัดแย้ง ต่างๆได้อย่างไม่คับข้องใจสามารถชีSนํา ความคิดและการกระทําของตนในการท างานร่วมกับผู้อืWนในฐานะ ผู้นําได้อย่าง มีความสุขจนประสบความสําเร็จในอาชีพและชีวิต

1.4 การเป็นสมาชิกทีWดี เป็นตัวแปรอิสระทีWมีอิทธิพลต่อ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการส่วนท้องถิWน ในลําดับทีW 4 ใน 6 ตัวแปร ในการวิจัยครัSงนีS แต่ก็ยังเป็นตัวแปรอิสระอีกตัวแปร หนึWงทีWผู้บริหารควรให้ความสําคัญในการนํามาใช้ในการบริหาร องค์กร เพราะถ้าหากบุคคลในองค์กร มีความเชืWอและมีทัศนคติ

เชิงบวกต่อองค์กร จําทําให้บุคคลนัSน เกิดความรัก ความผูกพัน มี

ความภาคภูมิใจและรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึWงในองค์กร ก็จะทุ่มเท ความรู้ความสามารถในการทํางาน มีการปกป้ององค์กร ซึWง สอดคล้องกับงานวิจัยของ Intarakamhang angsinan [6] ได้

ศึกษาเรืWอง การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารกําลังคนคุณภาพ เพืWอความต่อเนืWองในการบริหารราชการ จากผลการวิจัยตามข้อมูล เชิงปริมาณทีWพบว่า มีความสอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัยทัSง 2 ข้อทีW สรุปได้ว่า รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุด้านปัจจัยภายใน บุคคลและปัจจัยสภาพแวดล้อมในงานทีWมี อิทธิพลต่อประสิทธิภาพ

Referensi

Dokumen terkait