• Tidak ada hasil yang ditemukan

Journal of Behavioral Science Vol. 21 No. 1 January 2015 ISSN 1686-1442

N/A
N/A
Protected

Academic year: 2024

Membagikan "Journal of Behavioral Science Vol. 21 No. 1 January 2015 ISSN 1686-1442"

Copied!
14
0
0

Teks penuh

(1)

Professional Socialization: A Developmental Process of Professionalism in the Worklife1

Thasuk Junprasert 2 Nutthapong Thammaruksasit 3

Received: November 3, 2014 Accepted: November 12, 2014

Abstract

Professional socialization is a very important process for preaching and individual development before and during their profession as well as the stability of the profession. The objective of this article was to present an idea of professional socialization including research synthesis and a case study of an industrial product designer as a way to develop a professional socialization process leading to professionalism in a Thai context. By using the example of a case study for synthesis was a way to connect theoretical perspectives and empirical data in the study by using qualitative research. The result showed that the professional socialization process was divided into three phases: before their profession, during their profession, and the stability of profession; and each phase comprised a differential agent, content, and tactics. In addition, we found that professional identity consisted of 3 characteristics: 1) Personality characteristics such as observant curiosity, high knowledge, imagination, 2) Features of interpersonal relationships such as the ability to adapt and the ability to compromise, and 3) Features of work such as the ability to solve problems or the ability to manage.

Keywords: Professional Socialization, Professionalism, Worklife

1 Academic Article

2 Lecturer at Behavioral Science Research Institute, Srinakharinwirot University E-mail:[email protected] Tel :08-3540-9799

3 Industrial Designer E-mail:[email protected] โทร.08-1448-6338

(2)

การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ : กระบ นการพัฒนา ู่ค ามเป็นมืออาชีพ ในชี ิตการท างาน

1

ฐา ุกร์ จันประเ ริฐ2 ณัฐพง ์ ธรรมรัก า ิทธิ์3 บทคัดย่อ

การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ เป็นกระบ นการที่มีค าม าคัญอย่างยิ่งในการ ล่อ ลอมและพัฒนา บุคคลตั้งแต่ก่อนก้า เข้า ู่ชี ิตการท างาน เมื่อเข้า ู่ชี ิตการท างาน และกระทั่งมีค ามมั่นคงในการท างาน บทค ามนี้

มี ัตถุประ งค์เพื่อน าเ นอแน คิดเกี่ย กับการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ตลอดจน ังเคราะ ์งาน ิจัยที่เกี่ย ข้อง และ ึก ากรณีตั อย่างของนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุต า กรรมเพื่อเป็นแน ทางในการพัฒนากระบ นการถ่ายทอด ทาง ังคมไป ู่ค ามเป็นมืออาชีพในบริบทของไทย โดยใช้ ิธีการ ึก ากรณีตั อย่าง เพื่อน ามา ังเคราะ ์เชื่อมโยงกับ มุมมองในเชิงทฤ ฎีและข้อมูลเชิงประจัก ์ที่ได้จากการ ึก า ิจัยด้ ย ิธีการ ิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งพบ ่ากระบ นการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ ระยะระ ่างการท างานใน าย

ิชาชีพ และระยะมั่นคงเชิง ิชาชีพ โดยในแต่ละระยะประกอบด้ ยตั แทน เนื้อ า และกล ิธีในการถ่ายทอดแตกต่าง กันไป นอกจากนี้ยังพบ ่า เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพประกอบด้ ยคุณลัก ณะ ลัก 3 ประการคือ 1) คุณลัก ณะเด่นด้าน บุคลิกภาพ อาทิ ช่าง ังเกตช่าง ง ัย ค ามรอบรู้ มีจินตนาการ ูง 2) คุณลัก ณะเด่นด้านค าม ัมพันธ์ระ ่างบุคคล อาทิ ค าม ามารถในการปรับตั ค าม ามารถในการประนีประนอม และ 3) คุณลัก ณะเด่นด้านการท างาน อาทิ มี

ค าม ามารถในการแก้ป๎ญ า มีค าม ามารถในการบริ ารงาน

ค า าคัญ: การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ค ามเป็นมืออาชีพ ชี ิตการท างาน

1 บทค าม ิชาการ

2 อาจารย์ประจ า ถาบัน ิจัยพฤติกรรม า ตร์ ม า ิทยาลัย รีนครินทร ิโรฒ E-mail: [email protected] โทร. 08-3540-9799

3 นักออกแบบผลิตภัณฑ์อุต า กรรม E-mail:[email protected] โทร. 08-1448-6338

(3)

บทน า

การถ่ายทอดทาง ังคม (Socialization) เป็น กระบ นการที่บุคคลได้รับการเรียนรู้เพื่อปรับตนเอง ใ ้เข้ากับบรรทัดฐานทาง ังคม ทั้งที่เป็น ิถีประชา จารีต รือกฎ ีลธรรมของ ังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ค่านิยมและแน ทางการปฏิบัติต่างๆ ใน

ังคม ซึ่งจะช่ ยใ ้บุคคล ามารถเรียนรู้และมี

ประ บการณ์ตลอดทั้งพฤติกรรมที่ อดคล้องกับที่

ังคมยอมรับ ดังนั้น การถ่ายทอดทาง ังคมจึงเป็น กลไกการค บคุมทาง ังคมที่ ่งผลถึงการด ารงอยู่

และการเปลี่ยนแปลงของ ังคม ตลอดจนถ่ายทอด

ัฒนธรรมจากคนรุ่น นึ่งไป ู่คนรุ่นต่อไป นับ ่าเป็น กระบ นการที่ซับซ้อนที่มีค ามเกี่ย ข้องกับบุคคล ตลอดช่ งชี ิตอย่างต่อเนื่องและ ัมพันธ์กับขั้นตอน แต่ละขั้นของชี ิตอย่างยากที่จะ ลีกเลี่ยง นัก ังคม

ิทยามองการถ่ายทอดทาง ังคมออกเป็น 2 ทั นภาพ ลักๆ คือ ทั นภาพของ ังคม และทั

นภาพของบุคคล ((อ้อมเดือน ดมณี, 2543, อ้างถึง ใน Encyclopedia of Sociology, 1947) กล่า คือ ในทั นภาพของ ังคม รือกลุ่ม ังคม (Perspective of the larger society) บุคคลจะแ ดงออกซึ่ง พฤติกรรมที่ อดคล้องและเ มาะ มตามค่านิยม บรรทัดฐานที่ ังคมก า นด การถ่ายทอดทาง ังคม ในมุมมองนี้จึงเป็นกลไกในการค บคุมการด ารงอยู่

ของกลุ่ม ังคมใ ้มีเ ถียรภาพ อีกมุมมอง นึ่งคือ ทั นภาพของบุคคล (Perspective of the individual) เป็นกระบ นการ พัฒนา รือกระบ นกา ร เปลี่ยนแปลงของบุคคล โดยการแ ดงพฤติกรรมที่

อดคล้องและเ มาะ มตามที่ผู้อื่นต้องการ นั่นคือ บุคคลแ ดงการกระท าที่ อดคล้องกับค าม คาด ังของบุคคลอื่น ในขณะที่เขาเปลี่ยนจาก ต าแ น่ง นึ่งไป ู่อีกต าแ น่ง นึ่งตามระยะเ ลาที่

ผ่านไป เช่น จากทารก ู่ ัยเด็ก ัยผู้ใ ญ่ ัยท างาน ดังนั้น การถ่ายทอดทาง ังคมในทั นภาพนี้จึงมี

ค า มเกี่ย ข้อง กับ กระบ นกา ร ร้าง แล ะ เปลี่ยนแปลงบทบาทของตนไป ู่ ัยท างาน ซึ่งถือได้

่าเป็นการพัฒนาการถ่ายทอดทาง ังคมในการ ท างาน (Work Socialization) ของบุคคลก่อนเข้า ู่

ชี ิตการท างาน

การถ่ายทอดทาง ังคมในการท างาน เป็น กระบ นการที่เกิดขึ้นเพื่อใ ้บุคคลที่เป็น มาชิกเกิด ค ามรู้ ทัก ะ บุคลิกภาพตามบทบาทในการท างาน ของอาชีพนั้นๆ ร มทั้งมีค ามยึดมั่นในอาชีพของ ตน นอกจากนี้ยังร มถึงการซึมซับค่านิยม บรรทัด ฐาน และ ัฒนธรรมของ มาชิกในกลุ่มอาชีพนั้นๆ โดยการถ่ายทอดทาง ังคมในการท างานที่เป็น รูปธรรมมักเกิดขึ้นในองค์การ มาชิกใ ม่ที่เข้ามาใน องค์การจะได้รับการอบรมใ ้เรียนรู้ค ามเป็น ระเบียบทาง ังคม แบบแผนประเพณี และธรรม เนียมปฏิบัติ ามารถปรับปรุงพัฒนาตนเองเข้า ู่

ค ามเป็น มาชิกได้อย่างกลมกลืน ตลอดจนการมี

ัฒนธรรมร่ มกันขององค์การ ( ิรัติ ปาน ิลา, 2542: 44-46) อย่างไรก็ดี การประกอบอาชีพของ บุคคลต้องการการถ่ายทอดทาง ังคมก่อนที่จะเข้า ู่

ัยท างาน จนเมื่อได้ท างานก็มีการถ่ายทอดทาง

ังคมในการท างานเข้ามาช่ ยใ ้บุคคล ามารถ ประกอบอาชีพได้ตามค ามคาด ังขององค์การ รือกลุ่มอาชีพ ค ามต่อเนื่องกันของการถ่ายทอด ทาง ังคมนี้ ามารถ รุปได้ ่า เป็นการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิงอาชีพ (Occupational socialization) รือในอีกค าม มาย นึ่งคือ การถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพ (Professional socialization) ที่

จะ ่งเ ริมใ ้บุคคลมีบทบาท ค ามรู้ ทัก ะ และ ค าม ามารถในการประกอบอาชีพได้อย่างมี

ประ ิทธิภาพ

ดังนั้น การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ จึง เป็นกระบ นการของการถ่ายทอดทาง ังคมที่มี

ค าม าคัญต่อบุคคลและ ังคม ะท้อนใ ้เ ็นถึง

(4)

คุณภาพและคุณลัก ณะของคน รือทุนทาง ังคมที่

ต้องการใน ิชาชีพ และเป็นค ามคาด ังของ ังคม ที่ต้องการเ ็นค ามเป็นมืออาชีพและค าม เจริญก้า น้าทางด้าน ิชาชีพในอนาคตข้าง น้าด้ ย จากค าม าคัญดังกล่า บทค ามนี้จึงมุ่ง น าเ นอใ ้เกิดค ามเข้าใจเกี่ย กับกระบ นการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพที่ถือ ่าเป็น กระบ นการ นึ่งในช่ งชี ิตของบุคคลที่มี ่ นใน การพัฒนาบุคคล ู่ค ามเป็นมืออาชีพ ตลอดทั้งมี

การ ังเคราะ ์ค ามรู้จากกรณี ึก านักออกแบบ ผลิตภัณฑ์อุต า กรรมมืออาชีพ เพื่อชี้ใ ้เ ็น ่าการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพนั้นเป็นกระบ นการที่

มีค าม าคัญอย่างยิ่งในการ ล่อ ลอมและพัฒนา บุคคลใ ้มีค ามเป็นมืออาชีพ โดยจะน าเ นอใน ประเด็นของค าม มายของการถ่ายทอดทาง ังคม เชิง ิชาชีพ กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ งาน ิจัยที่เกี่ย ข้องกับการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพ ร มถึงการน าเ นอข้อค้นพบจาก กรณี ึก าในเรื่องการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ของนักออกนักผลิตภัณฑ์อุต า กรรม อันน าไป ู่

บท รุป ู่การพัฒนาค ามเป็นมืออาชีพผ่าน กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพตามล าดับ

ค าม มายของการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ า รับค าม มายของการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิงอาชีพและค าม มายของการถ่ายทอด ทาง ังคมเชิง ิชาชีพนั้นมีแน คิดและการอธิบายที่

คล้ายคลึงกันแต่มีค าม าคัญแตกต่างกัน กล่า คือ การถ่ายทอดทาง ังคมเชิงอาชีพ เริ่มขึ้นตั้งแต่การ ถ่ายทอดขั้นปฐมภูมิใน ัยเด็ก แต่จะปรากฏใ ้เ ็น ในช่ ง ัยรุ่นตอนต้น เป็นกระบ นการเรียนรู้ทาง

ัฒนธรรมของอาชีพเกี่ย กับทัก ะ ค ามรู้ บรรทัดฐาน ค่านิยม และค ามเชื่อ ซึ่งการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง อาชีพ มีค าม าคัญมากพอที่จะท าใ ้เกิดค าม

นใจในการเรียนรู้บทบาทที่เฉพาะเจาะจงเกี่ย กับ การประกอบอาชีพของบุคคล (Auster, 1996: 111) และน าไป ู่กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ กล่า คือ เป็นกระบ นการถ่ายทอดลัก ณะ ทางพฤติกรรมและบรรทัดฐานเฉพาะแบบเพื่อเข้า ู่

อาชีพ ตลอดจน ร้างบุคลิกภาพเพื่อใ ้เป็นไปตาม บทบาทและเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพ โดยจะเกิดขึ้น ขณะก าลัง ึก า ิชาชีพ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยน ภาพจากการเป็นนัก ึก า ู่ผู้ประกอบ ิชาชีพอย่าง เด่นชัด ( ม ักดิ์ ีดากุลฤทธิ์, 2545, อ้างถึงใน Simpsopn, 1979) นอกจากนี้ การถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพยังร มไปถึงการซึมซับค่านิยมและ บรรทัดฐานของกลุ่มเข้า ู่พฤติกรรม โดยบุคคลจะมี

การยกเลิกลัก ณะบางอย่างทาง ังคมที่เขามีอยู่ใน

ัฒนธรรมและเกิดลัก ณะทาง ังคมที่ถูกยึดถือโดย มาชิกในกลุ่ม ิชาชีพ ผลผลิต ุดท้ายของการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพคือ บุคคลที่ผ่าน กระบ นการจะมีทั้งค าม ามารถทางค ามคิด ตลอดจนค่านิยมและเจตคติซึ่งเป็น ิ่งที่ต้องการ ในทาง ิชาชีพและเป็น ิ่งที่คาด ังของ าธารณะ ชนโดยร ม ( ิรัติ ปาน ิลา, 2542: 44-45, อ้างถึง ใน Cohen, 1981)

ค ามคาด ังดังกล่า แ ดงใ ้เ ็นถึงค าม โดดเด่น ลายประการที่เกิดจากการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพ ได้แก่ การมีรูปแบบของทฤ ฎีที่

เป็นระบบ การมีอ านาจทาง ิชาชีพบนค ามรู้และ ทัก ะใน าขานั้น การมีเอก ิทธิ์ที่แน่นอนบน พื้นฐานของทัก ะและค ามรู้ที่เชื่อมโยงกับอาชีพ นั้นโดยตรง การมีกฎข้อบังคับของจริยธรรมใน

ิชาชีพเอง และการมี ัฒนธรรมที่เป็นของกลุ่ม

ิชาชีพเอง เช่น ภา า ัญลัก ณ์ และบรรทัดฐาน เป็นของตนเองซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทาง ังคม (Auster, 1996: 114-115)

(5)

จากค าม มาย ค าม าคัญ และค ามโดด เด่นข้างต้นจึง รุปได้ ่า การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ เป็นกระบ นการของการถ่ายทอดทาง ังคม เพื่อใ ้บุคคลเกิดค ามรู้ ทัก ะ ค าม ามารถ ร ม ไปถึงการซึมซับ ัฒนธรรมของ ิชาชีพ ค่านิยมและ บรรทัดฐานของกลุ่มเข้า ู่พฤติกรรม ร มทั้งยกเลิก ลัก ณะบางอย่างทาง ังคมที่เขามีอยู่ และเกิด ลัก ณะบางอย่างทาง ังคมที่ถูกยึดถือโดย มาชิกใน

ิชาชีพ อันน าไป ู่การ ร้างเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพใ ้ มีค ามโดดเด่นเป็นที่ต้องการของ ังคม

แน คิดและทฤ ฏีการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ

จากการประม ล ลายแน คิดทฤ ฎีที่

เกี่ย ข้องกับการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ พบ ่า มี ิ่งที่คล้ายคลึงกันโดยเฉพาะในประเด็นของ ช่ งเ ลา ทั้งก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ ระ ่างอยู่ใน ิชาชีพ และระยะมั่นคงของ ิชาชีพ เนื่องจากแน คิดการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพแต่ละแน คิดมีการ แบ่งช่ งเ ลาของการอธิบายปรากฏการณ์ที่แตกต่าง กันออกไป โดยในช่ งก่อนเข้า ู่ ิชาชีพมีแน คิดการ ถ่ายทอดทาง ังคมของ แคทซ์ และคา ์น (Katz

& Kahn, 1978: 377-378) ได้แบ่งขั้นตอนการ ถ่ายทอดทาง ังคมเป็น 3 ระยะ โดยในระยะแรก เป็นกระบ นการภายในครอบครั ก่อนเข้า ู่อาชีพ (Early socialization) ระยะที่ องเป็นการถ่ายทอด ค ามรู้ บรรทัดฐาน และคุณค่าภายในระบบ การ ึก าและเป็นการเตรียม มาชิกเพื่อเข้า ู่

ิชาชีพ รือองค์การ (Anticipatory socialization)

่ นระยะที่ าม เป็นการถ่ายทอดทาง ังคมเพื่อการ เป็น มาชิกขององค์การ (Socialization practice of organizations) โดยองค์การจะเตรียมการฝึก และอบรมใ ้ยอมรับกฎระเบียบ ตลอดจนเปูา มาย ขององค์การ เพื่อใ ้บุคคลยอมรับและแ ดงตนเป็น

มาชิกขององค์การ ซึ่ง อดคล้องกับแน คิดของ แชมพุค (Champoux, 2000: 101) ที่กล่า ถึง ขั้นตอนการถ่ายทอดทาง ังคมขององค์การ 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นการเลือก รือการถ่ายทอดทาง ังคม ล่ ง น้า (Choice: Anticipatory socialization) ขั้นการเข้าง าน รือเผชิญ งานใ ม่ (Entry:

Encounter) และขั้นการเปลี่ยนเป็น มาชิกของ องค์การ (Change: Metamorphosis)

จากทั้ง องแน คิดข้างต้นจะเ ็นได้ ่า เป็น แน คิดที่มุ่งเน้นการ ึก าในบริบทของการถ่ายทอด ในช่ งบุคคลเลือกเข้า ู่อาชีพและเข้าท างานใน อาชีพแต่ยังขาดการอธิบายปรากฏการณ์การ ถ่ า ย ทอด ใ น ช่ ง ชี ิ ต ั ย เ ด็ กข อ ง บุ ค ค ล ที่ มี

ค าม ัมพันธ์ต่อการเลือกอาชีพในอนาคต ผู้เขียน จึง ึก าเพิ่มเติมในแน คิดการประกอบอาชีพของ ซุปเปอร์ (Super, 1975) ที่ ามารถอธิบายเงื่อนไข ในการเลือกอาชีพของบุคคลซึ่งมีผลมาตั้งแต่การ ถ่ายทอดในช่ ง ัยเด็กจนกระทั่งช่ งแ ่งการ ต้องการด ารงอยู่ใน ิชาชีพ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้ (อ้อมเดือน ดมณี, 2543: 17)

1. ระยะเจริญเติบโต (Growth stage) เริ่มตั้งแต่เกิดจนถึง 14 ปีลัก ณะทั่ ๆ ไป ได้แก่

การพัฒนาอัตมโนทั น์ด้ ยการเลียนแบบจากบุคคล าคัญในครอบครั และโรงเรียน เด็กจะเริ่ม นใจใน อาชีพ และจะเริ่มพิจารณาค าม ามารถของตนเอง เกี่ย กับอาชีพ

2. ระยะ าร จ (Exploration stage) ระยะนี้อยู่ในช่ งอายุ 15-24 ปี บุคคลจะ าร จ ตั เองและ าร จอาชีพเพื่อแ ง าข้อมูลและ ประ บการณ์ มีการทดลองเลือกอาชีพโดยอา ัย เ ตุผล ลายประการ จนถึงพิจารณาเลือกอาชีพ จากป๎จจัยต่างๆ ที่เป็นจริง

3. ระยะเริ่มต้นประกอบอาชีพ อยู่ในช่ ง อายุ 25 - 44 ปี บุคคลเริ่มท างานที่ถา รเมื่อได้พบ

(6)

งานที่เ มาะ ม รืองานที่พอใจ แต่ถ้ายังไม่พอใจก็

อาจมีการเปลี่ยนแปลงอาชีพใ ม่ได้ จนก ่าจะได้พบ อาชีพที่เ มาะ ม บุคคลจะเริ่มมีค ามมั่นคงใน อาชีพเพื่อ ร้าง ลักฐานใ ้ตนเอง

4. ระยะค ามมั่นคงในอาชีพ ระยะนี้อยู่

ในช่ ง 45 – 64 ปี เป็นช่ งที่ชี ิตมีค ามมั่นคงและ แ ง าค ามก้า น้าในการท างาน บุคคลจะยึด มั่นในอาชีพเดิมและพยายามรัก างานที่เ มาะ ม กับตนไ ้

5. ระยะประ ิทธิภาพ ตั้งแต่อายุ 65 ปี

จนกระทั่งเ ียชี ิต เป็นช่ งที่มี ่ นร่ มในงานลดลง ในการท าค ามเข้าใจกับช่ งของค ามมั่นคง เชิง ิชาชีพนั้น ผู้ ิจัยได้น าแน คิดของ โด และไรท์

แมน (Deaux & Wrightman, 1988) ที่ได้กล่า ไ ้ ในขั้นด ารงรัก า (Maintenance) ่าเป็นขั้นที่

บุคคลมีค ามรู้ ึกเป็น มาชิกขององค์กรอย่างเต็มที่

องค์กรจะพยายามจะรัก า มาชิกไ ้ด้ ย ผลตอบแทนเท่าที่จะเป็นไปได้ และแน คิดของ กา ราแ น และมอร์เลย์ (Garavan & Morley, 1997:

119-125) ที่อธิบายถึงการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพที่บุคคล ามารถท างานจนเกิดค ามมั่นคง เชิง ิชาชีพโดยพบ ่า ากบุคคลผ่านกระบ นการใน ขั้นการเปลี่ยนแปลงและกระบ นการปรับตั ได้โดย ไม่ออกจากงานก่อน ในช่ งนี้จะเกิดผลของการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพที่บุคคลจะพยายาม ด ารงรัก า ิชาชีพของตนเองไ ้ ซึ่งถือ ่าประ บ ค าม าเร็จในกระบ นการถ่ายทอดทาง ังคม บุคคลจะมีค ามพึงพอใจในงาน และค ามผูกพันใน องค์การเพิ่มขึ้น

กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ จากการทบท นเอก ารข้างต้นจะเ ็น ่า ใน กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพทั้งระยะ ก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ ระ ่างอยู่ใน ิชาชีพ และระยะ

มั่นคงของ ิชาชีพนั้น ประกอบไปด้ ยประเด็นใน การถ่ายทอด 3 ประเด็นคือ ตั แทน (Agent) เนื้อ า (Content) และกล ิธี (Tactic) ในการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ โดยตั แทนจะเป็น ผู้ท า น้าที่ในการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ู่

บุคคลทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งตั แทนที่ าคัญใน การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ได้แก่ ถาบัน ครอบครั ถาน ึก า กลุ่มเพื่อน ื่อม ลชน และ องค์การในการท างาน รือกลุ่มอาชีพ และตั แทน ในแต่ละกลุ่มมีเนื้อ าในการถ่ายทอดที่แตกต่างกัน ออกไป ซึ่งในแต่ละเนื้อ าจะมีกล ิธีในการถ่ายทอด ที่อา จเ มื อน รื อแ ต กต่า ง กันออกไป ด้ ย ตั อย่างเช่น การ ึก าเชิงคุณภาพของ มพล มา

ุปรีดิ์ (2548) ซึ่ง ึก าเกี่ย กับกระบ นการเข้า ู่

อาชีพ และการธ ารงอาชีพของอาชีพตั ตลก จาก การ ัมภา ณ์เชิงลึกกับตั ตลกจ าน น 7 คน แ ดง ใ ้เ ็น ่า ขั้นก่อนการเข้า ู่อาชีพตั ตลก บุคคลจะ ผ่านการแนะน าชักช นของเพื่อนที่ท าอาชีพตั ตลก และรู้จักอาชีพตั ตลกผ่าน ื่อ เช่น รายการโทรทั น์

โดยเงื่อนไขการตัด ินใจเข้า ู่อาชีพ เกิดจากการ มอง ่าอาชีพตั ตลกเป็นอาชีพทางเลือกที่ดีก ่า เช่น รายได้ ูงก ่า และแต่ละคนมีทัก ะพื้นฐานจาก อาชีพเดิมที่ ามารถน ามาประยุกต์กับอาชีพตั ตลก ได้ เมื่อตัด ินใจก้า เข้า ูอาชีพตั ตลกแล้ จะต้องมี

การเรียนรู้และปรับตั มีการฝึกฝนทัก ะเพิ่มเติม โดยกระท าผ่านเพื่อนร่ มงาน ึก าจาก ื่อ เช่น

ีดีโอ ซีดี นัง ือ และจากการลองผิดลองถูกด้ ย ตนเอง มีการเรียนรู้และปรับกลยุทธ์ที่ใช้ในการ จัดการกับป๎ญ า ถานการณ์ที่ต่างกันไป และ เงื่อนไขในการด ารงอาชีพจนถึงป๎จจุบัน พบ ่า เกิด จากประ บค าม าเร็จในการท างาน เช่น การ ได้รับการยอมรับจากคนดู มีค าม นุกกับงานและ รายได้ดี ่ นในขั้นของการธ ารงอาชีพ ตั ตลกต้องมี

การพัฒนาทัก ะในอาชีพเพื่อปรับปรุงรูปแบบการ

(7)

แ ดงใ ้ทัน มัยอยู่ตลอดเ ลา เช่นเดีย กับงาน ิจัย ของ ด งพร ภิญญะพันธ์ (2550) ที่ ึก าเกี่ย กับ อาชีพผ่านโลกของ “นักดนตรีเปิด ม ก” โดย

ึก าจากกลุ่มตั อย่างที่ท ามา าเลี้ยงชีพด้ ยการ เล่นดนตรีเปิด ม ก จ าน น 7 คน พบ ่า ก่อนเข้า ู่

ิชาชีพต้องได้รับการปลูกผังทัก ะที่ดีทางดนตรีไ ้ ก่อน โดยการตัด ินใจเลือก ิชาชีพเกิดจากเจตคติที่

ดีต่ออาชีพ และระยะระ ่างอาชีพยังได้รับการ ถ่ายทอดจากบุคคลที่เคยท างานก่อน น้านั้น อย่างไรก็ดี เมื่อถึงระยะระ ่างในอาชีพ บุคคลจะ เกิดป๎ญ าที่มีต่อการธ ารงอยู่ของอาชีพ ซึ่งแต่ละ อาชีพก็มีอุป รรคและ ิธีการแก้ป๎ญ าต่างกัน ออกไป ซึ่งถ้า ามารถแก้ป๎ญ าดังกล่า ได้บุคคลก็

จะมีค ามมั่นคงในอาชีพจน ามารถธ ารงอาชีพนั้น ต่อไปได้

การเริ่มต้นเข้า ู่การท างาน ลังจบใ ม่ รือ ระยะเริ่มเข้า ู่อาชีพของบุคคลนั้นแม้จะมีการ ถ่ายทอดทาง ิชาชีพตั้งแต่ระยะก่อนเข้า ู่ ิชาชีพแต่

เมื่อเข้า ู่ ิชาชีพแล้ ต้องมีการปรับตั เป็นอย่างมาก ซึ่งตั แทนการถ่ายทอดที่ ามารถท าใ ้บุคคลด ารง อาชีพอยู่ได้นั้นคือ ิ่งแ ดล้อมในองค์กร ทั้งเพื่อน ร่ มงาน ผู้บังคับบัญชา บรรยากา เป็นต้น ดังเช่น งาน ิจัยของ เบรมเมอร์ (Bremner, 2012: 7-32)

ึก าเพื่อติดตามการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ของนัก ึก าฝึกงานจีนที่เดินทางไปฝึกงานอาชีพ ประชา ัมพันธ์ในบริ ัทแ ่ง นึ่งที่ฮ่องกง โดย พิจารณาป๎จจัยที่ได้รับจากบรรยากา ของ ิชาชีพ และการท างาน พบ ่า การเขียนบรรยายของ กรณี ึก ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เผยใ ้ เ ็นถึงพัฒนาการจากการถ่ายทอดทาง ังคมใน องค์กร ซึ่งแ ดงใ ้เ ็นถึงพลังของ ถานที่ท างาน ผ่านบริบทในการเรียนรู้ และ ะท้อนใ ้เ ็นถึง

ัฒนธรรมองค์กรในการท างานเพื่อพัฒนาใ ้บุคคล ามารถเป็นมืออาชีพได้ เช่นเดีย กับการ ึก าของ

บิชอล์ท (Bisholt, 2012: 278-182) ซึ่ง ึก า เกี่ย กับการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชา ิชาชีพของ พยาบาล ิชาชีพที่เพิ่งจบการ ึก า จ าน น 18 คน ผลการ ึก า พบ ่า พยาบาลผู้จบใ ม่ที่ ามารถ บรรลุการเป็น มาชิกขององค์กรได้นั้น จะต้อง พิ ูจน์ค าม ามารถระดับมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง และจะต้องมีการปรับตั ูง เนื่องจาก ิ่งที่ได้รับจาก การ ึก าใน ิทยาลัยพยาบาลคืออุดมการณ์ของ พยาบาล ขณะที่ภายใน ิชาชีพพยาบาลกลับเน้นที่

ทัก ะการประกอบอาชีพที่ดี

จากการ ังเคราะ ์งาน ิจัยเชิงคุณภาพทั้งใน และต่างประเท จะเ ็นได้ ่า บุคคลที่ ามารถ ประกอบ ิชาชีพได้จะต้องได้รับการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพทั้ง 3 ระยะคือ ระยะก่อนเข้า ู่

ิชาชีพ ระยะระ ่าง ิชาชีพ จนกระทั่งระยะมั่นคง ทาง ิชาชีพ การ ึก าท าใ ้ผู้เขียนได้เ ็นแน ทาง ของการ ึก าเกี่ย กับการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ ่ามีค ามเ มือนกันในระยะของการ ึก า โดยพบ ่าการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพใน ระ ่างการท างาน รือภายในองค์การนั้นมีบทบาท าคัญต่อเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพ ซึ่ง ่งผลโดยตรงต่อ การถ่ายทอดทาง ังคมขององค์การ และ ่งผลโดย อ้อมต่อการปฏิบัติงานผ่านการถ่ายทอดทาง ังคม ขององค์การ (Heck, 1995 :31 – 49) แต่เนื่องจาก การ ึก าใช้ ิธี ิจัยเชิงคุณภาพ องค์ประกอบด้าน ตั แทน เนื้อ า และกล ิธีของแต่ละผลการ ึก าจึง มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามบริบท (Context) พื้นที่ (Space) และเ ลา (Time) ใน การ ึก าที่ต่างกันจึงไม่ ามารถน าผลการ ึก ามา เทียบเคียงกันได้

อย่างไรก็ดี แน ทางการถ่ายทอดในเชิงกล ิธี

ของ ิชาชีพที่แตกต่างกันอาจน ามาเทียบเคียงกันได้

ในบางลัก ณะ อย่างเช่น การถ่ายทอดทาง ิชาชีพ อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ่งผลต่อ

(8)

พฤติกรรมการท างานตามบทบาท ิชาชีพในระดับที่

ต่างกัน ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับเนื้อ าที่ต้องการมุ่งเน้น รือ ่งเ ริมใ ้เกิดขึ้นในบทบาท ดังที่ ณัฐธยาน์

พง ์ประ ัติ (2553) ึก าลัก ณะทางจิตและการ ถ่ายทอดทาง ิชาชีพพยาบาลที่เกี่ย ข้องกับการ ปฏิบัติงานพยาบาลตามบทบาท ิชาชีพของพยาบาล จบใ ม่ ผลการ ิจัยพบ ่า 1) การได้รับการถ่ายทอด ทาง ิชาชีพพยาบาลอย่างเป็นทางการ มีค าม

าคัญในการท านายพฤติกรรมการปฏิบัติงาน พยาบาลตามบทบาท ิชาชีพของพยาบาลจบใ ม่

2) การได้รับการถ่ายทอดทาง ิชาชีพพยาบาลอย่าง ไม่เป็นทางการ ร่ มกับแรงจูงใจใฝุ ัมฤทธิ์ ามารถ ท านายพฤติกรรมการปฏิบัติงานพยาบาลตาม บทบาท ิชาชีพ และ 3) การได้รับการถ่ายทอดทาง

ิชาชีพพยาบาลอย่างไม่เป็นทางการร่ มกับ ังค ะ

ัตถุ 4 ามารถท านายพฤติกรรมการปฏิบัติงาน พยาบาลตามบทบาท ิชาชีพของพยาบาลจบใ ม่

เช่นเดีย กับงาน ิจัยของ ิรัติ ปาน ิลา (2542) ที่

ึก าเกี่ย กับการถ่ายทอดทาง ังคมในการท างาน จิตลัก ณ์และการรับรู้เกี่ย กับบทบาทที่ ัมพันธ์กับ พฤติกรรมการท างานของบุคลากร าธารณ ุขระดับ ต าบล ซึ่งผลการ ิจัยพบ ่า การถ่ายทอดทาง ังคม ในการท างานอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

่งผลต่อพฤติกรรมการท างานของบุคลากร าธารณ ุขระดับต าบลต่างกันไปในแต่ละด้าน ทั้งนี้

ขึ้นอยู่กับจิตลัก ณ์และการรับรู้บทบาทที่ต่างกันด้ ย จากงาน ิจัยที่เกี่ย ข้องทั้งในรูปแบบการ ิจัย เชิงปริมาณและการ ิจัยเชิงคุณภาพดังกล่า ะท้อน ใ ้เ ็น ่าองค์ค ามรู้ในอดีตที่เกี่ย ข้องกับการ ถ่ายทอดทาง ังคมในชี ิตการท างานนั้นมีค าม อดคล้องกันกระบ นการที่บุคคล ามารถประกอบ

ิชาชีพได้บุคคลจะได้รับการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพทั้ง 3 ระยะคือ ก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ ระยะ ระ ่าง ิชาชีพ จนกระทั่งระยะมั่นคงทาง ิชาชีพ

ซึ่งในงาน ิจัยบางเรื่องมีการ ึก าถึงผลที่เกิดขึ้น จากการถ่ายทอดทาง ังคมอีกด้ ย ทั้งนี้ใน การ ึก า ่ นใ ญ่ได้ ะท้อนใ ้เ ็นแง่มุมที่ าคัญ เกี่ย กับเนื้อ าที่บุคคลได้รับการถ่ายทอด ตั ที่ท า น้าที่ในการถ่ายทอด และเทคนิคกล ิธีของการ ถ่ายทอดที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มตั อย่างที่

ท าการ ึก า ซึ่งท าใ ้ผู้เขียนเ ็น ่ายังมีช่อง ่างของ องค์ค ามรู้ที่ยังต้องอา ัยการเติมเต็มด้ ยการ

ึก า ิจัยที่ ามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนและ ต่อเนื่องเพื่อ ึก าเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพ ดังที่

บทค ามนี้จะได้น าตั อย่างข้อค้นพบจากการ ึก า ด้ ยรูปแบบการ ึก าเฉพาะกรณีจากงาน ิจัยและ เอก ารที่เกี่ย ข้องมาเป็นแน ทางในการ ึก า เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพของนักออกแบบผลิตภัณฑ์

อุต า กรรม ดังที่จะกล่า ในล าดับต่อไป

เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพ : กรณี ึก าแน ทางการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพของนักออกแบบ ผลิตภัณฑ์อุต า กรรมมืออาชีพ

การ ร้างเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพเกิดขึ้นจาก การได้รับกระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ต่อเนื่องกันมาเป็นล าดับดังที่กล่า มาแล้ ใน การ ึก าเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพที่น าไป ู่การ า ข้อ รุปที่เป็นกลางนั้นจ าเป็นต้องมีกรอบแน คิดใน การ ึก าข้างต้นเพื่อน ามาเทียบเคียงกับการ ึก า เฉพาะกรณีซึ่งประกอบด้ ยงาน ิจัยที่มีค ามชัดเจน และบริบททางการ ึก าที่มี ลักฐานครอบคลุม โดยการ ึก ากรณีนักออกแบบผลิตภัณ ฑ์

อุต า กรรมถือ ่าเป็นตั อย่าง ิชาชีพที่มีการ ึก า การถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในงาน ิจัยเรื่องกระบ นการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพ : กรณี ึก านักออกแบบ ผลิตภัณฑ์อุต า กรรมมืออาชีพเพื่อรองรับ ประชาคมเ ร ฐกิจอาเซียน ของ ณัฐพง ์ ธรรม

(9)

รัก า ิทธิ์ (2557) ซึ่ง ามารถใช้แน ทางการ

ิเคราะ ์กระบ นการถ่ายทอดที่จะน าไป ู่การ ร้าง เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพได้

การ ิเคราะ ์กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคม เชิง ิชาชีพจากผลการ ึก า ามารถแบ่งได้

ออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ ระยะ ระ ่างการท างานใน าย ิชาชีพ และระยะมั่นคง เชิง ิชาชีพ มีรายละเอียดดังนี้

ระยะที่ 1 ระยะก่อนเข้า ู่ ิชาชีพ พบ ่า ชี ิตใน ัยเด็กกับครอบครั และชี ิตในรั้ การ ึก า ช่ ยบ่มเพาะคุณลัก ณะ าคัญร มทั้งค ามคิด ค ามเชื่อ ที่ ่งผลต่อการตัด ินใจเรียน ิชาชีพ โดย ที่เป็นช่ งการ ร้างพื้นฐานของ ิชาชีพ นักออกแบบ ฯ ได้รับการถ่ายทอดเนื้อ าจากตั แทน 5 กลุ่มคือ อาจารย์ รุ่นพี่ เพื่อน ถาบันการ ึก าเอกชน และ กลุ่ม ื่อม ลชน โดยถ่ายทอดเนื้อ า 6 ่ น ได้แก่

ิชาพื้นฐานที่เน้นการปฏิบัติ ิชาพื้นฐานเชิงทฤ ฎี

การออกแบบผลิตภัณฑ์อุต า กรรม ทัก ะในการ ท างาน แน คิดในการออกแบบฯ และการ าง แผนการเรียนในอนาคต โดยถ่ายทอดผ่านกล ิธี 9 กล ิธี ได้แก่ การ ั่งงานและใ ้ท าตามล าพัง การ แ ดงตั อย่างพร้อมการแนะน า การบรรยายและ จดจ า การใ ้เ ็นโลกของการท างานจริง การแ ดง บทบาทของลูกค้า การปรึก างานนอก ้องเรียน การใ ้ช่ ยท างาน การช่ ยงานนักออกแบบฯ และ การร่ มฟ๎งการน าเ นอผลงาน นอกจากนี้ยังพบ ่า การถ่ายทอดที่ าคัญอีกช่ งเ ลา นึ่งก่อนเข้า ู่

ิชาชีพคือ ช่ งชี ิตเ มือนจริงของ ิชาชีพที่บุคคล ได้มีโอกา ลองท างานจริงใน าย ิชาชีพก่อนเข้า ู่

การท างานจริงในอนาคต จากการท างานอดิเรกเพื่อ ร้างรายได้ และการฝึกงานตาม ลัก ูตร

ระยะที่ 2 ระยะระ ่างการท างานใน

ิชาชีพ เป็นช่ งเข้า ู่การท างานจริงโดยแบ่งเป็น 2 ช่ ง คือ ช่ งเริ่มเข้า ู่การท างานใน ิชาชีพ และช่ ง

ชี ิตการท างานในระ ่าง ิชาชีพ 1) ช่ งเริ่มเข้า ู่

การท างานใน ิชาชีพ นักออกแบบฯ ได้รับการ ถ่ายทอดจากตั แทน 3 กลุ่มได้แก่ เพื่อนร่ มงาน พี่

เลี้ยง และผู้ผลิต โดยมีเนื้อ าในการถ่ายทอด 7 ด้าน คือ ทัก ะในการท างาน แน คิดในการ ออกแบบฯ กระบ นการท างาน ค ามเป็นไปได้จริง ของงานออกแบบฯ การบริ ารจัดการ การเมืองใน องค์กร และ ัฒนธรรมในองค์กร ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่าน กล ิธี 4 กล ิธี ได้แก่ การใ ้เ ็นตั อย่างใน ถานการณ์การท างานจริง การใ ้พบอุป รรคจาก การท างาน การ ิจารณ์งาน และการ อนโดยตรง 2) ช่ งชี ิตการท างานในระ ่าง ิชาชีพ โดยช่ งนี้นัก ออกแบบฯ ยังเรียนรู้เนื้อ าเพื่อพัฒนาตนเองและ เพิ่มประ บการณ์จากตั แทน 5 กลุ่ม ได้แก่ เพื่อน ร่ มงาน เพื่อนนักออกแบบฯ กลุ่ม ื่อม ลชน นัก ออกแบบฯ รุ่นใ ม่ และองค์กรธุรกิจออกแบบฯ ประกอบด้ ย 6 เนื้อ า ได้แก่ ทัก ะในการท างาน แน คิดในการออกแบบ ค ามรู้ใน า ตร์อื่น การ บริ ารองค์กรออกแบบฯ แน โน้มของ ังคม และ การใช้ชี ิตในการท างาน โดยถูกถ่ายทอดผ่านกล ิธี

3 กล ิธี ได้แก่ การเรียนรู้ผ่านการท างานของผู้อื่น การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และการแลกเปลี่ยน ค ามคิดร่ มกัน

จากระยะของการถ่ายทอดทาง ังคมทั้ง อง ระยะที่กล่า มาข้างต้นจะเ ็น ่ามีทั้งการถ่ายทอดที่

เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม รืออาจกล่า ได้อีก นัย นึ่ง ่าทั้งที่เป็นการถ่ายทอดอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ซึ่ง อดคล้องกับผลการ ึก า กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมของ ิชาชีพ ถาปนิก ที่ ามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กระบ นการ ถ่ายทอดทาง ังคมโดยตรง โดยเป็นการถ่ายทอดที่

เกิดขึ้นจากการที่ ถาปนิกไดรับถ่ายทอดโดยตรง เกี่ย กับแน คิดทฤ ฎี องค์ค ามรู ทัก ะ และ เทคนิค จาก ถาบันการ ึก า โดยผ่านการเรียน

(10)

การ อนตาม ลัก ูตร ถาป๎ตยกรรม า ตร์ และ กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมโดยออม เป็นการ เรียนรู้ที่เกิดจากการ ังเกตของตั ถาปนิกเอง เป็น ลัก ณะของ “ครูพักลักจ า” (ขจร ักดิ์ เขีย น้อย และคณะ, 2557)

ระยะที่ 3 ระยะมั่นคงเชิง ิชาชีพ พบ ่า ลัก ณะของค ามมั่นคงเชิง ิชาชีพประกอบด้ ย 3 ลัก ณะคือ ค ามมั่นคงด้านจิตใจ ค ามมั่นคงใน การท างาน และค ามมั่นคงด้านเ ร ฐกิจ และยัง พบ ่ามีเงื่อนไขจากตั บุคคล ประกอบด้ ย ค ามรัก ในการออกแบบฯ ชอบค ามท้าทาย และมั่นใจใน ค าม ามารถของตน ร มถึงเงื่อนไขจาก ภาพแ ดล้อม ได้แก่ การได้รับการยอมรับจากผู้ใช้

แ ด ง ิชาชีพ ผู้ ่าจ้าง ครอบครั และผลงาน ตอบ นองค ามเป็นพล ัตของ ังคม อีกทั้งในระยะ นี้ยังพบ ่าเกิดผลของการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพกับนักออกแบบฯ 2 ่ นคือ เกิดค ามเป็น มืออาชีพ และมีค ามยึดมั่นผูกพันใน ิชาชีพ

จากผลของการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ในระยะ ุดท้ายนี้ ท าใ ้เกิดการ ร้างเอกลัก ณ์เชิง

ิชาชีพอันเนื่องมาจากกระบ นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ซ้ าแล้ ซ้ าเล่าจนภา ะแฝงของค ามเป็นมืออาชีพใน ตั บุคคลที่ฝ๎งลึกเกิดเป็นเอกลัก ณ์ทาง ิชาชีพที่มี

ค ามชัดเจน นั่นคือค ามรู้ ึกเชื่อมั่นในค ามรู้

ค าม ามารถและทัก ะทาง ิชาชีพของตนเอง บุคคลจะแ ดงพฤติกรรมและทัก ะต่างๆ ออกมา อย่างเป็นธรรมชาติและเป็นจริงโดยไม่มีการเ แ ร้ง ซึ่งเกิดมาจากค ามมั่นคงในทุกด้านของตั บุคคล ซึ่ง จากการ ิเคราะ ์เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพโดยใช้กรอบ แน คิดของ การ์ดเนอร์ (Gardner, 1993, 2006) เกี่ย กับทฤ ฎีพ ุป๎ญญาโดยกล่า ถึงเชา น์ป๎ญญา ของบุคคล 9 ด้านที่ ่งผลต่อเอกลัก ณ์ของบุคคลที่

เกี่ย กับลัก ณะและเงื่อนไขของเอกลัก ณ์เชิง

ิชาชีพจะพบ ่ามีลัก ณะของเอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพ

ประกอบด้ ยลัก ณะเด่น 7 ลัก ณะ ได้แก่ มี

จินตนาการ ูง ามารถมองเ ็นภาพในอนาคต มี

ค ามรอบรู้ มีค าม ามารถในการปรับตั ช่าง

ังเกตช่าง ง ัย มีค าม ามารถในการแก้ป๎ญ า มี

ค าม ามารถในการ ิเคราะ ์เชื่อมโยง และมี

ค าม ามารถในการประนีประนอม โดยลัก ณะ ทั้ง มดประกอบกันเป็นชุดของเอกลัก ณ์เชิง

ิชาชีพที่ท าใ ้นักออกแบบฯ มีลัก ณะที่เด่นก ่า

ิชาชีพอื่น โดยพบ ่าเงื่อนไขของการเกิดเอกลัก ณ์

เชิง ิชาชีพนั้นเกิดจากค ามคาด ังของนัก ออกแบบฯ ที่ต้องการมีทัก ะเพื่อใ ้ ามารถท างาน ใน ิชาชีพได้อย่างมีประ ิทธิภาพตามคุณลัก ณะ ของ ิชาชีพนี้ ซึ่งท าใ ้ทัก ะ าคัญที่ได้รับจากการ ถ่ายทอดฝ๎งติดอยู่ในตั ตนจนเกิดเป็นเอกลัก ณ์เชิง

ิชาชีพในที่ ุด

จากผลงาน ิจัยดังกล่า แ ดงใ ้เ ็น ่า เอกลัก ณ์เชิง ิชาชีพประกอบด้ ยคุณลัก ณะ ลัก ามประการคือ 1) คุณลัก ณะเด่นด้านบุคลิกภาพ อาทิ ช่าง ังเกต ช่าง ง ัย ค ามรอบรู้ มีจินตนาการ

ูง 2) คุณลัก ณะเด่นด้านค าม ัมพันธ์ระ ่าง บุคค ล อาทิ ค าม าม าร ถใน กา รปรั บตั

ค าม ามารถในการประนีประนอม และ 3) คุ ณ ลั ก ณ ะ เ ด่ น ด้ า น ก า ร ท า ง า น อ า ทิ มี

ค าม ามารถในการแก้ป๎ญ า มีค าม ามารถใน การบริ ารงาน เป็นต้น

บท รุปและการอภิปรายผล ู่การพัฒนาค ามเป็น มืออาชีพผ่านกระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง

ิชาชีพ

ในชี ิตของคนเราตั้งแต่ก่อนก้า เข้า ู่ชี ิต การท างาน เมื่อเข้า ู่ชี ิตการท างาน และกระทั่งมี

ค ามมั่นคงในการท างาน ผู้เขียนได้เชื่อมโยงใ ้เ ็น จากแน คิดในเชิง ลักการของการถ่ายทอดทาง

ังคมเชิง ิชาชีพไป ู่การ ึก ากับ นึ่ง ิชาชีพที่

(11)

เรียก ่านักออกแบบผลิตภัณฑ์อุต า กรรม เพื่อท า ค ามเข้าใจกระบ นการพัฒนา ู่ค ามเป็นมืออาชีพ โดยข้อค้นพบที่ได้เมื่อน ามา ังเคราะ ์เชื่อมโยงกับ มุมมองในเชิงทฤ ฎีและข้อมูลเชิงประจัก ์ที่ได้จาก การ ึก า ิจัยด้ ย ิธีการ ิจัยเชิงคุณภาพกับ ก ร ณี ึ ก า ที่ เ ป็ น นั ก อ อ ก แ บ บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์

อุต า กรรมมืออาชีพแล้ พบ ่า กระบ นการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพนั้นมีทั้งที่ อดคล้อง กับแน คิดทฤ ฎีที่กล่า ไ ้และมีลัก ณะที่เป็นแบบ ฉบับเฉพาะที่เกิดขึ้นในแต่ละอาชีพซึ่งถือ ่าเป็น ลัก ณะเฉพาะของอาชีพในบริบทของ ังคมไทย อย่างไรก็ดี ากการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพ ช่ ย ่งเ ริมใ ้บุคคลแต่ละอาชีพได้เกิดการเรียนรู้

และพัฒนา ักยภาพในการท างานทั้งช่ งก่อนเข้า ู่

ชี ิตการท างาน เมื่อเข้า ู่การท างานและเมื่อมีค าม มั่นคงเชิง ิชาชีพแล้ นั้น ค าถามที่เกิดขึ้นต่อไป ลังจากนี้ในชี ิตการท างานที่มีคุณภาพและประ บ ค าม าเร็จประการ นึ่งคือ “ท าอย่างไรใ ้เกิดการ พัฒนาตนเองใ ้มีการท างานอย่างมืออาชีพ” โดยเฉพาะในช่ งเ ลาที่มีการกล่า ถึงประเด็นของ การเป็นประชาคมอาเซียนด้ ยแล้ นั้น การ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพยังคงเป็นกระบ นการ นึ่งที่ าคัญใน งจรของการพัฒนาค ามเป็นมือ อาชีพ

ทฤ ฎีทางจิต ิทยาของแบนดูร่า (Bandura, 1975) เชื่อ ่านอกจาก ภาพแ ดล้อมจะมี ่ นใน การถ่ายทอดใ ้เกิดพฤติกรรมแล้ บุคคลยัง ามารถ ตัด ินใจแ ดงพฤติกรรมจากเงื่อนไขภายในตั

บุคคล ซึ่งในบริบทของการท างานนั้นจะเ ็น ข้อ ังเกต ่า ค ามมั่นคงด้านจิตใจที่เกิดจากการ ถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพอาจถือเป็น องค์ประกอบ าคัญในตั บุคคลที่จะท าใ ้เกิดการ ค บคุมพฤติกรรมที่ อดคล้องกับการท างานอย่าง เป็นมืออาชีพได้ เช่น มีค ามรู้ ึกเชื่อมั่นในค ามรู้

ค าม ามารถของตน ซึ่งเกิดจากค ามเชี่ย ชาญ ทางด้านนั้นๆ เป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ามารถ น าเอาค ามรู้ค ามช านาญที่มีอยู่นั้นไปประกอบ

ิ ช า ชี พ ไ ด้ อ ย่ า ง ดี แ ล ะ มี ค า ม า ม า ร ถ ที่

เฉพาะเจาะจงและลึกซึ้งในเรื่องนั้น ามารถ ใ ้บริการงานใน ิชาชีพของตนได้ดีเยี่ยม มีอ านาจ และมีค ามรับผิดชอบในการใช้ค าม ามารถใน

ิชาชีพของตน

ประเด็นต่อมาคือ ในค ามเป็นมืออาชีพนั้นมี

องค์ประกอบที่ าคัญคือ บุคคลต้องยึดถืออาชีพนั้น ใ ้ อดคล้องกับ ิชาชีพของตน ต้องมีค ามรู้เจตคติ

ที่ดีต่อ ิชาชีพ มีทัก ะที่เ มาะ มกับ ิชาชีพนั้นๆ และต้องมีจิต ิญญาณต่อ ิชาชีพ กล้ารับผิดชอบ กล้าเผชิญต่อผลการกระท าอันเนื่องมาจากภารกิจที่

เกี่ย ข้องกับ ิชาชีพของตน ดังที่ พาร์เคย์ และ แ ตนฟอร์ด (Parkay & Stanford, 1992) ได้กล่า ่า มืออาชีพจะมีค ามรู้และทัก ะแตกต่างจากบุคคล ทั่ ไปใน ิชาชีพอย่างเ ็นได้ชัด เป็นผู้ที่ถูกฝึก ัดมา อย่างดี มีประ บการณ์มาอย่างยา นาน มี

ค าม ามารถในการบริการ มี ินัย มีค าม รับผิดชอบ ร มถึงมีมาตรฐานจรรยาบรรณใน

ิชาชีพ (ธีร ักดิ์ คงเจริญ, 2545, อ้างถึงใน Parkay

& Stanford, 1992: 410)

อย่างไรก็ดี ประเด็น ุดท้ายในการพิจารณา เงื่อนไขของการพัฒนาบุคคล ู่ค ามเป็นมืออาชีพได้

นั้น กระบ นการ นึ่งที่เข้ามามี ่ น าคัญอย่างยิ่ง คือ กระบ นการถ่ายทอดทาง ังคมเชิง ิชาชีพที่มี

าระ าคัญที่ต้องพิจารณาทั้งในเรื่องของเนื้อ าที่

บุคคลได้รับการถ่ายทอด ตั แทนที่ท า น้าที่ในการ ถ่ายทอด และเทคนิค รือกล ิธีที่ใช้ในการถ่ายทอด ทั้งนี้การถ่ายทอดจะประ บค าม าเร็จ รือไม่ ตั

บุคคลผู้รับการถ่ายทอด ามารถพัฒนาตนเอง ู่

ค ามเป็นมืออาชีพได้ รือไม่ย่อมมี ลายเ ตุป๎จจัย ด้ ยกัน รือป๎จจัยเงื่อนไขต่างๆ ที่เข้ามาเป็น

Referensi

Dokumen terkait

Penelitian yang dilakukan bertujuan untuk mendeskripsikan keterampilan bertanya dan berpendapat siswa kelas X-MIA 4 SMA Kemala Bhayangakri 1 Surabaya yang meliputi

Hasil penelitian menunjukkan bahwa: (1) Rata-rata keterlaksanaan model pembelajaran POGIL pada pertemuan I sebesar 3,75% dan 3,95 pada pertemuan II dengan kriteria

1 January 2013 ISSN 1686-1442 ผู้เกี่ยวข้องสามารถนําองค์ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ ใช้ให้เข้ากับนโยบายการบริหารงานบุคคลและ การพัฒนาองค์การทางด้านการศึกษาให้เกิด ประสิทธิภาพ

2 July 2013 ISSN 1686-1442 Wellness in Adolescents: Conceptual Framework and Psychological Measures1 Bunrome Suwanphahu2 Arunya Tuicomepee3 Wannee Kaemkate4 Received: February 1,

2 July 2013 ISSN 1686-1442 โดยอาจเกิดจากอิทธิพลของปัจจัยภายในตัวบุคคล หรือปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการ ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

1 January 2014 ISSN 1686-1442 วารสารพฤติกรรมศาสตร์ ปีที่ 20 ฉบับที่ 1 มกราคม 2557 89 ลิขสิทธิ์โดย สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

2 July 2014 ISSN 1686-1442 The Development of Learning Model by Community Based Approach for Establishing both Vocational Interests and Skills on Local Careers for the Students of

2 July 2014 ISSN 1686-1442 พวกเขาได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากขาดซึ่งคุณลักษณะ ภายในตนที่ดี เด็กและเยาวชนเหล่านั้นอาจเติบโตขึ้น เป็นบุคคลที่ขาดซึ่งความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีที่จะ