• Tidak ada hasil yang ditemukan

View of RESEARCH AND INNOVATION DEVELOPMENT OF NATIVE CHICKENS USING THE LOCAL WISDOM IN NONGBULAMPHU PROVINCE.

N/A
N/A
Protected

Academic year: 2024

Membagikan "View of RESEARCH AND INNOVATION DEVELOPMENT OF NATIVE CHICKENS USING THE LOCAL WISDOM IN NONGBULAMPHU PROVINCE."

Copied!
12
0
0

Teks penuh

(1)

Research Article

การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่น ในจังหวัดหนองบัวลําภู

RESEARCH AND INNOVATION DEVELOPMENT

OF RAISING NATIVE CHICKENS USING THE LOCAL WISDOM IN NONGBUALAMPHU PROVINCE.

จิราภรณ หลาฤทธิ์1* และ ภัทรธิรา ผลงาม2 Jirapon Larit1* and Patthira Phon-ngarm2

สาขายุทธศาสตรการพัฒนาภูมิภาค คณะมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จังหวัดเลย ประเทศไทย1*, 2 Regional Development Strategy Program, Faculty of Humanities and Social Sciences, Loei Rajabhat University,

Loei, Thailand1*, 2 [email protected]1*

บทคัดยอ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพื่อ 1) ศึกษาสภาพปจจุบัน และการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญา ทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู 2) พัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู

โดยกระบวนการมีสวนรวมของภาคีที่เกี่ยวของ 3) นํานวัตกรรมสูการปฏิบัติและประเมินผล ดวยระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณกับกลุมตัวอยางผูเลี้ยงไกพื้นเมือง จํานวน 377 ครัวเรือน และระเบียบ วิธีวิจัยเชิงคุณภาพกับกลุมกําหนดนวัตกรรม จํานวน 60 ครัวเรือน และกลุมนํานวัตกรรมไปปฏิบัติ

จํานวน 30 ครัวเรือน เก็บขอมูลโดยสัมภาษณเชิงลึกและสนทนากลุม ผลการวิจัยพบวา นวัตกรรมการ เลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู โดยกระบวนการมีสวนรวมของภาคีที่เกี่ยวของ ไดนวัตกรรม 5 ดาน นําสูการปฏิบัติ พบวา 1) การคัดเลือกพันธุ โดยดูจากลักษณะภายนอก ความสมบูรณแข็งแรง ไมจิกตีลูกไก 2) การผสมพันธุ ใชตัวผู 1 ตัว ตอตัวเมีย 5 ตัว 3) โรงเรือนไกพื้นเมือง ใชแบบโรงเรือน ที่ทําไดงาย วัสดุในทองถิ่น 4) การใหอาหาร ไกพื้นเมืองแรกเกิดถึง 2 เดือน ใชปลายขาวผสมกับ ใบผักตําลึงสับละเอียด และอายุ 2 เดือนขึ้นไป ใชรํารวม ขาวเปลือกผสมกับตนกลวยสับละเอียด และใบผักตําลึงสับ ใหกินวันละ 2 ครั้ง ภาชนะสําหรับใสนํ้าและอาหารใชสีแดง และ 5) การรักษาโรค ใชสมุนไพรที่มีในทองถิ่น

(2)

คําสําคัญ: การพัฒนา นวัตกรรม ไกพื้นเมือง ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู

ABSTRACT

The objectives of this research are 1) to study the current situation of raising native chickens using local wisdom in Nongbualamphu Province, 2) to develop the innovations of raising native chickens using the local wisdom in Nongbualamphu Province by participatory process of related parties, 3) to apply these innovations in practice and evaluate the results. The quantitative research methodology was used with 377 native chicken farmers.

The qualitative research methods was used with a total of 60 households of the innovation stipulation group and 30 households comprising the innovation application group. The data was collected through in-depth interviews and group discussions. The research results revealed the innovations of raising native chickens in Nongbualamphu Province by the participatory processes. There are five innovations that led to the best practices, as follow:

1) The selection was done by examining the appearance and strength without pinching the chicken, 2) in breeding, one cock was with five hens, 3) for native chicken houses, a simple house pattern was easily made by local materials, 4) for feeding native chickens from birth to two months of age was mix of treadted by the rice bran with finely chopped vegetables and for over two months of age was treated by mix the rice bran with finely chopped banana stalk and chopped vegetables and treat them twice a day and use the red containers for food and water, and 5) for the treatment of the health of the chickens, local herbs was used.

Keywords: innovation development, native chickens, local wisdom in Nongbualamphu Province

บทนํา

ไกพื้นเมืองตามประวัติศาสตร มีตนกําเนิด มาจากไกปาในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในแถบ ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน ไทย มาเลเซีย และจีนตอนใต มนุษยไดนํามาเปน สัตวเลี้ยงเมื่อประมาณ 3,000 ปกอน ไกและมนุษย

ดํารงชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ไกอาศัย

การเลี้ยงดูและการปองกันอันตรายจากมนุษย

ในขณะที่มนุษยอาศัยไกและไขเปนอาหาร เรียกวา เปนวิวัฒนาการของสัตวและมนุษยใหอยูรวมกัน วิวัฒนาการของไกเปนไปตามวิถีชีวิตของเจาของ ซึ่งก็ขึ้นอยูกับธรรมชาติ บางปเกิดภัยธรรมชาติ

รุนแรง สัตวเลี้ยงตายลง หรือมีโรคระบาดรุนแรง

(3)

ไกจะตายมากแตไมตายหมด จะมีเหลือให

ขยายพันธุจํานวนหนึ่ง โดยปกติแลวจะเหลือ ตํ่ากวา 10% จํานวนนี้จะขยายพันธุเพิ่มจํานวน ตัวที่แข็งแรงทนทานเทานั้นจึงจะอยูรอดเปนการ คัดเลือกโดยธรรมชาติจนเปนไกพื้นเมืองสืบทอดมา ไกพื้นเมืองจึงเปนมรดกวัฒนธรรมและเทคโนโลยี

ชีวภาพที่หลากหลาย เปนทรัพยสินภูมิปญญา ของชาวบานโดยแท เมื่อไกพื้นเมืองเปนไกที่

วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงพันธุมาโดย อาศัยพื้นฐานของธรรมชาติเปนหลัก จึงทําให

ไกพื้นเมืองมีหลากหลายสายพันธุ แตละพันธุ

ก็จะมีจุดเดนเปนคุณสมบัติเฉพาะตัว เชน ความ ตานทานโรคและแมลง สามารถเติบโตและ ขยายพันธุภายใตสภาพแวดลอมการเลี้ยงดูของ เกษตรกรในชนบท จึงเหมาะที่จะทําการอนุรักษ

และพัฒนาใชประโยชนอยางยั่งยืน (Marikathat, 2015)

ป พ.ศ. 2547 ไดเกิดโรคไขหวัดนก H1N5 ระบาดในประเทศไทย มีการฆาไกพื้นเมือง ไปประมาณ 20 ลานตัว (Choprakarn &

Wongpichet, n.d.) ตั้งแตกลางเดือนมกราคม ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ เกษตรกรใชเวลา 6 เดือน ในการเลี้ยงไกฝูงใหม ไดพันธุไกพื้นเมืองมาจาก เพื่อนบานหรือหมูบานอื่นที่ไมมีการทําลายไก

ทําใหไกขยายพันธุตอ ซึ่งถือวาเปนขอดีของ ไกพื้นเมืองเกี่ยวกับการเพิ่มจํานวนเพราะ เปนความยืดหยุนของประชากรไกพื้นเมือง (population elasticity) (Simaraks et al., 2015) ในป 2557 ประเทศไทย มีเกษตรกรผูเลี้ยงไก

พื้นเมืองภายในประเทศทั้งหมด จํานวน

2,345,114 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดที่มีครัวเรือน เลี้ยงไกพื้นเมืองมากที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จํานวน 154,567 ครัวเรือน รองลงมาคือ จังหวัด สุรินทร จํานวน 85,615 ครัวเรือน จังหวัดบุรีรัมย

จํานวน 82,154 จังหวัดศรีษะเกษ จํานวน 81,434 ครัวเรือน และอุบลราชธานี จํานวน 78,510 ครัวเรือน จากที่กลาวมาเกษตรกรผูเลี้ยงไก

พื้นเมืองในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลําภู ไมติด ลําดับเกษตรกรผูเลี้ยงไกพื้นเมือง จํานวนมาก ในประเทศไทย จึงไดมีการสงเสริม โดยจังหวัด หนองบัวลําภู ในป 2559 มีผูเลี้ยงไกพื้นเมือง ในจังหวัดหนองบัวลําภู ทั้ง 6 อําเภอ จํานวน 19,527 ครัวเรือน แตการเลี้ยงไกพื้นเมืองมักพบ ปญหาในการเลี้ยง คือ การตายดวยโรคระบาด เปนประจํา แตตลาดไกพื้นเมืองนั้นพบวาขายได

ราคาดี ไมมีปญหาสินคาลนตลาด เนื่องจากไก

พื้นเมืองมีรสชาติอรอยเนื้อนุม สามารถนําไป ประกอบอาหารไดหลายอยาง ประชาชนสวนใหญ

จึงนิยมบริโภคไกพื้นเมือง

จากปญหาและความสําคัญดังที่กลาว มาขางตนทั้งหมด ในฐานะที่ผูวิจัยมีหนาที่

สงเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมือง ในจังหวัดหนองบัวลําภู รวมกับภาคีเครือขาย ที่เกี่ยวของ จึงตระหนักและเล็งเห็นความจําเปน ที่จะทําการศึกษาองคความรู สภาพปจจุบัน และปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัด หนองบัวลําภู ทั้ง 5 ดาน ไดแก การคัดเลือกพันธุ

การผสมพันธุ โรงเรือนไกพื้นเมือง การใหอาหาร และการรักษาโรค

(4)

วัตถุประสงคของการวิจัย

1. เพื่อศึกษาสภาพปจจุบัน และสภาพ ปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญา ทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู

2. เพื่อพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู โดยกระบวนการ มีสวนรวมของภาคีที่เกี่ยวของ

3. เพื่อนํานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมือง โดยใชภูมิปญญาทองถิ่นสูการปฏิบัติและ ประเมินผลนวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองใน จังหวัดหนองบัวลําภู

ขอบเขตของการวิจัย

1. ดานประชากรกลุมตัวอยางเชิงปริมาณ คือ ผูเลี้ยงไกพื้นเมือง จํานวน 377 ครัวเรือน ใชการสุมตัวอยางแบบงาย และเชิงคุณภาพ คือ กลุมกําหนดนวัตกรรม จํานวน 60 ครัวเรือน และ กลุมนํานวัตกรรมไปปฏิบัติ จํานวน 30 ครัวเรือน ใชการสมัครใจ

2. ดานเนื้อหา ศึกษาโดยใชแนวคิด เกี่ยวกับนวัตกรรม แนวคิดการมีสวนรวม แนวคิด ความพึงพอใจ ทฤษฏีสังคมวิทยา และทฤษฏี

จิตวิทยา กรอบแนวคิดของการวิจัย

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดของการวิจัย

สัมภาษณเจาะลึก

การลงมือปฏิบัติ

ระยะการ วิจัย

ระยะการ พัฒนา

สํารวจขอมูลการเลี้ยงไกพื้นเมือง

ผลลัพธ

ไดองคความรู

สภาพปจจุบัน การเลี้ยงไกพื้นเมือง ศึกษาสภาพปญหาการ

เลี้ยงไกพื้นเมือง ศึกษาสภาพปจจุบันการเลี้ยง

ไกพื้นเมือง

สังเคราะหแนวทางการเลี้ยงไกพื้นเมือง เรียนรูภูมิปญญาทองถิ่น ในศตวรรษที่ 21

พัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู

นวัตกรรมดานการคัดเลือกพันธุ ดานการผสมพันธุ

ดานโรงเรือนไกพื้นเมือง ดานอาหารและดานการรักษาโรค ประเมินผลการทํานวัตกรรม

(5)

ระเบียบวิธีวิจัย

การวิจัยครั้งนี้เปนการวิจัยและพัฒนา ผูวิจัยไดออกแบบขั้นตอนและวิธีการเก็บรวบรวม ขอมูลเปน 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาองคความรูภูมิปญญา ทองถิ่น สภาพปจจุบัน สภาพปญหาการเลี้ยง ไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัด หนองบัวลําภู โดยศึกษาเอกสารเกี่ยวกับ ภูมิปญญาทองถิ่นการเลี้ยงไกพื้นเมือง และ สํารวจบริบทจังหวัดหนองบัวลําภู และขอมูล พื้นฐานการเลี้ยงไกพื้นเมือง ในขั้นตอนมีกิจกรรม ดังนี้

1) ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับภูมิปญญา ทองถิ่นการเลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู

2) การสํารวจ เพื่อสํารวจบริบทจังหวัด หนองบัวลําภู และขอมูลพื้นฐานการเลี้ยงไกพื้นเมือง โดยวิธีการสํารวจจากกลุมเปาหมายในจังหวัด หนองบัวลําภู ไดแก ปราชญผูเลี้ยงไกพื้นเมือง เกษตรกรผูเลี้ยงไกพื้นเมือง

3) การสัมภาษณเจาะลึก เพื่อสัมภาษณ

เจาะลึกเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใช

ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู

องคความรูการเลี้ยงไกพื้นเมืองในจังหวัด หนองบัวลําภู กับกลุมเปาหมาย จํานวน 30 คน โดยการสุมตัวอยางแบบเจาะจง ไดแก ผูใหญ

บาน กํานัน ผูนําองคกรเอกชน นายกองคกร ปกครองสวนทองถิ่น สมาชิกองคกรปกครอง สวนทองถิ่น เจาหนาที่เกษตรอําเภอ นักพัฒนา ชุมชน เจาหนาที่ปศุสัตวอําเภอ ตัวแทนบริษัท ซีพีเอฟ จํากัด (มหาชน) สาขาอุดรธานี และตัวแทน บริษัท เบทาโกร สาขาอุดรธานี

ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนานวัตกรรมการ เลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่นใน จังหวัดหนองบัวลําภู โดยการจัดเวทีประชุม ระดมความคิดเห็นแบบมีสวนรวม เกี่ยวกับการ พัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใช

ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู ผูเขารวม ประชุมประกอบดวย ผูใหญบาน กํานัน ผูนํา องคกรเอกชน นายกองคกรปกครองสวนทองถิ่น สมาชิกองคกรปกครองสวนทองถิ่น เจาหนาที่

เกษตรอําเภอ นักพัฒนาชุมชน เจาหนาที่ปศุสัตว

อําเภอ บริษัทซีพีเอฟจํากัดมหาชนสาขาอุดรธานี

และบริษัทเบทาโกรสาขาอุดรธานี จํานวน 30 คน เพื่อเปดโอกาสใหทุกคนไดแสดงความคิด เกี่ยวกับ การสรางนวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใช

ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู

ที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 3 ขั้นนํานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัด หนองบัวลําภู สูการปฏิบัติ ซึ่งลงมือฝกปฏิบัติจริง โดยประชุมคณะทํางาน ประกอบดวย ผูใหญบาน กํานัน ผูนําองคกรเอกชน นายกองคกรปกครอง สวนทองถิ่น สมาชิกองคกรปกครองสวนทองถิ่น เจาหนาที่เกษตรอําเภอ นักพัฒนาชุมชน เจาหนาที่

ปศุสัตวอําเภอ ตัวแทน บริษัท ซีพีเอฟ จํากัด (มหาชน) สาขาอุดรธานี และตัวแทน บริษัท เบทาโกรสาขาอุดรธานี เพื่อดําเนินการวางแผน กิจกรรมตาง ๆ มีการแบงบทบาทหนาที่ชัดเจน จัดทําแผนปฏิบัติการ จากนั้นลงมือปฏิบัติจริง เปนเวลา 1 ไตรมาส

ขั้นตอนที่ 4 ขั้นประเมินผลนวัตกรรม การเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่น

(6)

ในจังหวัดหนองบัวลําภู เปนการประเมินผลผลิต และผลลัพธ คือ ประเมินผลผลิต โดยวิธีการ สัมภาษณไมเปนทางการ ประกอบดวย ผูใหญ

บาน กํานัน ผูนําองคกรเอกชน นายกองคกร ปกครองสวนทองถิ่น สมาชิกองคกรปกครอง สวนทองถิ่น เจาหนาที่เกษตรอําเภอ นักพัฒนา ชุมชน เจาหนาที่ปศุสัตวอําเภอ ตัวแทน บริษัท ซีพีเอฟ จํากัด (มหาชน) สาขาอุดรธานี และตัวแทน บริษัท เบทาโกร สาขาอุดรธานี จํานวน 30 คน และประเมินผลลัพธ โดยใชแบบประเมินความ พึงพอใจ

สรุปผลการวิจัยและอภิปรายผลการวิจัย สรุปผลการวิจัย

1. ผลการศึกษาสภาพปจจุบัน และ สภาพปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใช

ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู

จากตารางที่ 1 พบวา ผูตอบแบบสอบถาม สวนใหญมีเหตุผลที่เลี้ยงไกพื้นเมืองเพราะเปน อาชีพของบรรพบุรุษเลี้ยงไกตาม ๆ กันมา มี

จํานวน 366 คน (รอยละ 18.64)

ตารางที่ 1 สภาพปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมือง

สภาพปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมือง

1. เหตุผลที่เลี้ยงไกพื้นเมือง (เลือกไดมากกวา 1 ขอ n = 1,963) เปนอาชีพของบรรพบุรุษเลี้ยงไกตาม ๆ กันมา

รักการเลี้ยงไก

ไกพื้นเมืองเลี้ยงงาย ไกพื้นเมืองขายไดราคาสูง หาตลาดงาย

เลี้ยงเพื่อความสวยงาม เลี้ยงไวเปนงานอดิเรก

เลี้ยงไวขายเปนพอพันธุและแมพันธุ

ชอบกินเนื้อไกและไขไกจึงเลี้ยงไวกินและขาย เลี้ยงเพราะตองการมูลไกใชเปนปุยใสพืชไร พืชสวน

รวม

จํานวน

366 352 265 57 83 22 31 79 360 348 1,963

รอยละ

18.64 17.93 13.50 2.90 4.23 1.13 1.58 4.02 18.34 17.73 100.00

(7)

จากตารางที่ 2 พบวา ปลอยไกคัดเลือก กันเองผสมพันธุตามธรรมชาติ มีจํานวน 377 คน (รอยละ 100.00)

จากตารางที่ 3 พบวา อาหารที่ใหไกจะ

ปลอยหากินเองและใหอาหารเสริมเปนครั้งคราว มีจํานวน 268 คน (รอยละ 23.91) อาหารที่ให

คือขาวเปลือกและปลายขาว มีจํานวน 377 คน (รอยละ 29.13)

ตารางที่ 2 วิธีการผสมพันธุไกพื้นเมือง

สภาพปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมือง 1. วิธีการผสมพันธุไกพื้นเมือง

ธรรมชาติ

รวม

จํานวน

377 377

รอยละ

100.00 100.00

ตารางที่ 3 อาหารไกพื้นเมือง

สภาพปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมือง 1. อาหารที่ใหไกกินมาจากแหลงใด

ผสมเอง

ซื้ออาหารสําเร็จรูปจากรานขายอาหารสัตว

อาหารวัตถุดิบลวน ๆ เชน ขาวเปลือก ขาวโพด ปลอยหากินเองตาม

ปลอยหากินและใหอาหารเสริมเปนครั้งคราว รวม

2. อาหารที่ให (เลือกไดมากกวา 1 ขอ n = 1,294) ขาวเปลือก

ขาวโพด ปลายขาว รํา

รวม

จํานวน

237 219 208 189 268 1,121

377 270 377 270 377

รอยละ

21.14 19.54 18.55 16.86 23.91 100.00

29.13 20.87 29.13 20.87 100.00 (เลือกไดมากกวา 1 ขอ n = 1,121)

(8)

จากตารางที่ 4 พบวา สมุนไพรที่ใชแทน ยาปฏิชีวนะ บอระเพ็ด เพื่อบํารุงรางกาย มีจํานวน 121 คน (รอยละ 29.88)

2. ผลการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู โดยกระบวนการ มีสวนรวมของภาคีที่เกี่ยวของ ในการรวมประชุม ระดมความคิด และสนทนากลุม ที่มีนวัตกรรมเปน ความตองการของผูมีสวนเกี่ยวของ 5 นวัตกรรม คือ 1) การคัดเลือกพันธุ 2) การผสมพันธุ 3) โรงเรือน ไกพื้นเมือง 4) การใหอาหาร และ 5) การรักษาโรค ซึ่ง 1) การคัดเลือกพันธุ โดยดูจากลักษณะภายนอก ความสมบูรณแข็งแรง ไมจิกตีลูกไก 2) การ ผสมพันธุ ใชตัวผู 1 ตัว ตอตัวเมีย 5 ตัว 3) โรงเรือน ไกพื้นเมือง ใชแบบโรงเรือนที่ทําไดงาย วัสดุใน ทองถิ่น 4) การใหอาหาร ไกพื้นเมืองแรกเกิด

ถึง 2 เดือน ใชปลายขาวผสมกับใบผักตําลึง สับละเอียด และอายุ 2 เดือนขึ้นไป ใชรํารวม ขาวเปลือกผสมกับตนกลวยสับละเอียดและ ใบผักตําลึงสับ ใหกินวันละ 2 ครั้ง ภาชนะสําหรับ ใสนํ้าและอาหารใชสีแดง และ 5) การรักษาโรค ใชสมุนไพรที่มีในทองถิ่น

3. ผลการนํานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่นสูการปฏิบัติ

ในจังหวัดหนองบัวลําภู ในสวนนี้ เปนการวิจัย เชิงปฏิบัติการ มีการลงมือปฏิบัติจริง สงผลให

ไกที่เลี้ยงโตไว ไขดก ไมเคระเกร็น ลดคาใชจาย ในการใชยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคที่เกิดกับ ไกพื้นเมือง เปนเวลา 1 ไตรมาส ตั้งแต 22 มีนาคม 2560 ถึง 21 มิถุนายน 2560

ตารางที่ 4 สมุนไพรที่ใชกับไกพื้นเมือง

สุมนไพรที่ใชกับไกพื้นเมือง 1. สมุนไพรที่ใชแทนยาปฏิชีวนะ

บอระเพ็ด เพื่อบํารุงรางกาย เครือตดหมา เพื่อบํารุงรางกาย

ขมิ้นชัน ฟาทะลายโจร ตะไครหอม เพื่อสรางภูมิคุมโรค ผักสาบเสือ บอระเพ็ด เพื่อบํารุงรางกาย

มดแดง รักษาโรคหา เปลือกอะราง รักษาโรคหา

ใบตะไครและมดแดง รักษาโรคหา

ใบตะไคร รักษา หวัด แกอักเสบ สรางภูมิคุมกัน รวม

จํานวน

121 33 41 49 33 16 16 96 405

รอยละ

29.88 8.15 10.12 12.10 8.15 3.95 3.95 23.70 100.00 (เลือกไดมากกวา 1 ขอ n = 405)

(9)

อภิปรายผลการวิจัย

1. ผลการศึกษาสภาพปจจุบันและสภาพ ปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใชภูมิปญญา ทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู มีดังนี้

จากการศึกษาสภาพปจจุบัน พบวา จะเลี้ยง แบบปลอยใหไกหากินตามธรรมชาติ อาศัยอยู

ใตถุนบาน ทําใหเกิดโรคระบาด สงกลิ่นเหม็น รําคาญ กอความเดือดรอนใหแกเพื่อนบานใกลเคียง ที่เปนเชนนี้อาจเนื่องมาจากไมมีการเลี้ยง แบบเปนระบบ ไมมีการทําวัคซีนปองกันโรค เมื่อถึงฤดูกาลโรคระบาดไกก็ตายเชนเดิม ซึ่งสอดคลองกับแนวคิดโรคและการปองกัน โรคไกพื้นเมืองกรมปศุสัตว (Department of Livestock Development, 2016) สรุปวาการ เลี้ยงไกพื้นเมือง ผูเลี้ยงควรรูจักโรคและการปองกัน โรคไกพื้นเมือง ควรมีการใหวัคซีนปองกันโรค ผลการศึกษาครั้งนี้การเลี้ยงไกพื้นเมืองจะเลี้ยง แบบปลอยใหหากินตามธรรมชาติและอาศัยอยู

ใตถุนบาน ใหผลเชนเดียวกับการวิจัยของ เกรียงไกร โชประการ (Choprakarn, 1998) ที่ศึกษาเรื่อง การพัฒนาการผลิตไกพื้นเมืองและไกลูกผสม พื้นเมือง พบวา ไกพื้นเมืองคือไกที่มีการเลี้ยง ทั่วไปตามหมูบาน ถูกปลอยหากินเอง คุยเขี่ย อาหารตามธรรมชาติ

จากการศึกษาสภาพปญหา พบวา การ เลี้ยงไกพื้นเมืองปจจุบันจะเลี้ยงแบบปลอยให

หากินตามธรรมชาติ ทําใหเกิดโรคระบาด สงกลิ่น เหม็นรําคาญ กอความเดือดรอนใหแกเพื่อนบาน ใกลเคียง ไมมีการคัดเลือกพันธุสงผลใหลูกไก

ที่เกิดมาแคระ ทั้งนี้เพราะเกษตรกรไมมีองคความรู

เกี่ยวกับการเลี้ยงไกพื้นเมือง สอดคลองกับ สุชน

ตั้งทวีวิพัฒน (Tangtaweewipat, 1994) ศึกษา ปญหาการเลี้ยงไกพื้นเมือง พบวา เกษตรกร ผูเลี้ยงไกพื้นเมืองขาดความรูเรื่องการเลี้ยงไก

พื้นเมือง จึงไมมีการคัดเลือกพอพันธุแมพันธุ

ผสมพันธุแบบเลือดชิด ใชพอพันธุคุมฝูงนาน เกินไป ใชพอพันธุแมพันธุอายุนอย ไมมีองคความรู

เรื่องการปฏิบัติทางดานปศุสัตวการเลี้ยงไกที่ดี

จึงสงผลใหเกิดปญหาดานผลผลิตไกพื้นเมืองตํ่า 2. ผลการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลําภู โดยการมีสวนรวม ของภาคีที่เกี่ยวของ ในการพัฒนานวัตกรรมทําให

เกษตรกรเกิดองคความรู และไดนวัตกรรมที่เปน ความตองการของผูมีสวนเกี่ยวของ 5 นวัตกรรม คือ 1) การคัดเลือกพันธุ โดยดูจากลักษณะ ภายนอกของไกพื้นเมือง 2) การผสมพันธุ ใชตัวผู

1 ตัว ตอตัวเมีย 5 ตัว มีคอกผสมพันธุ 3) ที่อยู

อาศัย สามารถทําไดงาย สะดวก ราคาคอนขางตํ่า ทําจากวัสดุในทองถิ่น 4) อาหาร หาไดงายตาม ทองถิ่น คือ ขาวเปลือก ปลายขาว รําละเอียด หรือรําหยาบ เมล็ดขาวโพดสําหรับเลี้ยงสัตว

รวมทั้งเศษอาหาร 5) การรักษาโรค ใชสมุนไพร ที่หาไดงายในทองถิ่น คือ ขมิ้นสด นํ้าผึ้ง ตะไคร

กลวยนํ้าหวา ฟาทะลายโจรหรือบอระเพ็ด ซึ่งนวัตกรรมที่ไดนี้มาจากกระบวนการมีสวนรวม ของภาคีที่เกี่ยวของ ที่รวมมือกันสรางนวัตกรรมนี้

รวมกัน โดยเปนนวัตกรรมของชุมชน โดยชุมชน และเพื่อชุมชนผลการศึกษานี้เปนไปตามแนวคิด ของ ทนงศักดิ์ คุมไขนํ้า (Koomkhinkam, 1991) ใหแนวคิดของการมีสวนรวมของประชาชนวา เปนการที่ประชาชนไดเขามามีสวนรวมในลักษณะ ของการรวมคิด รวมตัดสินใจ รวมวางแผน

(10)

รวมปฏิบัติ รวมรับผลประโยชนและรวมติดตาม ประเมินผล และแนวคิดของ Brown & Moberg (1980) ไดกลาวถึง การมีสวนรวมวาเปน กระบวนการซึ่งบุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไปมีอิทธิพล ซึ่งกันและกัน ในการตัดสินใจที่สงผลกระทบตอ พวกเขาในอนาคตซึ่งอาจจะถูกกําหนดขึ้นมา อยางเปนทางการหรือไดรับการสนับสนุนอยาง ไมเปนทางการ

3. ผลการนํานวัตกรรมการเลี้ยงไก

พื้นเมืองโดยใชภูมิปญญาทองถิ่นสูการปฏิบัติ

กับกลุมเปาหมาย จํานวน 30 คน ทั้ง 5 นวัตกรรม มีผลดังนี้

การคัดเลือกพันธุ มีเปาหมายใหนํา ภูมิปญญาทองถิ่นมาชวยในการคัดเลือกพันธุ

โดยวิธีดูจากลักษณะภายนอกของไกพื้นเมือง ดูความสมบูรณแข็งแรง ไมเปนโรค ทั้งนี้เพราะ ลักษณะภายนอกสามารถทํานายถึงความ สมบูรณแข็งแรงของไกพื้นเมือง สอดคลองกับ แนวคิดของกรมปศุสัตว (Department of Livestock Development , 2016) เสนอวิธีการ คัดเลือกพันธุไกพื้นเมือง คือ รูปรางใหญ นํ้าหนัก โตเต็มที่อายุ 5-6 เดือน เพศผูหนัก 3.5-4 กิโลกรัม เพศเมียหนัก 2.5-3 กิโลกรัม แข็งแรงและทนทาน ตอโรคพยาธิ ควรเลี้ยงงายในสภาพชนบททั่วไป การผสมพันธุ มีเปาหมายใหนําภูมิปญญา ทองถิ่นมาใชในการผสมพันธุ โดยการใชตัวผู 1 ตัว ตอตัวเมีย 5 ตัว จัดทําคอกผสมพันธุไวเฉพาะ โดยผสมพันธุในชวงเชาและเย็น จะทําใหนํ้าเชื้อ ไกพอพันธุมีความแข็งแรง แลวเวนระยะ 3 – 5 วัน ผสมซํ้าสอดคลองกับแนวคิดของกรมปศุสัตว

(Department of Livestock Development,

2016) ไดเสนอแนวคิดวาการผสมพันธุไกพื้นเมือง เปนการผสมโดยที่ไกตัวผูและไกตัวเมียรวมคู

ผสมพันธุกันเอง ใชไกตัวผู 1 ตัว ขังรวมในคอกผสม กับตัวเมีย 5 - 6 ตัว

โรงเรือนไกพื้นเมือง มีเปาหมายใหนํา ภูมิปญญาทองถิ่นมาใชในการสรางโรงเรือน โดยเปนแบบที่ทําไดงาย จากวัสดุในทองถิ่น ปลอดภัยจากขโมยและสัตวรายตาง ๆ ในการ จัดวางโรงเรือนควรหันหนาเขาหาทิศตะวันออก เพื่อลดความรอนจากแสงอาทิตย สอดคลอง กับแนวคิดของกรมปศุสัตว (Department of Livestock Development , 2016) ไดเสนอวา โรงเรือนและอุปกรณการเลี้ยงไกพื้นเมืองนั้นไมมี

รูปแบบที่ตายตัวแนนอน ขึ้นอยูกับวัตถุประสงค

ของการเลี้ยง ตนทุนผูที่เลี้ยง โรงเรือนที่ดีควร กันแดดกันฝน ภายในโรงเรือนโปรง รักษาความ สะอาดงาย ปองกันศัตรูตาง ๆ ไดดี หางจากที่พัก พอสมควร โดยโรงเรือนขนาดกวาง 3 เมตร ยาว 4 เมตร สูง 2 เมตร ก็จะใชเลี้ยงไกพื้นเมือง ขนาดใหญประมาณ 30-40 ตัว สําหรับคอนนอน ควรเปนไมกลมไกพื้นเมืองจะจับคอนนอนไดดี

อาหาร มีเปาหมายใหนําภูมิปญญา ทองถิ่น มาใชในการใหอาหารไกพื้นเมือง ควรหา ไดงายตามทองถิ่น สูตรอาหารสําหรับเลี้ยงไก

พื้นเมืองแรกเกิด จนถึงอายุ 2 เดือน ใชปลายขาว ผสมกับใบผักตําลึงสับละเอียด ในอัตราสวน 1 : 1 และไกพื้นเมืองอายุ 2 เดือนขึ้นไป ใชรํารวม ขาวเปลือกผสมกับตนกลวยสับละเอียด และใบ ผักตําลึงสับละเอียด ในอัตราสวน 1 : 1 : 2 : 1 โดยใหกินวันละ 2 ครั้ง ภาชนะสําหรับใสนํ้าและ อาหาร ใชสีแดงหรือสีเหลืองเพื่อกระตุนใหไกกิน

(11)

อาหารไดมากขึ้น ทั้งนี้เพราะปลายขาวคือแหลง ใหพลังงานในสัตวปก 3,500 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม สวนตําลึงเปนพืชที่มีสารเบตาแคโรทีน เปนสาร กระตุนการทํางานของเอนไซมที่ซอมแซมสาร พันธุกรรม รํารวมเปนแหลงใหพลังงานมีโปรตีน ประมาณ 8-10% ขาวเปลือก 100 กรัม มีโปรตีน 7% และกรมปศุสัตวไดนําสวนตาง ๆ ของกลวย มาวิเคราะห พบวา ตนกลวยสดมีนํ้าเปนสวน ประกอบประมาณ 95 เปอรเซ็นต มีโปรตีน คิดจากนํ้าหนักแหง 2.5 เปอรเซ็นต มีเยื่อใย คิดจากนํ้าหนักแหง 26.1 เปอรเซ็นต มีแรธาตุ

แคลเซียม โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เหล็ก และสังกะสี อีกทั้งสมุนไพรไมมีโทษตอ รางกาย ผลการศึกษาครั้งนี้ใหผลเชนเดียวกับการ ศึกษาของ Laosomoon & Jansiriphota (2012) ไดทดลองใชสมุนไพรผงใบฝรั่ง ผงกระเทียมและ ผงสมุนไพรผสมตอสมรรถภาพการผลิตของไกไข

พบวา การเสริมผงสมุนไพรผสม 0.1 เปอรเซ็นต

ในอาหารมีผลทําใหสมรรถนะการผลิตของแมไก

ทั้งประสิทธิภาพการใชอาหาร นํ้าหนักไขและ อัตราการไขมีแนวโนมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุม ควบคุม

การรักษาโรค มีเปาหมายใหนําภูมิปญญา ทองถิ่นมาใชในการรักษาโรค ที่ใชเปนประจําคือ ขมิ้นสด ตะไคร กลวยนํ้าหวา ฟาทะลายโจรหรือ บอระเพ็ด เพื่อรักษาโรคขาเจ็บ ทองเสีย หวัด วิธีใหก็จะสับเปนชิ้นเล็ก ๆ ปอนใหไกกิน ถาพืช สมุนไพรตัวไหนขมก็จะผสมนํ้าผึ้ง หรือประคบ ทาภายนอก ทั้งนี้เพราะสมุนไพรมีสรรพคุณเปนยา

โดยขมิ้นชันมี สารเคอรคูมิน (Curcuminoids) มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สวนตะไครมีสารเคมีใน นํ้ามันหอมระเหยที่ออกฤทธิ์แกปวด กลวยนํ้าวา มีโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกวา Tryptophan ซึ่งชวย ในการผลิตสาร Serotonin รักษาแผลในลําไส

ฟาทะลายโจรมีฤทธิ์ลดไข ผลการศึกษาครั้งนี้

ใหผลสอดคลองกับผลการศึกษาของ วรศิลป

มาลัยทอง (Malaithong, 2004) ไดศึกษาผลของ สมุนไพรเพื่อทดแทนยาปฏิชีวนะและสารเรงการ เจริญเติบโตในไกลูกผสมสามสายเลือด ไดแก

ฟาทะลายโจรและขมิ้นชัน ชนิดละ 3 ระดับ คือ 0.5, 1.0 และ 1.5 เปอรเซ็นต ผสมกับอาหาร พื้นฐาน พบวา อาหารที่กินตอวัน ประสิทธิภาพ การใชอาหารและอัตราการตายไมแตกตางกัน ทางสถิติ (P>0.05) ทั้งระยะ 0-5 สัปดาห และ 6-10 สัปดาห แตมีแนวโนมวาการใชสมุนไพร ฟาทะลายโจรหรือขมิ้นชันอยางใดอยางหนึ่ง จะชวยปรับปรุงประสิทธิภาพการใชอาหารของไก

ใหดีขึ้น ขอเสนอแนะ

จากขอคนพบของการศึกษาครั้งนี้

กอใหเกิดนวัตกรรมการเลี้ยงไกพื้นเมืองโดยใช

ภูมิปญญาทองถิ่นในจังหวัดหนองบัวลําภู จึงควร นํานวัตกรรมดังกลาวมากําหนดเปนระเบียบ แนวปฏิบัติ และรูปแบบสื่อตาง ๆ เชน คูมือ แผนพับการเลี้ยงไกพื้นเมือง เพื่อการนํานวัตกรรม ที่ไดไปใชในที่อื่น ๆ ซึ่งอาจมีการปรับใชใหเหมาะสม กับแตละทองที่

(12)

REFERENCES

Brown, W. B. & Moberg, D. J. (1980).

Organizational theory and management : a macro approach. NY: John Wiley

& Sons.

Choprakarn, K. (1998). Indigenous chicken Crossbred chicken: past and future.

Bangkok: Thailand Research Fund.

(in Thai)

Department of Livestock Development.

(2016). Raising Purebred of Thai native chicken. Bangkok: Ministry of Agriculture and Cooperatives.

(in Thai)

Koomkhinkam, T. (1991). Devopment workshop. Bangkok: Bophip Kanphim Chamkat. (in Thai)

Laosomoon, P. & Jansiriphota, S. (2012).

Ethnoveterinary treatment of native chickens in Ratchaburi Province.

Ratchaburi: Muban Chombueng Rajabhat University. (in Thai)

Malaithong, W. (2004). Production of organic chicken using medicine herbs.

Chaingmai: Maejo University. (in Thai) Simaraks, S., Kerdsuk, V., & Kroeksakul, P.

(2015). Outcome of Thai indigenous chicken deveiopment of small-scale farmer in northeastern region in the past. Bangkok: Thailand Research Fund. (in Thai)

Tangtaweewipat, S. (1994). Poultry management.

Animal Science, Faculty of Agriculture Chiang Mai University. Chiang Mai:

Chiang Mai University. (in Thai)

Referensi

Dokumen terkait