การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้
โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต
โดย
นางสาวสุทิศา เข็มแข็งปรีชานนท์
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญามหาบัณฑิต
ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร
ปีการศึกษา 2565 ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการ จัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต
โดย
นางสาวสุทิศา เข็มแข็งปรีชานนท์
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญามหาบัณฑิต
ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร
ปีการศึกษา 2565 ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
DEVELOPING PROBLEM SOLVING ABILITIES OF GRADE 2 STUDENTS BY PROJECT-BASED LEARNING AND FUTURE SOLVING PROBLEMS
By
MISS Sutisa KHAMKHENGPREECHANON
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for Master of Education (CURRICULUM AND INSTRUCTION)
Department of Curriculum and Instruction Graduate School, Silpakorn University
Academic Year 2022 Copyright of Silpakorn University
หัวข้อ การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับ การแก้ปัญหาในอนาคต
โดย นางสาวสุทิศา เข็มแข็งปรีชานนท์
สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญามหาบัณฑิต อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สรัญญา จันทร์ชูสกุล
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับพิจารณาอนุมัติให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาธิต นิรัติศัย)
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย (ผู้รักษาการแทน)
พิจารณาเห็นชอบโดย
ประธานกรรมการ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิสูตร โพธิ์เงิน)
อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน)
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สรัญญา จันทร์ชูสกุล)
ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก (รองศาสตราจารย์ ดร. มารุต พัฒผล)
ง
บทคัดย่อ ภาษาไทย
620620074 : หลักสูตรและการสอน แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญามหาบัณฑิต
คำสำคัญ : การจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐาน, การแก้ปัญหาในอนาคต, การพัฒนาการความสามารถในการ แก้ปัญหา
นางสาว สุทิศา เข็มแข็งปรีชานนท์: การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต อาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์หลัก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต 2) เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน เป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต และ 3) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐาน ร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/6 โรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) อำเภอสามพราน จำนวน 35 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็น หน่วยสุ่มจำนวน 1 ห้อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต 2) แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วย โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย (M) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ (One-way ANOVA with Repeated Measures) และการ ทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระจากกัน (t-test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1. พัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ครั้งที่ 3 อยู่ในระดับดี
มาก (M = 2.71, SD =0.28) ซึ่งสูงกว่า ในครั้งที่1 (M = 2.26, SD =0.26) และครั้งที่ 2 (M = 2.57, SD =0.23) ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญที่สถิติ .05 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังได้รับการ จัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐานรูปของการแก้ปัญหาในอนาคต (M = 15.74, SD = 2.03) สูงกว่าก่อนเรียน (M = 7.37, SD = 1.78) อย่างมีนัยสำคัญที่สถิติ .05 และ 3. ความพึงพอใจของนักเรียนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่
มีต่อต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคตโดยภาพพบว่ามีความพึงพอใจใน ระดับมาก (M = 2.87 , SD = 0.10)
จ
บทคัดย่อ ภาษาอังกฤษ
620620074 : Major (CURRICULUM AND INSTRUCTION)
Keyword : PROJECT-BASED LEARNING, FUTURE PROBLEM SOLVING, DEVELOPMENT OF PROBLEM- SOLVING ABILITIES
MISS SUTISA KHAMKHENGPREECHANON : DEVELOPING PROBLEM SOLVING ABILITIES OF GRADE 2 STUDENTS BY PROJECT-BASED LEARNING AND FUTURE SOLVING PROBLEMS THESIS ADVISOR : ASSISTANT PROFESSOR CHANASITH SITHSUNGNOEN, Ph.D.
This research aims to 1) study the development of problem-solving abilities of Grade 2 students who organized project-based learning and future problem-solving. 2) compare academic achievement in science subject of Grade 2 students before and after organized by project-based learning and future problem-solving. 3) study the satisfaction towards project-based learning and future problem-solving organization. The research sample was 35 students in Grade 2/6 in Watraikhing (Soonthon U-thit) school by using a Cluster random sampling method using 1 classroom as a random unit. The lesson plans of the Science and Technology learning subject group with project-based learning and future problem-solving, problem-solving ability evaluation form, academic achievement tests, and assessment of students' satisfaction towards project- based learning and future problem-solving organization were used as research tools. The statistics used to analyze the data were arithmetic mean, standard deviation, One-way ANOVA with Repeated Measures, and t-test dependent.
The findings indicated that:
1. The problem-solving abilities of Grade 2 students for 3rd time were at a very good level. (M = 2.71, SD =0.28) which is higher than 1st time (M = 2.26, SD = 0.28) and 2nd time (M = 2.27, SD = 0.23) respectively with significant at statistical .05. 2. The academic achievement of Grade 2 students after organized by project-based learning and future problem-solving (M = 15.74, SD = 2.03) is higher than before (M = 7.37, SD = 1.78) respectively with significant statistical .05.and 3. The satisfaction towards project-based learning and future problem-solving organization of Grade 2 students was found that has a very good level (M = 2.87 , SD = 0.10).
ฉ
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต สำเร็จลุล่วงด้วยดีเนื่องจาก ได้รับความกรุณาเป็นอย่างสูงจาก อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูง เนิน ที่ให้คำปรึกษาทั้งด้านวิชาการ ให้ความเมตตากรุณา พร้อมทั้งให้คำแนะนำและข้อคิดเห็นตลอด ระยะเวลาที่ศึกษา ตลอดจนตรวจสอบปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งเป็นประโยชน์แก่งานวิจัยนี้
ขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรัญญา จันทร์ชูสกุล อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม ผู้ให้
คำปรึกษาด้วยความเอาใจใส่และให้กำลังใจเสมอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิสูตร โพธิ์เงิน ประธาน กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.มารุต พัฒพล ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ให้คำแนะนำทำให้
วิทยานิพนธ์นี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้วิจัยรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาเป็นอย่างยิ่งและขอกราบขอบพระคุณเป็น อย่างสูงมา ณ ที่นี้
ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้
ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง ผู้ช่วย ศาสตราจารย์ ว่าที่ ร.ต. ดร.นิวัฒน์ บุญสม ดร.พิชญาณ์ พานะกิจ ดร.สิริกร ทิติยวงษ์ ดร.สมาพร มณี
อ่อน ดร.มยุรี เจริญศิริ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุจิราพร รามศิริ
ขอขอบพระคุณผู้บริหาร คณะครู และนักเรียนโรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) จังหวัดนครปฐม ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ขอขอบพระคุณคณาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ทุกท่าน ขอขอบคุณ พี่ เพื่อน และ น้องนักศึกษาหลักสูตรและการสอนที่ได้กรุณาให้ความช่วยเหลือ แนะนำ และเป็นกำลังใจตลอดมา
ขอขอบพระคุณครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้การสนับสนุนการศึกษาในระดับปริญญา มหาบัณฑิตเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา ตลอดจนคอยเป็นกำลังใจให้ผู้วิจัยประสบกับ ความสำเร็จ สุดท้ายนี้คุณงามความดีอันเกิดจากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ขอมอบแด่ผู้มีพระคุณในชีวิตของ ผู้วิจัยทุกท่านที่ทำให้ผู้วิจัยมีโอกาสได้เรียนรู้ ได้รับประสบการณ์มากมายและประสบความสำเร็จมาจน ทุกวันนี้
นางสาว สุทิศา เข็มแข็งปรีชานนท์
สารบัญ
หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ... ง บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ... จ กิตติกรรมประกาศ... ฉ สารบัญ ... ช สารบัญตาราง ... ฎ สารบัญแผนภาพ ... ฑ
บทที่ 1 บทนำ ... 1
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ... 1
2. กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย ... 7
3. คำถามในการวิจัย ... 11
4. วัตถุประสงค์ของการวิจัย ... 11
5. สมมติฐานของการวิจัย ... 11
6. ขอบเขตของการวิจัย ... 12
7. นิยามศัพท์เฉพาะ ... 13
บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ... 15
1. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ... 16
1.1 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง พุทธศักราช 2560) กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ... 16
1.2 หลักสูตรการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ... 31
1.3 หลักการและเหตุผล ... 31
1.4 เป้าหมายการจัดการสอนวิทยาศาสตร์ ... 31
1.5 มาตรฐานและตัวชี้วัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 ... 32
2. แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ... 34
2.1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน ... 35
2.2 ความหมายของการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ... 37
2.3 ประเภทของโครงงาน ... 38
2.4 ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน ... 41
2.5 บทบาทผู้สอนและผู้เรียนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน ... 45
2.6 การประเมินผลการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ... 46
2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ... 48
3. แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้การแก้ปัญหาในอนาคต... 50
3.1 ความหมายของการแก้ปัญหาอนาคต ... 50
3.2 ความเป็นมาของการแก้ปัญหาในอนาคต ... 51
3.3 เทคนิคขั้นตอนและกระบวนการการแก้ปัญหาอนาคต... 52
3.4 ลักษณะเด่นของเทคนิคการคิดแก้ปัญหาอนาคต ... 55
3.5 การแก้ปัญหา ... 56
3.6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 68
บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย ... 73
1. วิธีการดำเนินการวิจัย ... 73
2. ระเบียบวิธีการวิจัย ... 74
2.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ... 74
2.2 เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย ... 74
2.3 ระยะเวลาที่ใช้ในการทำวิจัย ... 75
2.4 ตัวแปรที่ศึกษา ... 75
3. แบบแผนที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ... 75
4. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 76
5. การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 76
6. การดำเนินการทดลองในการวิจัย ... 97
7. การวิเคราะห์ข้อมูล ... 101
8. สรุปวิธีดำเนินการวิจัย ... 102
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล... 104
1. ผลการวิเคราะห์พัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 105
1.1 ผลการวิเคราะห์พัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหา จำแนกตามครั้งการวัด ... 105
1.2 ผลการวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปัญหาในภาพรวม ... 108
2. ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการ จัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาอนาคต ... 111
3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 112
บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ... 114
1. สรุปผลการวิจัย ... 115
2. อภิปรายผลการวิจัย ... 115
2.1 พัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการ จัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 116
2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการสอนด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 119
2.3 ความพึงพอใจที่มีต่อการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต . 120 3. ข้อเสนอแนะ ... 121
3.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ... 121
3.2 ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป ... 121
รายการอ้างอิง ... 123
ภาคผนวก... 129
ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/ผู้ร่วมสนทนากลุ่มหนังสือขอ เชิญผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัยหนังสือขอทดลองเครื่องมือวิจัยหนังสือขอความอนุเคราะห์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ... 130
ภาคผนวก ข ผลของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 133
ภาคผนวก ข การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 144
ภาคผนวก ค เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 160
ภาคผนวก ง ผลงานนักเรียน ... 203
ภาคผนวก จ ผลการหาประสิทธิผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ... 215
ภาคผนวก ฉ ภาพการดำเนินการจัดการเรียนรู้ ... 220
ประวัติผู้เขียน ... 224
สารบัญตาราง
หน้า ตารางที่ 1 ตารางโครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดไร่
ขิง (สุนทรอุทิศ) ... 21
ตารางที่ 2 โครงสร้างการเรียน มาตรฐาน ว 2.1 ... 30
ตารางที่ 3 การวิเคราะห์การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ... 44
ตารางที่ 4 การสังเคราะห์เทคนิคขั้นตอนกระบวนการการแก้ปัญหาอนาคต ... 54
ตารางที่ 5 การสังเคราะห์กระบวนการแก้ปัญหา ... 65
ตารางที่ 6 การวิเคราะห์การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต .. 66
ตารางที่ 7 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน ... 78
ตารางที่ 8 ตารางสรุปผลการสนทนากลุ่ม ... 81
ตารางที่ 9 เกณฑ์การประเมินพัฒนาการความสามารถในการแก้ปัญหา ... 86
ตารางที่ 10 การวิเคราะห์และออกแบบ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ... 90
ตารางที่ 11 การดำเนินงานใช้แผนการสอน ... 98
ตารางที่ 12 สรุปการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วย การจัดการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ดังนี้ ... 102
ตารางที่ 13 คะแนนการประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาครั้งที่ 1 ... 105
ตารางที่ 14 คะแนนการประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาครั้งที่ 2 ... 106
ตารางที่ 15 คะแนนการประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาครั้งที่ 3 ... 107
ตารางที่ 16 ผลการวิเคราะห์คะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาในภาพรวมจำแนกตามครั้งของ การวัด ... 108
ตารางที่ 17 ผลการทดสอบความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำของความสามารถในการแก้ปัญหา110 ตารางที่ 18 เปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยรายคูของความสามารถในการแก้ปัญหาแต่ละครั้ง ... 110
ตารางที่ 19 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องวัสดุและการใช้ประโยชน์ก่อนและหลังเรียนโดยใช้การ จัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 111 ตารางที่ 20 ผลการวิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 112 ตารางที่ 21 สรุปดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ประเมินประเด็นการประเมินการสนทนากลุ่มแผนการ จัดการเรียนรู้ ... 145 ตารางที่ 22 สรุปดัชนีความสอดคล้อง (IOC) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ... 147 ตารางที่ 23 วิเคราะห์การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง วัสดุและการใช้ประโยชน์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) จำนวน 3 แผน ... 149 ตารางที่ 24 การวิเคราะห์ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) โดยใช้ดัชนีความสอดคล้องระหว่าง คำถามกับจุดประสงค์ (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ... 152 ตารางที่ 25 การวิเคราะห์ความสอดคล้องภายในระหว่างผู้ประเมินของ (Rater Agreement Index : RAI) ของการประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา ... 153 ตารางที่ 26 การวิเคราะห์ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง วัสดุ และการใช้ประโยชน์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดไร่ขิง (สุนทรอุทิศ) โดยใช้
ดัชนีความสอดคล้องระหว่างคำถามกับจุดประสงค์ (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ... 155 ตารางที่ 27 ตารางสรุปการคัดเลือกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาใช้ ... 157 ตารางที่ 28 การวิเคราะห์ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาอนาคตของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดไร่
ขิง (สุนทรอุทิศ) โดยใช้ดัชนีความสอดคล้องระหว่างคำถามกับจุดประสงค์ (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ... 159 ตารางที่ 29 การประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในแต่ละ ครั้ง ... 216 ตารางที่ 30 คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้เป็น กลุ่มตัวอย่าง ... 217
ตารางที่ 31 จำนวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการสอนโดยใช้
โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคตจำนวน 35 คน ... 218 ตารางที่ 32 สรุปผลการวิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 219
สารบัญแผนภาพ
หน้า แผนภาพที่ 1 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย ... 10 แผนภาพที่ 2 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นนฐานร่วมกับ ...
การแก้ปัญหาในอนาคต ... 85 แผนภาพที่ 3 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา ... 89 แผนภาพที่ 4 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้โครงงานเป็น ฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 94 แผนภาพที่ 5 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบสอบถามความพึงพอใจ ... 96 แผนภาพที่ 7 ขั้นตอนใช้การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 ในการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการแก้ปัญหาในอนาคต ... 101 แผนภาพที่ 8 แสดงคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาจากการวัดครั้งที่ 1-3 ... 109
บทที่ 1 บทนำ
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศเพื่อพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง มีแนวทางที่
ชัดเจน และแก้ปัญหาพื้นฐานหลายด้านท่ามกลางสถานการณ์ของโลกที่มีการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) โดยกำหนดวิสัยทัศน์
"ประเทศ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง" ให้สังคมไทยมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีความเป็นธรรมในสังคม ให้ประเทศมีบทบาทสำคัญในโลกและภูมิภาค ระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพและเข้มแข็งใน อนาคตคนไทยจึงต้องแสดงศักยภาพและร่วมกันพัฒนาประเทศ ปรับตัวต่อการพัฒนาในอนาคตได้มี
ทักษะ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน มีความสามารถในการวิเคราะห์ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภายใน สังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 8) ซึ่งทักษะการแก้ปัญหาก็เป็นทักษะที่สำคัญทักษะหนึ่งที่ได้กำหนดไว้ทั้งในแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2560 เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนไทยทุกช่วงวัย มีทักษะ ความรู้ความสามารถ และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มีระบบเศรษฐกิจที่มี
โครงสร้างที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ แข่งขันได้ ยั่งยืน มีความมั่นคงทางพลังงาน มีการกระจายความ เจริญสู่ภูมิภาค มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล รักษาทุนธรรมชาติและคุณภาพ สิ่งแวดล้อมสู่ความสมดุลของระบบนิเวศ สร้างความมั่นคงภายในประเทศ ป้องกันและลดผลกระทบ จากภัยคุกคามข้ามชาติ รวมทั้งให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่อความร่วมมือในการพัฒนาภายใต้
กรอบข้อตกลงต่าง ๆ ในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และโลก ซึ่งได้กำหนดให้มีการเสริมสร้างและ พัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการขับเคลื่อนแผนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนา การศึกษาของชาติจึงเป็นภารกิจหลักในการพัฒนาคน อันเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในทุก ระบบ โดยมีกำหนดทิศทางการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศให้มีความสามารถ มีสมรรถะ ทักษะในระดับที่สูง มความสามาถพิเศษในเฉพาะด้านเฉพาะทาง แต่หากเป็นแรงงานที่ขาดทักษะหรือ มีทักษะสำคัญที่ต่ำก็ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น การจัดการศึกษาในปัจจุบันจึงต้อง ปรับเปลี่ยนให้ตอบสนองกับนโยบายและการพัฒนาคน บุคลากรในด้านต่างๆ โดยมุ่งเน้นการจัดการ เรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้ได้ทั้งความรู้และทักษะที่จำเป็นต้องใช้ใน การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศท่ามกลางกระแส
แห่งการเปลี่ยนแปลงทักษะสำคัญจำเป็นในโลกศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วยทักษะที่เรียกตามคำย่อว่า 3Rs + 8Cs 3Rs ประกอบด้วย อ่านออก (Reading) เขียนได้ (WRiting) คิดเลขเป็น (ARithmetics) 8Cs ประกอบด้วย ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒ นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ทั ก ษ ะ ด้ า น ก า ร สื่ อ ส า ร ส า ร ส น เท ศ แ ล ะ รู้ เท่ า ทั น สื่ อ (Communications, Information and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้
(Career and Learning Skills) ความมีเมตตา กรุณา วินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion) (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551ก: 15-16) และนอกจากนี้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560 ยังมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุขมี
ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ คือ 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด3) ความสามารถในการ แก้ปัญหา 4) ความสามรถในการใช้ทักษะชีวิต และ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
(กระทรวงศึกษาธิการ, 2551ข: 5-7)
วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับ ทุกคนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และ ผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วน เป็นผลของ การผสมผสานศาสตร์ต่างๆ ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งช่วยให้มนุษย์เกิด ทักษะที่สำคัญ มีความสามารถในการแก้ปัญหา สามารถคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ มีความสามารถในการตัดสินใจในการทำต่างๆ ในโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
(knowledge-based society) วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลก ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับ การพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์
สร้างสรรค์ขึ้นสามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560 จึงได้กำหนดให้ผู้เรียนที่อยู่ใน การศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนต้องเรียนวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการ คันคว้าและสร้างองค์ความรู้โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่
หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง อย่างหลากหลายเหมาะสมกับระดับชั้น (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551ข: 92) ดังนั้นการจัดการเรียน
การสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายที่สำคัญคือ 1) เพื่อให้เข้าใจหลักการทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐานใน วิชาวิทยาศาสตร์ 2) เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดใน การศึกษา วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3) เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้น ทางเทคโนโลยี 4) เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมวล มนุษย์และสภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5) เพื่อนำความรู้ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 6) เพื่อพัฒนา กระบวนการคิดและจินตนาการความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสารและ ความสามารถในการตัดสินใจ 7) เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมใน การใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (สสวท.), 2560: 3)
จากการศึกษาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551ก: 5-7) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 (สำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา, 2560: ค-ฉ) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง พุทธศักราช2560) (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551ก: 5-7) และแนวทางการจัดการศึกษาในรายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2560: 3) ได้แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการแก้ปัญหามี
ความสำคัญมาก เพราะได้ถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายสำคัญทางการศึกษา เป็นสมรรถนะหลักที่
สำคัญของผู้เรียนที่ทุกคนต้องมี เป็นทักษะการเรียนรู้ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านสติปัญญาของ ผู้เรียนเป็นคุณลักษณะที่ต้องมีของประชากร ซึ่งสอดคล้องกับ สุภามาส เทียนทอง (2553: 48) ที่ว่า ความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นส่วนสำคัญของการศึกษา เพราะสภาพสังคมในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับ ปัญหา ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงมีความสำคัญต่อเด็กในอนาคตช่วยลดความกลัวการเผชิญหน้ากับ ปัญหาและสามารถนำสิ่งที่ตนเรียนรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ครูจึงต้องเป็นบุคคล สำคัญที่ต้องปลูกฝังความรู้ในเรื่องของการแก้ปัญหาให้แก่ผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนได้เตรียมตัวเผชิญหน้า กับปัญหาและทราบขั้นตอนในการแก้ปัญหา
การแก้ไขปัญหา หมายถึง การเอาชนะฝ่าฟันอุปสรรค ความอดทนต่อความยากลำบากโดยไม่
ท้อแท้ การควบคุมสถานการณ์หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ ความสามารถในการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็น โอกาสซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่งในสังคมยุคปัจจุบัน และเป็นทักษะที่พ่อแม่พึงนำมาฝึกทักษะ ให้กับตัวเองและลูก เพื่อที่จะทำให้ลูกสามารถเอาตัวรอดอยู่ในสังคม และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิต ได้ ทักษะการแก้ปัญหามีความจำเป็นยิ่ง เพราะเป็นความสามารถของบุคคลที่จะจัดการกับปัญหาต่าง ๆ รอบตัวในสภาพสังคมปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัวในอนาคตการพัฒนาและ เสริมสร้างทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกันชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงและ
เตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในอนาคต แม้เรื่องความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นส่วนหนึ่ง ของทักษะชีวิตในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560 แต่ในสังคมปัจจุบันก็ยังมีข่าวการฆ่าตัวตายเนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาในชีวิตหรือข่าวการ แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ๆ อย่างมากมาย ความสามารถในการแก้ปัญหา จึงเป็นความสามารถในการนำ กระบวนการ ต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การ ทำงานและการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา และความขัดแย้งต่าง ๆอย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและ สภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองตลอดจน คุณลักษณะที่จะช่วยเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร และมีภูมิคุ้มกันการ ดำเนินชีวิต ผู้เรียนจะต้องมีความสามารถในกาปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงและ ท้าทาย ซึ่งต้องใช้กระบวนการคิดและการตัดสินใจที่เหมาะสม จึงจะสามารถอยู่ในสังคมได้อย่าง ปลอดภัยและมีความสุข (วัชรา เล่าเรียนดี, 2555: 1) และจากการประเมินสมรรถนะนักเรียน มาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ที่จัดโดย องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co- operation and Development หรือ OECD) ประเมินนักเรียนอายุ 15 ปี เพื่อนำเสนอภาพที่
ชัดเจนของระบบการศึกษาแก่ระดับนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยให้สามารถติดตามแนวโน้มของ ความรู้และทักษะของนักเรียนภายในประเทศหนึ่ง ๆ ได้ โดย PISA จะวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นักเรียนไทยมีคะแนนด้านวิทยาศาสตร์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ/
เขตเศรษฐกิจ (OECD) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 – 2018 และใน ค.ศ.2018 ในวิชาวิทยาศาสตร์ ก็มี
นักเรียนถึงร้อยละ 44.5 ที่มีความสามารถต่ำ ระดับพื้นฐาน ( สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี, 2562 ) และถึงแม้จะยังไม่มีผลการทดสอบโดยตรงในเรื่องของความสามารถในการ แก้ปัญหา แต่เมื่อพิจารณาจากผลการทดสอบการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับเขต พื้นที่การศึกษา (Local Assessment System : L.A.S.) สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2561-2562 ซึ่งในปีการศึกษา 2561 นักเรียนมีผลคะแนนสอบ L.A.S. อยู่ในระดับพอใช้ร้อยละ 40.52 อยู่ในระดับดีร้อยละ 38.76 อยู่ในระดับปรับปรุงร้อยละ 12.33 และอยู่ในระดับดีมากร้อยละ 8.39 และในปีการศึกษา 2562 นักเรียนมีผลคะแนนสอบ L.A.S. อยู่ในระดับพอใช้ร้อยละ 42.17 อยู่ในระดับดีร้อยละ 40.63 อยู่ในระดับปรับปรุงร้อยละ 8.97 และอยู่ในระดับดีมากร้อยละ 8.23 ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลการสอบ L.A.S. ทั้ง 2 ปีการศึกษา คะแนนสอบจะอยู่ในระดับพอใช้มากที่สุด และเมื่อได้พิจารณาสาเหตุของปัญหาจากโครงสร้าง แบบทดสอบรายวิชาวิทยาศาสตร์ของการสอบ L.A.S. ที่ได้จำแนกข้อสอบตามพฤติกรรมด้านพุทธิ
พิสัยของ Bloom ไว้เป็น 6 ระดับ หรือที่เรียกว่า Bloom’s Taxonomy จะพบว่าข้อสอบในระดับ