75
การพัฒนาทักษะการฟังโดยใช้นิทานชาดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Development Skill for Listening By Using Media of Pre 3
rdPrimary Students Noungpoaw School Ayutthaya Province
นางสาวสรัลพัศ คงมณี, ผศ.ดร.นิเวศน์ วงศ์สุวรรณ, ดร. สุวัฒสัน รักขันโท Miss Srunpat Knongmanee, Asst. Prof. Dr. Niwes Wongsuwan, Dr. Suwatsan Rakkhantô นิสิตปริญญำโท พุทธศำสตรมหำบัณฑิต สำขำวิชำกำรสอนสังคมศึกษำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย Mahachulalongkornrajavidyalaya University E-mail: [email protected] วันที่รับบทควำม (Received) : 15 กันยำยน 2563 วันที่แก้ไขบทควำม (Revised) : 15 ตุลำคม 2563 วันที่ตอบรับบทควำม (Accepted) : 30 พฤศจิกำยน 2563
บทคัดย่อ
กำรวิจัยเรื่อง กำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียน วัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ เป็นกำรวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น (Pre - Experimental Research) แบบหนึ่งกลุ่มทดลองก่อนเรียนและหลังเรียน
ผลกำรวิจัยพบว่ำ
1. ผลกำรศึกษำกำรกำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ พบว่ำ นักเรียนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อพัฒนำทักษะทำง ฟังโดยใช้ค ำถำมเพื่อปลูกฝั่งคุณธรรมจริยธรรมและสมำธิที่ดีจำกกำรฟังให้และส่งเสริมให้กำรสื่อสำรท ำให้
เด็กมีพัฒนำกำรด้ำนภำษำจำกกำรฟังให้ผู้เรียนสำมำรถบรรลุผลตำมเป้ำหมำยของกำรเรียนรู้ที่ผู้สอนได้
ก ำหนดไว้
2. กำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนอง เป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ผลกำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ท ำให้
ทรำบถึงควำมพึงพอใจอยู่ในระดับดีมำกทุก ๆ ด้ำนยอมรับควำมคิดเห็นของเพื่อน และพรอมท ำกิจกรรม ด้ำนจิตใจเด็กสำมำรถมีสมรรถภำพทำงจิตดี ได้แก่ มีสติ สมำธิ และ ควำมเพียรดีมีวินัยกำรวัดกำร ประเมินผล อยู่ในระดับมำกที่สุด
ค าส าคัญ : กำรพัฒนำทักษะกำรฟัง, นิทำนชำดก, เด็กปฐมวัย
76
Abstract
The research was development skill for listening by using media of Pre 3rd Primary Students Noungpoaw School Ayutthaya Province. It was the Pre - Experimental Research by one group for pre-test and post-test.
Result had found that
1. The result from development skill for listening by using media of Pre 3rd 1Primary Students Noungpoaw School Ayutthaya Province found that students improve their behavior to develop listening to cultivate moral and good concentration for their listening and support communication until they achieved according to goal as set.
2. The development skill for listening by using media of Pre 3rd 1Primary Students Noungpoaw School Ayutthaya Province. The comparison from pretest and posttest then lest to know satisfaction on good revel. They compromised among themselves and get ready to do all activities as they could and namely mind concentrate and effort for good disciplinary as the most revel.
Keyword: Development skill for listening, Media, Primary students
บทน า
สภำพปัญหำปัจจุบันกำรฟังเป็นทักษะส ำคัญที่จ ำเป็นในกำรใช้ชีวิตประจ ำวันเพื่อติดต่อสื่อสำร ระหว่ำงกัน ถ่ำยทอดแลกเปลี่ยนควำมรู้ และประสบกำรณ์กำรฟังจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ำ ทักษะกำรสื่อสำรด้ำนอื่น ๆ เช่น ทักษะกำรพูด อ่ำน เขียน ฯลฯหำกมีทักษะกำรฟังที่ดีจะน ำมำซึ่ง ควำมส ำเร็จในชีวิตได้ นอกจำกนี้กำรพัฒนำทักษะกำรฟังส่งผลต่อกำรพัฒนำในด้ำนสติปัญญำ สมำธิ ในแง่
ของกำรใช้ควำมคิด กำรจับประเด็น ฝึกควำมจ ำ และฝึกฝนกำรมีสมำธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต้องกำรเรียนรู้ได้
อย่ำงมีประสิทธิภำพกำรจัดกำรศึกษำระดับปฐมวัยมีควำมส ำคัญอย่ำงยิ่งในกำรวำงรำกฐำนของชีวิตเพรำะ กำรเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภำพในวันข้ำงหน้ำ จะต้องได้รับกำรปูพื้นฐำนที่ดีมำตั้งแต่ปฐมวัยช่วง 6 ปีแรก ของ ชีวิตเป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนำกำรในทุกด้ำนรวดเร็วมำก โดยเฉพำะสติปัญญำ ซึ่งสอดคล้องกับ เพียเจต์
(Piaget) ได้กล่ำวว่ำพัฒนำกำรทำงด้ำนสติปัญญำที่เกิดขึ้นในวัยก่อนปฐมวัยนี้ จะเป็นรำกฐำนให้แก่
พัฒนำกำรทำงด้ำนปัญญำในระดับต่อ ๆ ไปและในกำรพัฒนำประชำกรประเทศควรเริ่มตั้งแต่ปฐมวัย เพรำะ เด็กพัฒนำทั้งทำงร่ำงกำย สติปัญญำสังคม บุคลิกภำพอย่ำงรวดเร็ว ประสบกำรณ์ที่เด็กได้รับในช่วงแรกมี
อิทธิพลอย่ำงยิ่งในกำรพัฒนำขั้นต่อ ๆ ไป (นิตยำ คชภักดี, 2554 : 56)
77 กำรเล่ำนิทำนเป็นกิจกรรมที่เหมำะสมกับเด็กก่อนวัยเรียนหรือเด็กที่มีอำยุ 3 – 8 ขวบ เป็นอย่ำงมำก เพรำะนิทำนเป็นเรื่องของควำมบันเทิง ฟังแล้วเกิดควำมสนุกสนำนเพลิดเพลิน ได้รู้เรื่องรำวต่ำงๆ ที่แปลกใหม่
ให้ข้อคิดและคติเตือนใจ และนิทำนยังเป็นสื่อที่มีพลังมำกมำยในกำรเปลี่ยนแปลงเด็ก เด็กสำมำรถตอบสนอง ต่อกำรเล่ำนิทำนได้อย่ำงดีตั้งแต่ในวัย ทำรกนิทำนนอกจำกจะให้ควำมบันเทิงฟังแล้วเกิดควำมสนุกสนำน เพลิดเพลินแล้วในนิทำนยังมีเนื้อเรื่องที่หลำกหลำยและผู้เล่ำควรเลือกใช้เทคนิคที่เหมำะสมที่จะให้เด็กฟังแล้ว สำมำรถจับใจควำมส ำคัญของเรื่องได้ซึ่งเทคนิคดังกล่ำวก็คือกำรเล่ำนิทำนแบบทอดแทรกคติธรรมเพรำะ คุณค่ำต่ำง ๆ ที่ปรำกฏอยู่ในนิทำนจะถูกประทับไว้ในใจเด็กอย่ำงลึกซึ้งกำรที่เด็กฟังนิทำนช้ำๆไม่ใช่เพื่อจดจ ำ เพรำะเด็กในวัยนี้มีพัฒนำกำรอย่ำงพิเศษของกำรจดจ ำที่แม่นย ำเด็กส่วนมำกสำมำรถจ ำนิทำนได้หลังจำกฟัง นิทำนเพียงครั้งเดียวหำกแต่กำรเล่ำนิทำนซ้ ำๆกันเป็นเวลำนำนนั้นช่วยให้เซลล์สมองของเด็กสำมำรถเชื่อมต่อ กันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ (รัช อภิรัตนกุล, 2554 : 40)
กำรจดจ ำที่แม่นย ำเด็กส่วนมำกสำมำรถจ ำนิทำนได้หลังจำกฟังนิทำนเพียงครั้งเดียวหำกแต่กำรเล่ำ นิทำนซ้ ำๆกันเป็นเวลำนำนนั้นช่วยให้เซลล์สมองของเด็กสำมำรถเชื่อมต่อกันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพมำกขึ้น นั้นหมำยถึงควำมสำมำรถในกำรจับใจควำมและกำรเรียนรู้ก็จะมำกขึ้นด้วย พระรำชบัญญัติกำรศึกษำ แห่งชำติแห่งชำติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2545 มำตรำ 22 และ ( ฉบับที่ 4 ) หมวดที่ 4 มำตรำที่ 22 กำรจัดกำรศึกษำต้องยึดหลักว่ำผู้เรียนทุกคนมีควำมสำมำรถเรียนรู้และพัฒนำ ตนเองได้ และถือว่ำผู้เรียนส ำคัญที่สุดควำมรู้เกี่ยวกับตนเองและควำมสัมพันธ์ตนเองเกี่ยวกับสังคม ได้แก่
ครอบครัว ชุมชน ชำติ และสังคมโลกกำรจัดกำรศึกษำตำมหลักสูตรขั้นพื้นฐำนและหลักสูตรสถำนศึกษำ จึง มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2545 : 35)
เรียนรู้ต่อต่อเนื่องตลอดชีวิตและให้เวลำอย่ำงสร้ำงสรรค์กำรเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ทุกประเภท รวมถึง ที่ดีถูกต้องเหมำะสมจึงเป็นกำรสร้ำงบุคลิกภำพที่ดีส ำหรับบุคคลในอนำคตกำรส่งเสริมกำรพูดให้กับ เด็กปฐมวัยมีหลำยวิธี เช่น กำรร้องเพลงกำรเล่นบทบำทสมมติ ฯลฯ แต่ในที่นี้ผู้วิจัยสนใจที่จะใช้หนังสือ นิทำนในกำรส่งเสริมทักษะกำรพูดของเด็กปฐมวัยเพรำะธรรมชำติของเด็กปฐมวัยจะชอบฟังนิทำนที่มี
รูปภำพประกอบจะช่วยกระตุ้นให้เด็กอยำกรู้อยำกเห็นโดยใช้ภำษำพูดสนทนำสื่อสำรกับครูเป็นกำรกระตุ้น ให้เด็กอยำกพูดทุกวันจะท ำให้เด็กมีพัฒนำกำรด้ำนภำษำดีขึ้น หนังสือนิทำนและวิธีกำรเล่ำเรื่องที่เหมำะสม กับวัยของเด็กจะช่วยเสริมสร้ำงพัฒนำกำรด้ำนกำรฟังไม่ว่ำจะเป็นทำงด้ำนร่ำงกำยสังคมและอำรมณ์ของเด็ก ให้ดีขึ้นทั้งกำรรับรู้และกำรใช้ภำษำ กำรฟังนิทำนจะท ำให้เด็ก รู้จักค ำศัพท์ต่ำงๆ กำรเชื่อมโยงของกำรใช้ค ำ ต่ำงๆ กำรล ำดับเหตุกำรณ์ในกำรเล่ำเรื่อง โดยกำรเล่ำเรื่องควรให้เด็กมีโอกำสโต้ตอบหรือเล่ำเรื่องตำม จินตนำกำร สร้ำงเสริมสมำธิ กำรฟังนิทำนช่วยให้เด็กสนใจติดตำมฟังมีจิตใจจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นำนขึ้น หำกเลือกเล่ำนิทำนที่เหมำะกับช่วงวัยจะท ำให้เด็กเข้ำใจอยำกรู้และติดตำมต่อไปว่ำจะเกิดอะไรขึ้นถือเป็น กำรช่วยฝึกสมำธิให้ลูกได้ดีอีกวิธีหนึ่งที่เห็นผลชัดเจนกระตุ้นจินตนำกำร ขณะที่ฟังกำรเล่ำเรื่องเด็กจะมีกำร
78 ใช้สมองคิดตำม เพรำะน้ ำเสียงที่เรำก ำลังเล่ำนิทำนและเนื้อหำของเรื่อง จะกระตุ้นให้เด็กสร้ำงจินตนำกำร เป็นภำพในสมอง และเกิดกำรรับรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เด็กไม่เคยพบเจอ ผ่ำนตัวละครต่ำงๆ ในนิทำน จึงช่วยพัฒนำ ศักยภำพด้ำนจินตนำกำรของเด็กอย่ำงเห็นผลปลูกฝังให้เด็กเป็นคนช่ำงคิด ช่ำงสังเกต ทุกครั้งที่เด็กได้ฟัง นิทำน เขำจะคิดต่อเนื่องไปอย่ำงอัตโนมัติ ซึ่งถ้ำหำกลูกๆ คุณโตพอที่จะพูดคุยได้แล้ว เขำจะแสดงออก ทำงด้ำนควำมคิดให้คุณเห็นได้อย่ำงชัดเจน นอกจำกนั้นกำรเล่ำนิทำนซ้ ำๆ จะช่วยฝึกฝนให้เด็กรู้จักกำรจับ ประเด็นและมองสิ่งต่ำงๆ เป็นระบบสมำธิจำกกำรฟัง
จำกประเมินกำรประเมินพัฒนำกำรทำงภำษำด้ำนกำรฟังของเด็กปฐมวัยอำยุ 7 ขวบ ภำคเรียนที่ 1 ปี
กำรศึกษำ 2561 ของ โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ พบว่ำควำมสำมำรถด้ำนกำรฟังยังไม่
ผ่ำนจุดประสงค์เด็กยังใช้ภำษำไม่ถูกต้องและขำดทักษะด้ำนกำรฟังและยังขำดสมำธิผู้ศึกษำค้นคว้ำในฐำนะ ผู้รับผิดชอบสอนในระดับปฐมวัยจึงต้องกำรที่จะน ำกิจกรรมกำรเล่ำนิทำนชำดกมำใช้ในกำรพัฒนำทักษะ ด้ำนกำรฟังเพื่อพัฒนำเด็กให้มีพัฒนำกำรทำงภำษำที่ดีขึ้น ผลที่ได้รับในกำรพัฒนำทักษะด้ำนกำรฟังเพื่อ พัฒนำเด็กให้มีพัฒนำกำรทำงภำษำที่ดีขึ้นผลที่ได้รับจำกกำรศึกษำจะเป็นแนวทำงในกำรจัดกิจกรรมเพื่อ ส่งเสริมพัฒนำกำรทำงภำษำและทักษะกำรสื่อสำรของเด็กปฐมวัยอันเป็นรำกฐำนส ำคัญในกำรพัฒนำเด็กให้
เกิดควำมพร้อมตลอดจนเป็นกำรปูพื้นฐำนทำงภำษำเพื่อกำรเรียนรู้ในชั้นสูงต่อไปในอนำคตจำกประเด็น ควำมเป็นมำและสภำพปัญหำนี้จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกำรปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมและส่งเสริมให้
เด็กปฐมวัยเป็นไปตำมวัตถุประสงค์ตำมหลักกำรวิจัยที่ตั้งไว้
ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีควำมสนใจที่จะด ำเนินกำรท ำวิจัยต่อไปจำกประเมินกำรประเมินพัฒนำกำรทำง ภำษำด้ำนกำรฟังของเด็กปฐมวัยอำยุ 7 ขวบ ภำคเรียนที่ 2 ปีกำรศึกษำ 2562 ของ โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ พบว่ำควำมสำมำรถด้ำนกำรฟังยังไม่ผ่ำนจุดประสงค์เด็กยังใช้ภำษำไม่ถูกต้อง และขำดทักษะด้ำนกำรฟังและยังขำดสมำธิผู้ศึกษำค้นคว้ำในฐำนะผู้รับผิดชอบสอนในระดับปฐมวัยจึง ต้องกำรที่จะน ำกิจกรรมกำรเล่ำนิทำนชำดกมำใช้ในกำรพัฒนำทักษะด้ำนกำรฟังเพื่อพัฒนำเด็กให้มี
พัฒนำกำรทำงภำษำที่ดีขึ้น ผลที่ได้รับในกำรพัฒนำทักษะด้ำนกำรฟังเพื่อพัฒนำเด็กให้มีพัฒนำกำรทำง ภำษำที่ดีขึ้นผลที่ได้รับจำกกำรศึกษำจะเป็นแนวทำงในกำรจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนำกำรทำงภำษำและ ทักษะกำรสื่อสำรของเด็กปฐมวัยอันเป็นรำกฐำนส ำคัญในกำรพัฒนำเด็กให้เกิดควำมพร้อมตลอดจนเป็นกำร ปูพื้นฐำนทำงภำษำเพื่อกำรเรียนรู้ในชั้นสูงต่อไปในอนำคต
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อพัฒนำทักษะทำงฟังโดยใช้ค ำถำมของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบำล 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ โดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อ
2. เพื่อปลูกฝั่งคุณธรรมจริยธรรมและสมำธิที่ดีจำกกำรฟังให้กับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบำล 3 โรงเรียน วัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ โดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อ
79 3. เพื่อส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยชั้นอนุบำล 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำสนทนำ สื่อสำรท ำให้เด็กมีพัฒนำกำรด้ำนภำษำจำกกำรฟังได้ดีขึ้น
วิธีด าเนินการวิจัย
งำนวิจัยเรื่อง “กำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียน วัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ”เป็นกำรวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) ผู้วิจัยได้ด ำเนินกำรวิจัยตำมล ำดับขั้นตอนของกำรวิจัยรูปแบบของกำรศึกษำประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง เครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำขั้นตอนกำรสร้ำงเครื่องมือกำรสร้ำงและหำคุณภำพแบบทดสอบกำรวิเครำะห์
ข้อมูลกำรศึกษำเรื่องกำรพัฒนำทักษะทำงกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ครั้งนี้ เป็นกำรศึกษำเชิงทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) แบบ One Group pretest – posttest Design
ผลการวิจัย
1. ข้อมูลพื้นฐำนส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถำม จ ำแนกตำม เพศ อำยุ สถำนภำพทำง ครอบครัว ได้ดังนี้
1.1 เพศ พบว่ำ ด้ำนเพศ กำรวิเครำะห์ข้อมูลเป็นค ำถำมเกี่ยวกับตัวแปรต้น ใช้วิเครำะห์
ข้อมูลโดยกำรหำค่ำควำมถี่และค่ำร้อยละและกำรแปรควำมหมำยค่ำร้อยละ กำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้
นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ จ ำนวน 30 ฉบับ/ คน ด้ำนเพศ อันดับที่ 1 เป็นเพศชำย 16 คน คิดเป็นร้อยละ 48.48 รองลงมำเป็นหญิง จ ำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 51.52 ตำมล ำดับ
1.2 อำยุ พบว่ำ ด้ำนอำยุ จ ำนวนควำมถี่และค่ำร้อยละเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของ นักเรียนชั้นปฐมวัยปีที่ 3 จ ำนวน 33 ฉบับ/คน อันดับที่ 1 อำยุ 4-5 ปี มีจ ำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 45.45 รองลงมำคือ อำยุ 6-7 ปี มีจ ำนวน 15คน คิดเป็นร้อยละ 45.46 ตำมล ำดับ
1.3 สถำนภำพทำงครอบครัว พบว่ำ ด้ำนสถำนภำพทำงครอบครัวจ ำนวนควำมถี่และ ค่ำ ร้อยละที่เกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของนักเรียนชั้นปฐมวัยปีที่ 3 จ ำนวน 33 ฉบับ/คน กำรทักษะกำรฟังโดย ใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ อันดับที่ 1 อยู่กับบิดำมำรดำ มีจ ำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 60.60 รองลงมำคือ อยู่กับปู่ย่ำ มีจ ำนวน 5 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.1 อันดับ 3 อยู่กับตำยำย 5 คน คิดเป็นร้อยละ 15.1 อันดับ 4 อยู่กับญำติ ๆ มีจ ำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 9.2 ตำมล ำดับ
2. ผลกำรเปรียบเทียบผลระดับคุณธรรมของนักเรียน ระหว่ำงเรียนและหลังเรียน โดยใช้กำรใช้
แบบฝึกหัดก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง เด็กดีมีวินัย คะแนนระหว่ำงเรียน มีค่ำเฉลี่ย = ( ) 7.36 ส่วนX
80 เบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 0.1884 คะแนนหลังเรียนมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 14.33 ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 3.621 เมื่อเปรียบเทียบระดับคุณธรรมของนักเรียน ระหว่ำงเรียนและหลังเรียน พบว่ำ ผลกำร เปรียบเทียบระดับคุณธรรมของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้เรื่องแบบฝึกหัด เรื่องเด็กดีมีวินัย หลังเรียนมีคะแนนสูงกว่ำระหว่ำงเรียน อย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติที่ระดับ .05
3. ระดับกำรวิจัยครั้งนี้ ควำมคิดเห็นของนักเรียนชั้นปฐมวัยปีที่ 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ที่มีต่อ แบบฝึกหัด เรื่องเด็กดีมีวินัย วิเครำะห์ควำมพึงพอใจที่มีต่อแบบสอบถำม ของนักเรียนโดยหำค่ำเฉลี่ย ( ) และ ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) แสดงควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบสอบถำม เรื่องเด็กดีมีวินัย ของ นักเรียนจ ำนวน 30 คน ใช้กำรวิเครำะห์โดยหำค่ำเฉลี่ย และแปลเป็นควำมหมำยตำมเกณฑ์ที่ก ำหนดไว้ทั้ง ทั้ง 3 ด้ำน โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก และเมื่อพิจำรณำรำยด้ำน พบว่ำ คะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมำกทุก ด้ำน โดยเรียงล ำดับคะแนนเฉลี่ยแต่ละด้ำนจำกมำกไปหำน้อยและแปลเป็นควำมหมำยตำมเกณฑ์โดย ยกระดับควำมคิดเห็นมำสรุป ดังนี้
3.1 ด้ำนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทำงสังคม นักเรียนจ ำนวน 33 คน โดยภำพรวมอยู่ในมี
คุณภำพระดับมำก โดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.16 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.01 และเมื่อแยกพิจำรณำ เป็นรำยข้อ พบว่ำระดับมำกที่สุดมี 1 รำยกำร ได้แก่ ข้อที่ 1 ยอมรับควำมคิดเห็นของเพื่อนและพรอมท ำ กิจกรรมด้วยกันมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.17 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.01 ระดับมำกมีรำยกำรที่ 2 ได้แก่
ข้อที่ 2 เด็กพูดสนับสนุนหรือให้ก ำลังใจเพื่อนเมื่อเพื่อนท ำงำนส ำเร็จโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.06 และส่วน เบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.08 ข้อที่ 3 เด็กรู้จักควบคุมจิตใจตนเองมีสมำธิในกำรเรียนมำกขึ้นโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.06 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.17 ข้อที่ 4 เด็กปฏิบัติตำมข้อตกลงและมีมำรยำทในกำรพูด และกำรฟังโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.01 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.20 ข้อที่ เด็กรู้จักตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำมำรถท ำร่วมกันได้ที่บ้ำนหลังจำกฟังนิทำนชำดกเรื่องควำมโลภของกำไปปรับใช้ใน ชีวิตประจ ำวันโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.93 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.20 และ ข้อ 4 เด็กรู้จักตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำมำรถท ำร่วมกันได้ที่บ้ำนหลังจำกฟังนิทำนชำดกเรื่อง ควำมโลภ มีโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.83 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.23 ตำมล ำดับ
3.2 ด้ำนปลูกฝั่งคุณธรรมจริยธรรมที่ดีทำงศำสนำพุทธนักเรียน จ ำนวน 33 คน โดย ภำพรวมอยู่ในมีคุณภำพระดับมำกที่สุด โดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 5 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 4.07 และ เมื่อแยกพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำระดับมำกที่สุดมี 1 รำยกำร ได้แก่ ข้อที่ 4 ด้ำนจิตใจ เด็ก สำมำรถมี
สมรรถภำพทำงจิตดี ได้แก่ มีสติ สมำธิ และ ควำมเพียรโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 5 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 4.07 ข้อที่ 1 กำรมีสมรรถภำพทำงจิตดี ได้แก่ มีสติ สมำธิ และ ควำมเพียรโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.07 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.14 ข้อที่ 2 ด้ำนกำย เด็ก จะกำรดูแลตนเองและกำรมี
ควำมสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทำงวัตถุโดยไม่เบียดเบียนตนและสิ่งรอบตัวโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.83 และส่วน
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
81 เบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.26 ข้อที่ 5 ด้ำนปัญญำเด็ก สำมำรถมีควำมรู้ควำมเข้ำใจในเหตุผลโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.37 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.44 ข้อที่ 3 ด้ำนสังคม เด็ก สำมำรถมีควำมสัมพันธ์กับ สิ่งแวดล้อมทำงสังคมโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่นโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.83 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.23 และข้อที่ 6 ได้แก่ เด็กให้ควำมรักและควำมเมตตำให้กับคนในครอบครัวโดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.73 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.23 ตำมล ำดับ
3.3 ด้ำนสนทนำสื่อสำรกับครูเป็นกำรกระตุ้นให้เด็กพูดและฟังทุกวันจะท ำให้เด็กมี
พัฒนำกำรด้ำนภำษำได้ดีขึ้นนักเรียนจ ำนวน 33 คน โดยภำพรวมอยู่ในมีคุณภำพระดับมำกที่สุด โดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 5 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 4.07 และเมื่อแยกพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำระดับมำกที่สุดมี 1 รำยกำร ได้แก่ ข้อที่ 6 สำรสื่อสำรและปฏิบัติต่อกันระหว่ำงครูกับเด็กด้วยควำมเคำรพ ระดับมำกมี 4 รำยกำรได้แก่ ข้อที่ 2 สื่อสำร กำรติดต่อ ถ่ำยทอดควำมคิด ควำมรู้สึกกับผู้อื่นได้ชัดเจน โดยมีค่ำเฉลี่ย ( )
= 4.07 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.14 ข้อที่ 5 อธิบำยรูปภำพ สี รูปทรง จ ำนวน และค ำต่ำงๆที่
ปรำกฏอยู่ในหนังสือ โดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 4.07 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.44 ข้อที่ 3 เด็กรู้จัก ซักถำมโดยมักจะถำมควำมหมำยของค ำหรือวลีที่ไม่เข้ำใจ หนังสือ โดยมีค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.83 และส่วน เบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.26 และข้อที่ 4 เด็กเข้ำใจด้ำนพูดที่สื่อควำมหมำยเป็นค ำ และ ประโยค โดยมี
ค่ำเฉลี่ย ( ) = 3.83 และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) = 1.20 ตำมล ำดับ
4.ผลกำรทดสอบสมมติฐำน พบว่ำ ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลเป็นค ำถำมเกี่ยวกับตัวแปรต้น ใช้
วิเครำะห์ข้อมูลโดยกำรหำค่ำควำมถี่และค่ำร้อยละและกำรแปรควำมหมำยค่ำร้อยละ กำรพัฒนำทักษะกำร ฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ จ ำนวน 33 ฉบับ / คนเป็นกำรเปรียบเทียบรำยข้อกำรทดสอบระหว่ำงและหลังเรียน โดยเรียงจำกมำกไปหำ น้อย จ ำนวน 15 ข้อ ทดสอบก่อนและหลังเรียน ใช้กำรวิเครำะห์โดยหำค่ำเฉลี่ย ร้อยละ และแปลเป็น ควำมหมำยตำมเกณฑ์ที่ก ำหนดไว้ ได้สรุปผลกำรวิเครำะห์ผลกำรทดสอบก่อนและหลังเป็น 1 ล ำดับดังนี้
แบบทดสอบ เรื่อง เด็กดีมีวินัย ล ำดับ 1ข้อที่ ศีลข้อที่ 2 อทินนำทำนำเวรมณี หมำยถึง กำรเว้นจำกกำรลัก ทรัพย์ หรือ ทรัพย์ที่เจ้ำของเขำไม่ได้ให้ หมำยถึง ภำพใดผลกำรทดสอบก่อนเรียน นักเรียนท ำถูก 17 ข้อ คิด เป็น 56.67 ผลกำรทดสอบหลังเรียน ท ำถูก 15 ข้อ คิดเป็น100 ซึ่งเป็นไปตำมสมมติฐำนค่ำเฉลี่ยที่วำงไว้
องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย
จำกผลกำรวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) เรื่อง พัฒนำทักษะกำรฟังโดย ใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ สรุปองค์
ควำมรู้จำกกระบวนกำรวิจัยได้ ตำมตำรำงดังนี้
X
X
X
X
X
X
X
X
82
องค์ควำมรู้จำกกำรวิจัย
ทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ
แผนภาพที่ 1 องค์ควำมรู้ที่ได้จำกกำรวิจัย
ข้อเสนอแนะ
กำรวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
หน่วยงำนภำครัฐและสถำนศึกษำ ควรมีนโยบำยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกำรพัฒนำทักษะกำร ฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำอย่ำง ต่อเนื่องเพื่อกำรพัฒนำกำรศึกษำในระดับท้องถิ่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป
2. ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย
จำกผลกำรวิจัย พบว่ำ กำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองเป้ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ อยู่ในระดับมำกทุกด้ำนมีกำรส่งเสริมในทำงวิชำกำรอย่ำง ต่อเนื่องและเหมำะสมต่อ ๆ ไป
มีทักษะกำรฟังและทรำบ พฤติกรรมทำงสังคมจำกของเด็ก
ปฐมวัยและปลูกฝั่งคุณธรรม จริยธรรมที่ดีทำงศำสนำพุทธจำก
กำรฟังนิทำนชำดก
ช่วยส่งเสริมในกำรสนทนำสื่อสำร กับครูเป็นกำรกระตุ้นให้เด็ก
เด็กพูดอย่ำงชัดเจนและท ำ ให้เด็กมีพัฒนำกำรด้ำนภำษำดี
ขึ้นได้ดีขึ้น
83 3. ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป
3.1 ควรน ำกิจกรรมกำรเรียนรู้ตำมกำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อของ เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 3 เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อพัฒนำทักษะทำงฟังโดยใช้ค ำถำมแล้ว ผลสัมฤทธิ์มีควำม เหมือน หรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร เป็นต้น
3.2 ควรน ำกระบวนกำรพัฒนำทักษะกำรฟังโดยใช้นิทำนชำดกเป็นสื่อปลูกฝั่งคุณธรรม จริยธรรมและสมำธิที่ดีจำกกำรฟังให้กับเด็กปฐมวัย
3.3 ควรมีกำรสนทนำสื่อสำรท ำให้เด็กมีพัฒนำกำรด้ำนภำษำจำกกำรฟังได้ดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง (References)
กระทรวงศึกษำธิกำร. (2562). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2562. กรุงเทพมหำนคร : โรง พิมพ์คุรุสภำลำดพร้ำว.
กระทรวงศึกษำธิกำร. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
2) พ.ศ.2545.
กระทรวงศึกษำธิกำร. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2545. กรุงเทพมหำนคร : ส ำนักพิมพ์องค์กำรรับส่งสินค้ำและพัสดุภัณฑ์.
กระทรวงศึกษำธิกำร. (2562). หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนวัดหนองเป้า พุทธศักราช 2562. พระนครศรีอยุธยำ : โรงพิมพ์โรงเรียนวัดหนองเป้ำ.
ทิศนำ แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพมหำนคร: ส ำนักพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
นพคุณ นิศำมณี. (2549). จิตวิทยาอุตสาหกรรม. กรุงเทพมหำนคร: สถำบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ำพระ นครเหนือ.
ปรียำพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2551). จิตวิทยาอุตสาหกรรม. กรุงเทพมหำนคร : ศูนย์หนังสือเสริม กรุงเทพมหำนคร.
วิไลวรรณ ศรีสงครำม. (2549). จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพมหำนคร : ทริปเพิ้ลกรุ๊ป.
*******************************