• Tidak ada hasil yang ditemukan

Guidelines for Development of Foreign Language Learning Skill in the 21

N/A
N/A
Nguyễn Gia Hào

Academic year: 2023

Membagikan "Guidelines for Development of Foreign Language Learning Skill in the 21"

Copied!
10
0
0

Teks penuh

(1)

25

แนวทางการพัฒนาทักษะการเรียนรู้วิชาภาษาต่างประเทศในศตวรรษที่ 21 ส าหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี

Guidelines for Development of Foreign Language Learning Skill in the 21

st

Century for Phrapariyatidhamwat Phradhammakaya School Pathum Thani Province

พระไพบูลย์ พุทฺธิธโช (วงษ์แหวน), รศ.ดร. อินถา ศิริวรรณ, พระครูโอภาสนนทกิตติ์ ผศ.,ดร Phra Paiboon Buddhitharô (Wongvaen), Assoc.Prof. Dr.Intha Siriwan, Asst.Prof. Dr. Phrakru Opasnontakit

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย Mahachulalongkornrajavidyalaya University E-mail: [email protected] วันที่รับบทควำม (Received) : 15 กรกฎำคม 2564

วันที่แก้ไขบทควำม (Revised) : 15 สิงหำคม 2564 วันที่ตอบรับบทควำม (Accepted) : 30 กันยำยน 2564

บทคัดย่อ (Abstract)

กำรวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษำสภำพปัจจุบันกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศใน ศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี 2) เพื่อศึกษำวิธีกำร พัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัด พระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี 3) เพื่อเสนอแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศใน ศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี ใช้วิธีด ำเนินกำรวิจัยเป็น แบบผสมผสำน (Mix-research) โดยใช้รูปแบบกำรวิจัยเชิงปริมำณ (Quantitative Research) และวิธีกำร วิจัยเชิงคุณภำพแบบสัมภำษณ์เชิงลึก (Quality Research In-depth Interview) เพื่อผลสัมฤทธิ์กำรเรียน ภำษำต่ำงประเทศที่เกิดจำกทักษะ 4 ด้ำน ได้แก่ กำรฟัง กำรพูด กำรอ่ำน ตำมแนวทำงกำรพัฒนำกำร เรียนรู้ตำมทฤษฎีของ Bloom’s Taxonomy Bloom ประกอบด้วยกำรเรียนรู้ 6 ระดับ ได้แก่ 1) ควำมรู้ที่

เกิดจำกควำมจ ำ (Knowledge) 2) ควำมเข้ำใจ (Comprehended) 3) กำรประยุกต์ (Application) 4) กำรวิเครำะห์ (Analysis) 5) กำรสังเครำะห์ (Synthesis) 6) กำรประเมินค่ำ (Evaluation)

ค าส าคัญ : กำรพัฒนำทักษะ, กำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศ, ศตวรรษที่ 21

(2)

26

Abstract

The research names Guidelines for Development of Foreign Language Learning Skill in the 21st Century for Phrapariyatidhamwat Phradhammakaya School Pathum Thani Province. There were the objectives: 1) Study condition the prese moment of foreign language learning in the 21st Century for Phrapariyatidhamwat Phradhammakaya School Pathum Thani Province. 2) To study the development of foreign language learning Skill in the 21st Century for Phrapariyatidhamwat Phradhammakaya School Pathum Thani Province.

3) To suggestion of foreign language learning skill in the 21st century for Phrapariyatidhamwat Phradhammakaya School Pathum Thani Province. Methodology for research was the mixed methods according to Quantitative Research and Quality Research In-depth Interview, to achieve 4 skills of foreign language learning as follow, Listening Thinking Speaking and Writing accordance with Bloom’s Taxonomy Bloom consist of 6 revels as follow, Knowledge, Comprehended, Application, Analysis, Synthesis, Evaluation.

Keyword: Guidelines for Development, Foreign Language Learning Skill, The 21st Century.

บทน า (Introduction)

สังคมโลกในศตวรรษที่ 21 มีควำมแตกต่ำงจำกในอดีตมำก มีกำรเคลื่อนย้ำยผู้คน สื่อสำรเทคโนโลยี

และทรัพยำกรต่ำง ๆ จำกทั่วทุกมุมโลกอย่ำงรวดเร็วและสะดวก มีควำมเชื่อมโยงทำงเศรษฐกิจสังคม กำรเมืองกำรปกครองระหว่ำงภูมิภำค ประเทศ สังคมและชุมชน มีควำมซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงของ ควำมรู้และข้อมูลข่ำวสำรตลอดเวลำอย่ำงเป็นพลวัต Whitehead อธิบำยว่ำ ในอดีตช่วงอำยุของคนคนหนึ่ง อำจมีเรื่องรำวกำรเปลี่ยนแปลงให้พบเห็นน้อยต่ำงจำกในปัจจุบัน ที่ในช่วงอำยุคนคนหนึ่งมีเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ในสังคมที่เกิดขึ้นมำกมำย วิถีชีวิตและกำรท ำงำนในศตวรรษที่ 21 มีควำมแตกต่ำงจำกอดีต มีควำมเปิด กว้ำงยอมรับและให้ควำมส ำคัญกับข้อมูลควำมรู้และข่ำวสำรที่หลำกหลำย กำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันมี

ควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่ง ผู้คนในศตวรรษนี้จึงไม่สำมำรถใช้ควำมรู้และทักษะบำงอย่ำงในอดีตมำแก้ปัญหำใน ปัจจุบันได้ดีกำรจัดกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึงไม่ใช่กระบวนกำรถ่ำยถอดควำมรู้ แต่คือ กำรส่งเสริมทักษะกำรเรียนรู้ตลอดชีพให้กับผู้คนนั่นเอง ทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย ส่วนประกอบที่ส ำคัญ 5 ประกำร คือ

1) ทักษะพื้นฐำนในกำรรู้หนังสือ ได้แก่ สำมำรถค้นคว้ำ ใฝ่หำควำมรู้จำกทรัพยำกรกำรเรียนรู้และ แหล่งเรียนรู้ที่หลำกหลำยผ่ำนกำรอ่ำนออกเขียนได้ กำรคิดค ำนวณ กำรใช้เหตุผลทำงวิทยำศำสตร์ กำรเงิน สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น

(3)

27 2) ทักษะกำรคิด ได้แก่ สำมำรถใช้เหตุผลและควำมคิดในกำรวิเครำะห์และสังเครำะห์ ประเมินค่ำ คิดสร้ำงสรรค์ ตัดสินใจและแก้ปัญหำได้เป็นอย่ำงดี เป็นต้น

3) ทักษะกำรท ำงำน ได้แก่ สำมำรถประยุกต์ใช้ควำมรู้และทักษะในกำรท ำงำน กำรติดต่อสื่อสำร กำรท ำงำนเป็นทีม และแสดงภำวะผู้น ำและควำมรับผิดชอบ มีควำมยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดี ริเริ่มงำนและ ดูแลตนเองได้อดทนและขยันท ำงำนหนัก สร้ำงหุ้นส่วนธุรกิจ เป็นต้น

4) ทักษะกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศ ได้แก่ สำมำรถรับรู้ เข้ำใจกำรใช้และกำรจัดกำรสื่อสำร สนเทศเปิดใจรับสำรและเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่ำงเท่ำกัน สำมำรถบริหำรจัดกำรเทคโนโลยี เรียนรู้เทคนิค วิทยำกำรต่ำง ๆ อย่ำงมีวิจำรณญำณและสำมำรถน ำข้อมูลเหล่ำนั้นมำใช้อย่ำงถูกต้องเหมำะสมแล ะเป็น ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเป็นต้น

5) ทักษะกำรใช้ชีวิต ได้แก่ สำมำรถแสวงหำควำมรู้ น ำตนเองในกำรเรียนรู้ได้ มีควำมมั่นใจใน ตัวเอง กระตือรือร้นในควำมรู้ เป็นผู้ผลิต มุ่งควำมเป็นเลิศ สำมำรถด ำรงชีวิตด้วยควำมรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่นเป็นพลเมืองที่ดี รู้และเคำรพกติกำ มีระเบียบวินัย ค ำนึงถึงสังคม คิดถึงภำพรวมโลก มีคุณธรรม ยึดมั่นในสันติธรรม มีควำมเป็นธรรม เข้ำใจควำมหลำกหลำยทำงวัฒนธรรม และแบ่งบันประสบกำรณ์ เป็น ต้น

กำรศึกษำและกำรเรียนรู้ ถือเป็นเรื่องที่ควรได้รับกำรยอมรับ และให้ควำมส ำคัญอย่ำงยิ่งในฐำนะ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะท ำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่ำงปกติสุข กำรศึกษำเป็นเทคนิค หรือ เครื่องมือในกำรพัฒนำ ทรัพยำกรมนุษย์ให้มีควำมพร้อม ต่อกำรเปลี่ยนแปลง ทำงค่ำนิยม เจคติและ วัฒนธรรมในสังคม ควรมีเป้ำหมำยส ำคัญ ในกำรพัฒนำคนในฐำนะพลเมืองให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้ง ร่ำงกำยและจิตใจ สติปัญญำ ควำมรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในกำรด ำรงชีวิตอย่ำงสมดุล มี

ภำวะผู้น ำกำรเรียนรู้ด้วยตนเองอย่ำงต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเน้นกำรเรียนรู้เพื่อสร้ำงเสริมแรงบันดำลใจให้มี

ชีวิตอยู่อย่ำงมีควำมหมำย กำรเรียนรู้เพื่อบ่มเพำะควำมคิดสร้ำงสรรค์ ควำมสำมำรถในกำรรังสรรค์สิ่งใหม่ๆ กำรเรียนรู้เพื่อปลูกฝังจิตสำธำรณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวม และกำรเรียนรู้เพื่อกำรน ำไปปฏิบัติ มุ่งสร้ำงกำร ท ำงำนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เป็นพลเมืองที่มีคุณภำพ พึ่งพำตนเองได้ และด ำเนินชีวิตอย่ำงมีควำมสุข ทั้งนี้

หลักสูตรและวิธีกำรจัดกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ควรจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนำ ตนเองอย่ำงต่อเนื่อง มิใช่กำรจดจ ำเนื้อหำวิชำ เน้นกำรเรียนรู้ที่เกิดจำกควำมต้องกำรของผู้เรียนอย่ำง แท้จริงและลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดประสบกำรณ์ตรงและต่อยอดควำมรู้นั้นได้ด้วยตนเอง ผู้สอนต้องสำมำรถ สร้ำงแบบสภำพแวดล้อมในกำรเรียนรู้ที่มีบรรยำกำศเกื้อหนุนและเอื้อต่อกำรเรียนรู้อย่ำงมีเป้ำหมำย กำร เชื่อมโยงควำมรู้หรือแลกเปลี่ยนควำมรู้กับชุมชนและสังคมโดยรวม จัดกำรเรียนรู้ผ่ำนบริบทควำมเป็นจริง

(4)

28 และกำรสร้ำงโอกำสให้ผู้เรียนได้เข้ำถึงสื่อเทคโนโลยี เครื่องมือ และแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภำพ (ทักษะกำร เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 [ออนไลน์])

ธรรมะเปรียบเสมือนฝูงปลำ ภำษำเปรียบเทียบเสมือนสำยน้ ำ เมื่อสำยน้ ำไหลไปยังที่แห่งใด ฝูงปลำ ก็สำมำรถแหวกว่ำยไปยังที่แห่งนั้น ธรรมะของพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำจะเผยแผ่ไปได้ก็ต้องอำศัยภำษำฉันนั้น ทำงวัดพระธรรมกำยได้เล็งเห็นถึงควำมส ำคัญของกำรเรียนภำษำต่ำงประเทศ จึงได้ส่งเสริมให้สำมเณร นอกจำกเรียนนักธรรม-บำลีแล้ว ยังให้ศึกษำภำษำต่ำงประเทศ ได้แก่ ภำษำอังกฤษ และภำษำจีน เป็นต้น (ส ำนักงำนพระพุทธศำสนำ, 2552)

ประวัติควำมเป็นมำของโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย เกิดขึ้นด้วยปณิธำนอันแน่วแน่

ของ พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย (หลวงพ่อธรรมชโย) ที่จะสร้ำงวัดให้เป็นวัด สร้ำงพระให้เป็นพระ สร้ำงคนให้

เป็นคนดี และด้วยเจตจ ำนงมั่นในกำรอุทิศชีวิตเพื่อเผยแผ่พระพุทธศำสนำ อันจะน้อมน ำพระธรรมไปสู่มวล มนุษยชำติ ดังนั้นนอกเหนือจำกกำรเน้นในกำรเจริญสมำธิภำวนำวิชชำธรรมกำยแล้ว หลวงพ่อยังได้

ตระหนักในคุณค่ำของกำรศึกษำพระปริยัติธรรมเป็นอย่ำงยิ่งนับตั้งแต่ได้เริ่มเข้ำมำอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.

2512

ในจุดเริ่มต้นได้ศึกษำพระปริยัติธรรม ณ วัดปำกน้ ำภำษีเจริญปีต่อมำครั้นมีกำรก่อสร้ำงศูนย์พุทธ จักรปฏิบัติธรรมที่จังหวัดปทุมธำนี คณะผู้บุกเบิกในกำรสร้ำงวัดก็ได้ทยอยอุปสมบทมำเป็นล ำดับๆ อำทิ เช่น พระพิพัฒน์ ฐิตสุทฺโธ พระเผด็จ ทตฺตชีโว และในยุคแรกๆ ของกำรศึกษำพระปริยัติธรรมนั้น ยังคงเดินทำง ไปเรียนกันที่วัดปำกน้ ำภำษีเจริญ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2528 ในช่วงก่อนเข้ำพรรษำ ได้มีกำรบวชพระบัณฑิต อำสำพัฒนำหรือที่เรียกว่ำ “พระธรรมทำยำทภำคพรรษำ” โดยทำงคณะสงฆ์วัดพระธรรมกำยได้มอบหมำ ให้ พระดิลก กิตฺติลโก ขณะนั้นมีต ำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้ำอำวำส ให้เป็นผู้ด ำเนินกำรทำงด้ำนกำรศึกษำพระ ปริยัติธรรม และปลำยปี พ.ศ. 2528 มีกำรเปิดรับสำมเณรเข้ำมำอยู่ในวัดพระธรรมกำยเป็นครั้งแรก จ ำนวน 5 รูป และให้เรียนบำลีไวยำกรณ์ควบคู่ไปด้วยโดยเปิดชั้นเรียนที่อำคำรปุโรหิต นับเป็นจุดเริ่มต้นกำรศึกษำ พระปริยัติธรรมของวัดพระธรรมกำยอย่ำงจริงจังเพื่อให้สำมเณรทุกรูปเข้ำใจภำษำวัฒนธรรมต่ำง ๆ และ เตรียมควำมพร้อมเพื่อไปเผยแผ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำไปให้แก่ชำวโลกต่อไป (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2526: 1)

ด้วยเหตุผลดังกล่ำว ผู้วิจัยจึงได้ตระหนักถึงควำมจ ำเป็น ที่ต้องท ำกำรศึกษำและค้นคว้ำเพื่อให้

ทรำบว่ำ แนวคิดกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นอย่ำงไรบ้ำง และมีสภำพปัญหำกำร จัดกำรเรียนกำรสอนวิชำภำษำต่ำงประเทศ ส ำหรับสำมเณรว่ำมีอะไรเป็นปัจจัยมูลเหตุแห่งปัญหำดังกล่ำว ซึ่งผลกำรศึกษำ ค้นคว้ำในครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลที่ส ำคัญที่คณะสงฆ์และหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง สำมำรถน ำผล กำรศึกษำกำรศึกษำไปใช้ร่วมกันปรับปรุงแก้ไข กำรจัดกำรเรียนกำรสอนรำยวิชำภำษำต่ำงประเทศส ำหรับ สำมเณร ให้มีประสิทธิภำพและประสิทธิผลยิ่งขึ้นเพื่อให้เพื่อให้เยำวชนไทยที่สนใจบรรพชำเป็นสำมเณร ได้

(5)

29 ศึกษำเล่ำเรียนวิชำภำษำต่ำงประเทศเพื่อท ำให้เกิดทักษะในกำรสื่อสำรเพื่อน้อมน ำหลักธรรมค ำสั่งสอนใน พระพุทธศำสนำไปเผยแผ่และท ำประโยชน์แก่ประเทศชำติและส่งเสริมพระพุทธศำสนำให้เจริญมั่นคงสืบไป

วัตถุประสงค์ของการวิจัย (Research Objective)

1. เพื่อศึกษำสภำพปัจจุบันกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระ ปริยัติธรรม วัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี

2 เพื่อศึกษำวิธีกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียน พระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี

3. เพื่อเสนอแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับ โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี

วิธีด าเนินการวิจัย (Research Methods)

ผู้วิจัยได้ท ำกำรศึกษำวิจัย เรื่องแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศใน ศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี ใช้วิธีด ำเนินกำรวิจัยเป็น แบบผสมผสำน (Mix-research) โดยใช้รูปแบบกำรวิจัยเชิงปริมำณ (Quantitative Research) และวิธีกำร วิจัยเชิงคุณภำพแบบสัมภำษณ์เชิงลึก (Quality Research In-depth Interview) เพื่อผลสัมฤทธิ์กำรเรียน ภำษำต่ำงประเทศที่เกิดจำกทักษะ 4 ด้ำน ได้แก่ กำรฟัง กำรพูด กำรอ่ำน มีกำรก ำหนดขอบเขตไว้ดังนี้

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชำกรที่ใช้ในกำรวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหำร ครูผู้สอน และนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัด พระธรรมกำย อ ำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธำนี จ ำนวน 100 รูป (ข้อมูลประจ ำปีกำรศึกษำ 2563)

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ 1) สภำนภำพ 2) อำยุ 3) ภำษำ ที่เรียน และ 4) ระดับชั้นปีที่ศึกษำ ตำมหลักสูตรพระปริยัติธรรม (เสริมกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ) และ แบบวัดผลสัมฤทธิ์กำรเรียนภำษำต่ำงประเทศที่เกิดจำกทักษะ ๔ ด้ำน ได้แก่ทักษะกำรฟัง กำรพูด กำรอ่ำน และกำรเขียนภำษำต่ำงประเทศ ตำมแนวทำงกำรพัฒนำกำรเรียนรู้ตำมทฤษฎีของ Bloom (Bloom’s Taxonomy) ประกอบด้วยกำรเรียนรู้ 6 ระดับ ได้แก่ 1) ควำมรู้ที่เกิดจำกควำมจ ำ (Knowledge) 2) ควำม เข้ำใจ (Comprehended) 3) กำรประยุกต์ (Application) 4) กำรวิเครำะห์ (Analysis) 5) กำรสังเครำะห์

(Synthesis) 6) กำรประเมินค่ำ (Evaluation)

(6)

30 การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในกำรเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบแบบวัดผลสัมฤทธิ์กำรเรียนภำษำต่ำงประเทศที่

เกิดจำกทักษะ ๔ ด้ำน ได้แก่ทักษะกำรฟัง กำรพูด กำรอ่ำน และกำรเขียนภำษำต่ำงประเทศ ตำมแนวทำง กำรพัฒนำกำรเรียนรู้ตำมทฤษฎีของ Bloom (Bloom’s Taxonomy) เพื่อตรวจควำมเชิงเนื้อหำ (Content Validity) แล้วน ำผลกำรตรวจสอบมำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง IOC หำค่ำควำมยำกง่ำย (p) ค่ำอ ำนำจ จ ำแนก (r) ควำมเชื่อมั่นของแบบทดสอบ (Reliability) หำค่ำวิเครำะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและ หลังเรียน (Pre-test) และ (Post-test) มีค่ำ IOC = 1.00

ผลการวิจัย (Research Results)

ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลภำพรวม พบว่ำ ระดับควำมคิดเห็นต่อแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้

วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี

โดยภำพรวม อยู่ในระดับมำก ( x = 3.66, S.D. = 0.663) เมื่อพิจำรณำเป็นรำยด้ำน พบว่ำ ระดับควำม คิดเห็นต่อแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระ ปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี มีระดับมำกที่สุด คือ 2) ทักษะด้ำนกำรพูด (Speaking) อยู่ใน ระดับมำก (x = 3.79, S.D.= 0.723) รองลงมำ คือ 4) ทักษะด้ำนกำรเขียน (Writing) อยู่ในระดับมำก ( x = 3.66, S.D. = 0.314) รองลงมำ คือ 1) ทักษะด้ำนกำรฟัง (Listening) อยู่ในระดับมำก (x = 3.65, S.D. = 0.829) และด้ำนที่มีค่ำเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ 3) ทักษะด้ำนกำรอ่ำน (Reading) อยู่ในระดับ (x = 3.56, S.D. = 0.711)

อภิปรายผลการวิจัย (Research Discussion)

จำกผลกำรวิจัย เรื่อง แนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี มีประเด็นส ำคัญที่น่ำสนใจควรแก่กำร น ำมำอภิปรำยผล ดังต่อไปนี้

แนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ ๒๑ ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติ

ธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี โดยภำพรวมทุกด้ำนอยู่ในระดับมำก สอดคล้องกับผลกำรวิจัยของ ผู้ท ำวิจัยที่เกี่ยวข้องหลำยท่ำนและเมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อในแต่ละด้ำน มีประเด็นที่น่ำสนใจน ำมำอภิปรำย ผล ดังต่อไปนี้

1) ทักษะด้ำนกำรฟัง (Listening) โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ประเด็นที่มีค่ำเฉลี่ยมำกที่สุด คือส่งเสริมให้ครูจัดกระบวนกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ มีควำม สอดคล้องกับผลวิจัยของ พรทิพา ชิเดนทรีย์ (2560) ได้ท ำกำรเปรียบเทียบ “ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำ ภำษำอังกฤษและควำมสำมำรถในกำรวำงแผนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 5” ที่ได้รับกำรสอนตำม

(7)

31 รูปแบบกำรสืบเสำะหำควำมรู้ที่ใช้กระบวนกำรกลุ่มกับกำรสอนตำมคู่มือครูผลกำรวิจัยพบว่ำนักเรียนที่ได้รับ กำรสอนตำมรูปแบบกำรสืบเสำะหำควำมรู้ที่ใช้กระบวนกำรกลุ่มกับนักเรียนที่ได้รับกำรสอนตำมคู่มือครูมี

ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติที่ระดับ 0.05 และมีควำมสำมำรถในกำร วำงแผนแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติที่ระดับ 0.05

2) ทักษะด้ำนกำรพูด (Speaking) โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำกเมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ประเด็นที่มีค่ำเฉลี่ยมำกที่สุดคือผู้บริหำรยกย่องและชมเชยครูที่ประสบควำมส ำเร็จในผลงำนทำงวิชำกำร มีควำมสอดคล้องกับผลวิจัยของ ปนัดดา ประพันธ์กูล (2561) ในงำนวิจัยเรื่อง “กำรใช้กำรเรียนภำษำแบบ กลุ่มสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมควำมสำมำรถทำงกำรฟัง พูดภำษำอังกฤษและทักษะทำงสังคมของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 5” ผลกำรวิจัยสรุปได้ว่ำ 1) นักเรียนมีควำมสำมำรถทำงกำรฟังพูดภำษำอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น จำกระดับดีเป็นระดับดีมำก หลังกำรเรียนภำษำแบบกลุ่มสัมพันธ์ 2)นักเรียนมีทักษะทำงสังคมเพิ่มสูงขึ้น จำกระดับปำนกลำงเป็นระดับสูงหลังกำรเรียนภำษำแบบกลุ่มสัมพันธ์

3) ทักษะด้ำนกำรอ่ำน (Reading) โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ประเด็นที่มีค่ำเฉลี่ยมำกที่สุด คือ ส่งเสริมให้ครูได้ศึกษำ อบรม สัมมนำ พัฒนำตนเองเกี่ยวกับกำรท ำวิจัย เชิงวิชำกำร มีควำมสอดคล้องกับผลวิจัยของ ชวลี นาคทัต (2561) ได้ท ำกำรวิจัย “อิทธิพลของ กระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์ทำงกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษและควำมมีวินัยแห่งตน” ปรำกฏว่ำนักเรียนที่เรียน ด้วยวิธีกำรสอนแบบกระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์กำรเรียนรู้ภำษำอังกฤษ มีควำมมีวินัยแห่งตนแตกต่ำงจำกเดิม เมื่อเรียนจบแล้ว อย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติ ณ ระดับ .05 และนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีกำรสอนแบบ กระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์กับนักเรียนที่เรียนด้วยกำรสอนแบบปกติ มีควำมมีวินัยแห่งตนแตกต่ำงกันอย่ำง น้อยส ำคัญทำงสถิติ ณ ระดับ .05ควรจัดประเมินผลก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อตรวจสอบและประเมินผลที่

เหมำะสม

4) ทักษะด้ำนกำรเขียน (Writing) โดยภำพรวมอยู่ในระดับมำก เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ประเด็นที่มีค่ำเฉลี่ยมำกที่สุด คือ ด ำเนินกำรพัฒนำงำนตำมแผนและติดตำม ตรวจสอบและประเมิน คุณภำพภำยใน เพื่อปรับปรุงพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง มีควำมสอดคล้องกับผลวิจัยของ อุไรวรรณ อินทยารัตน์

(2559) ท ำวิจัยเรื่อง “ผลของกำรสอนวิธีบทบำทสมมติและกระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์ที่มีต่อพฤติกรรมกำร เรียนภำษำอังกฤษของนักศึกษำผู้ใหญ่ระดับมัธยมศึกษำ ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น สังกัดศูนย์กำรศึกษำ นอกโรงเรียนจังหวัดภูเก็ต” กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในกำรทดลอง คือแบบวัด พฤติกรรม แผนกำรจัดกิจกรรมด้วยบทบำทสมมติ ผลกำรทดลอง พบว่ำ นักศึกษำที่ได้รับกำรสอนด้วยกำร จัดกิจกรรมบทบำทสมมติกระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์ และกำร สอนตำมปกติมีพฤติกรรมกำรเรียน ภำษำอังกฤษเชิง จริยธรรมด้ำน ควำมซื่อสัตย์ ควำมเสียสละ และควำมสำมัคคีหลังกำร ทดลองสูงกว่ำก่อน

(8)

32 กำรทดลอง อย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติ ณ ระดับ .01 และนักศึกษำที่ได้รับกำรสอนด้วย กำรจัดกิจกรรม บทบำทสมมติ กระบวนกำร กลุ่มสัมพันธ์ มีพฤติกรรมเชิงจริยธรรมด้ำนควำมซื่อสัตย์ ควำมเสียสละ และ ควำมสำมัคคีสูงกว่ำกำรสอน ตำมปกติอย่ำงมีนัยส ำคัญทำงสถิติ ณ ระดับ .01 และ นักศึกษำที่ได้รับกำร สอนด้วย กำรจัดกิจกรรมบทบำทสมมติกระบวนกำร กลุ่มสัมพันธ์ มีพฤติกรรมกำรเรียนภำษำอังกฤษเชิง จริยธรรมด้ำนควำมซื่อสัตย์ควำมเสียสละ และควำมสำมัคคีสูงกว่ำกำรสอนตำมปกติ

สรุปได้ว่า แนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี ตำมทักษะในด้ำนต่ำง ๆ ผู้บริหำรจะต้องให้กำร บริหำรงำนวิชำกำรด้วยควำมเป็นกัลยำณมิตร มีควำมมุ่งมำดปรำรถนำดี เต็มใจที่จะช่วยเหลือบุคลำกรอย่ำง เต็มควำมสำมำรถ เมื่อมีปัญหำติดขัดหรือขัดข้องด่ำนเอกสำร ก็คิดหำวีแก้ไข ช่วยคลี่คลำยปัญหำให้บุคลำกร ได้รับควำมพึงพอใจที่ดี ควำมซำบซึ้งประทับใจในกำรให้บริกำรงำนวิชำกำรในโรงเรียน ย่อมเพียงพอที่จะท ำ ให้เกิดควำมพึงพอใจแก่บุคลำกรทุกคนในโรงเรียนได้ ดังนั้น กำรบริหำรงำนวิชำกำรเป็นหัวใจส ำคัญของ สถำนศึกษำหรือโรงเรียน โรงเรียนจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำรบริหำรงำนวิชำกำรทั้งสิ้น ผู้บริหำรจ ำเป็นต้องมี

หลักกำรในกำรบริหำรงำนด้ำนนี้อย่ำงมีประสิทธิผล งำนวิชำกำรมีขอบข่ำยกว้ำงขวำงมำกในกำร บริหำรงำนแต่ละอย่ำง จึงมีเทคนิคและหลักกำรที่แตกต่ำงกันไปในรำยละเอียดของงำน จึงจ ำเป็นต้องมีกำร พัฒนำให้ทันต่อกำรเปลี่ยนแปลง โดยสิ่งหนึ่งที่จะบริหำรงำนวิชำกำร และเกิดควำมเจริญก้ำวหน้ำจน สำมำรถสร้ำงควำมส ำเร็จให้เกิดขึ้นกับชีวิตสืบไป

องค์ความรู้จากการวิจัย (Research Knowledge)

“แนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระ ปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี ภำพรวมทุกทักษะอยู่ในระดับมำกได้ดังนี้

1) ทักษะด้ำนกำรฟัง (Listening) (สุ) เป็นกำรลงทุนน้อยแต่ได้ก ำไรมำกจึงต้องฟังอย่ำงตั้งใจเพื่อ กำรรับสำรที่ชัดเจน

2) ทักษะด้ำนกำรอ่ำนหรือคิด (Reading. Thinking) (จิ) เป็นกำรรับรู้สำรที่เกิดต่อจำกกำรฟังจึง ต้องคิดประมวลควำมและจับใจควำมในสำระที่สื่อสำรให้ตรงประเด็น

3) ทักษะด้ำนกำรพูด (Speaking) (ปุ) เป็นกำรแสดงออกถึงกำรรับสำร แปลงสำรและส่งสำรเพื่อ กำรสื่อสำรให้ชัดถ้อย ชัดค ำ และชัดควำมให้มำกที่สุด

4) ทักษะด้ำนกำรเขียน (Writing) (ลิ) คือขั้นตอนสุดท้ำยที่จะเก็บขอมูลเนื้อหำที่สื่อสำรกันว่ำด้วย เรื่องอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน และอย่ำงไร ไว้เป็นร่องรอยหลักฐำนที่ยั่งยืนสืบเนื่องต่อไปให้ยำวนำน

(9)

33

ข้อเสนอแนะการวิจัย (Research Suggestions)

1. ข้อเสนอแนะส าหรับการน าผลการวิจัยไปใช้ ประกอบด้วย

จำกผลกำรวิจัย พบว่ำ แนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดพระธรรมกำย จังหวัดปทุมธำนี โดยภำพรวม 4 ทักษะอยู่ในระดับมำก สรุปเป็นองค์ควำมรู้ ดังนี้

ทักษะด้ำนกำรฟัง (Listening) (สุ) เป็นกำรลงทุนน้อยแต่ได้ก ำไรมำกจึงต้องฟังอย่ำงตั้งใจเพื่อกำร รับสำรที่ชัดเจน

ทักษะด้ำนกำรอ่ำนหรือคิด (Reading. Thinking) (จิ) เป็นกำรรับรู้สำรที่เกิดต่อจำกกำรฟังจึงต้อง คิดประมวลควำมและจับใจควำมในสำระที่สื่อสำรให้ตรงประเด็น

ทักษะด้ำนกำรพูด (Speaking) (ปุ) เป็นกำรแสดงออกถึงกำรรับสำร แปลงสำรและส่งสำรเพื่อกำร สื่อสำรให้ชัดถ้อย ชัดค ำ และชัดควำมให้มำกที่สุด

ทักษะด้ำนกำรเขียน (Writing) (ลิ) คือขั้นตอนสุดท้ำยที่จะเก็บขอมูลเนื้อหำที่สื่อสำรกันว่ำด้วยเรื่อง อะไร เมื่อไหร่ ที่ไหนและอย่ำงไร ไว้เป็นร่องรอยหลักฐำนที่ยั่งยืนสืบเนื่องต่อไปให้ยำวนำน

2. ข้อเสนอแนะในการท าวิจัยครั้งต่อไป

1) ควรศึกษำวิจัยเกี่ยวกับแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่

21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมต่ำง ๆ เพื่อกำรพัฒนำเป็นองค์รวม

2) ควรศึกษำวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยส่งเสริมภำวะผู้น ำและผู้เรียนตำมแนวทำงกำรพัฒนำทักษะกำร เรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมต่ำง ๆ

3) ควรศึกษำวิจัยเพื่อหำรูปแบบในกำรพัฒนำและส่งเสริมบุคลำกรทำงกำรศึกษำ ตำมแนวทำงกำร พัฒนำทักษะกำรเรียนรู้วิชำภำษำต่ำงประเทศในศตวรรษที่ 21 ส ำหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมต่ำง ๆ

เอกสารอ้างอิง (References)

กระทรวงศึกษำธิกำร.(2562). การศึกษาพระปริยัติธรรม. กองศำสนศึกษำ: กรมกำรศำสนำ.

ชวลี นำคทัต. (2561). “อิทธิพลของกระบวนกำรกลุ่มสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษ และควำมมีวินัยแห่งตน”. ปริญญำนิพนธกำรศึกษำมหำบัณฑิต สำขำวิชำกำรมัธยมศึกษำ.

บัณฑิต วิทยำลัย: มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒประสำนมิตร.

ทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. (2562). Twenty-First Century Skills. สืบค้น 22 สิงหำคม 2562.

https://www.trueplookpanya.com/blog/content.

(10)

34 ปนัดดำ ประพันธ์กูล. (2561). “การใช้การเรียนภาษาแบบกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมความสามารถทางการ

ฟังพูดภาษาอังกฤษและทักษะทางสังคมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5”. วิทยำนิพนธ์ศึกษำ ศำสตรมหำบัณฑิต สำขำวิชำกำรสอนภำษำอังกฤษ. บัณฑิตวิทยำลัย: มหำวิทยำลัยรำชภัฏ เชียงใหม่.

พรทิพำ ซิเดนทรีย์. (2560). “การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษและความสามารถ ในการวางแผน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนตามรูปแบบการสืบสวนที่ใช้

กระบวนการกลุ่มกับการสอนตามคู่มือครู”. วิทยำนิพนธ์ปริญญำกำรศึกษำมหำบัณฑิต สำขำวิชำ กำรมัธยมศึกษำ. บัณฑิตวิทยำลัย:มหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒประสำนมิตร.

ส ำนักงำนพระพุทธศำสนำแห่งชำติ. (2552). ท าเนียบโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา. กรุงเทพ มหำนคร: โรงพิมพ์ส ำนักงำนพระพุทธศำสนำแห่งชำติ.

สุมิตรำ อังวัฒนกุล. (2560). วิธีสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ. พิมพ์ครั้ง 5. กรุงเทพมหำนคร:

จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.

อุไรวรรณ อินทยำรัตน. (2559). “ผลของการสอนวิธีบทบาทสมมติและกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ที่มีต่อพฤติ

กรรมจริยธรรมของนักศึกษาผู้ใหญ่ระดับมัธยมศึกษา”. รำยงำนกำรวิจัย. ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น สังกัดศูนย์กำรศึกษำนอกโรงเรียน จังหวัดภูเก็ต.

*******************************

Referensi

Dokumen terkait

ศึกษาแนวทางการพัฒนาการด าเนินงานประกันคุณภาพการจัดการศึกษาโรงเรียน แกนน าจัดการเรียนร่วม สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก วิธีด าเนินการวิจัย ตอนที่ 1

1 January - June 2019 128 ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านองค์การ วิธีด�าเนินการวิจัย ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ พยาบาล