ผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลนา เชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
วิทยานิพนธ์
ของ ศุภนิดา ทองดวง
เสนอต่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต
ธันวาคม 2564
ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลนา เชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
วิทยานิพนธ์
ของ ศุภนิดา ทองดวง
เสนอต่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต
ธันวาคม 2564
ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Effect of Yoga Asana Program on Flatulence in Young Old People at Nachuak Hospital, Nachuak District, Mahasarakham Province
Supanida Thongduang
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of Requirements for Master of Public Health (Public Health)
December 2021
Copyright of Mahasarakham University
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ได้พิจารณาวิทยานิพนธ์ของนางสาวศุภนิดา ทองดวง แล้วเห็นสมควรรับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์
(รศ. ดร. นิตยา เพ็ญศิรินภา )
ประธานกรรมการ
(ผศ. ดร. สันติสิทธิ์ เขียวเขิน )
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
(อ. ดร. พัดชา หิรัญวัฒนกุล )
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม
(รศ. ดร. สุมัทนา กลางคาร )
กรรมการ
(อ. ดร. เทอดศักดิ์ พรหมอารักษ์ )
กรรมการ
มหาวิทยาลัยอนุมัติให้รับวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญา สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต ของมหาวิทยาลัย มหาสารคาม
(รศ. ดร. สุมัทนา กลางคาร )
คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์
(รศ. ดร. กริสน์ ชัยมูล ) คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
ง
บทคัดย่อ ภาษาไทย
ชื่อเรื่อง ผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขต รับผิดชอบโรงพยาบาลนาเชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ผู้วิจัย ศุภนิดา ทองดวง
อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สันติสิทธิ์ เขียวเขิน อาจารย์ ดร. พัดชา หิรัญวัฒนกุล
ปริญญา สาธารณสุขศาสตรมหา บัณฑิต
สาขาวิชา สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีที่พิมพ์ 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมโยคะ อาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลนาเชือก อ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม เก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ เดือนมกราคม 2564 ถึง เดือนตุลาคม 2564 กลุ่ม ตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุวัยต้นที่มีอาการท้องอืด ที่ไม่มีลักษณะอาการเตือนว่าอาจเกิดโรคร้ายแรงและวิ
นิฉัยทางแพทย์แผนไทยว่ามีอาการท้องอืด โดยกลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง 37 ราย และ กลุ่มควบคุม 43 ราย โดย 4 สัปดาห์แรก กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมโยคะอาสนะ 5 ท่า คือ ท่าขับลม ท่าบิดเอว ท่าตั๊กแตน ท่าธนู และท่างู ท่าละ 6 นาที ใช้เวลาทั้งหมด 30 นาที ร่วมกับการนวดไทย แบบราชส านัก 45 นาที และกลุ่มควบคุมได้รับเพียงการนวดแบบราชส านัก 45 นาทีตามปกติ และ ติดตาม 4 สัปดาห์หลัง ทั้ง 2 กลุ่ม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เก็บข้อมูลจากแบบประเมินอาการ ท้องอืดก่อนและหลังการทดลอง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ
ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าแตกต่างของคะแนนเฉลี่ย ความรู้สึกหรือไม่สบายท้องของอาการท้องอืด ด้วยสถิติ Paired sample t-test ส าหรับการทดสอบ ภายในกลุ่มและ Independent sample t-test ส าหรับการทดสอบระหว่างกลุ่ม ที่ระดับนัยส าคัญ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองมีความรู้สึกท้องอืดหรือไม่สบายท้องลดลงหลังการทดลอง อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ 0.05 และหลังการทดลองกลุ่มทดลองมีอาการท้องอืดลดลงมากกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ 0.05 ดังนั้นโปรแกรมโยคะอาสนะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อ กดนวดกระตุ้นท้องและอวัยวะต่างๆ กระตุ้นการเคลื่อนไหวของล าไส้ให้สามารถท างานได้ดี
ขึ้น และควรมีการส่งเสริมในเรื่องของฝึกโยคะอาสนะช่วงเช้าก่อนการท างาน เพื่อยืดหยุ่นร่างกายทั้ง
จ ในผู้สูงอายุ และกลุ่มวัยอื่นๆได้
ค าส าคัญ : ผู้สูงอายุวัยต้น, โยคะอาสนะ, อาการท้องอืด
ฉ
บทคัดย่อ ภาษาอังกฤษ
TITLE Effect of Yoga Asana Program on Flatulence in Young Old People at Nachuak Hospital, Nachuak District, Mahasarakham Province AUTHOR Supanida Thongduang
ADVISORS Assistant Professor Santisith Khiewkhern , Ph.D.
Phatcha Hirunwatthanakul , Ph.D.
DEGREE Master of Public Health
MAJOR Public Health UNIVERSITY Mahasarakham
University
YEAR 2021
ABSTRACT
An experimental study was used to examine the effects of the Yoga asana program on flatulence in young-elderly persons at Nachuak Hospital, Nachuak District, Mahasarakham Province. This study ran from January 2021 to October 2021.
The sample was separated into two groups, 37 patients were in experimental groups and 43 patients were in control groups. The experimental group received a yoga asana program and the control group received only the usual royal massage therapy.
The data was collected from the pre and post flatulence assessment form and questionnaires. Data were analyzed using percentage, mean, standard deviation statistics. Paired sample t-test and independent-sample t-test were used to detect the effect of the yoga asana program.
The results after the trials showed that the experimental group had statistically significant to decrease in flatulence or abdominal discomfort p<0.05 . In addition, after the trial, the experimental group had a statistically significant reduction in flatulence than the control group p<0.05 . The yoga asana program can increase muscle flexibility and massage to stimulate the stomach to stimulate bowel movements to work better. The health promotion approaches should be included the yoga asana in the morning for the body flexibility and bowel movement in the
ช young-old people.
Keyword : Young old people, yoga asana, flatulence
ซ
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ส าเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยดีเพราะได้รับความอนุเคราะห์และเอาใจใส่ ให้
ค าปรึกษาเป็นอย่างดียิ่งจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สันติสิทธิ์ เขียวเขิน อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
หลัก และ อาจารย์ ดร.พัดชา หิรัญวัฒนกุล อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม ที่ได้ให้ค าปรึกษาแนะน า แก้ไข ปรับปรุงข้อบกพร่อง รวมทั้งให้ค าแนะน าองค์ความรู้ แนวทางในการศึกษาค้นคว้ามาโดยตลอด ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาส นี้
ขอขอบพระคุณ ประธานกรรมการวิทยานิพนธ์ กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ที่กรุณาเป็นเกียรติ
เป็นกรรมการวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้
ขอขอบพระคุณคณาจารย์ประจ าหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุข ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามทุกท่านที่ได้กรุณาประสิทธิ์ประสาทความรู้และประสบการณ์อันมีค่า แก่ศิษย์
ขอขอบพระคุณ ดร.นิสากร วิบูลชัย คุณธิดาภรณ์ ใสโคก และคุณมัลลิกา ภิรมย์บุญ ผู้เชี่ยวชาญที่กรุณาตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นอย่างดียิ่ง
ขอขอบพระคุณ ผู้อ านวยการโรงพยาบาลนาเชือก ผู้อ านวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต าบลหนองม่วง เขตพื้นที่อ าเภอนาเชือก ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการเก็บข้อมูลการท าวิจัย
ขอขอบพระคุณ ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการทุกท่านและครอบครัว ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่าง ดีในการศึกษาวิจัยครั้งนี้
ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย อสม. ที่ให้ความช่วยเหลือในการ เก็บข้อมูล จนท าให้วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ส าเร็จลงด้วยดี
ผู้วิจัยมีความซาบซึ้งในความกรุณาของทุกท่านที่ได้กล่าวถึงและผู้ที่ไม่ได้เอ่ยนามในที่นี้ ได้มี
ส่วนช่วยเหลือในการสนับสนุนให้ก าลังใจด้วยดีตลอดมา จึงขอกราบขอบพระคุณทุกท่าน ด้วยความ จริงใจ และขอมอบคุณประโยชน์อันเกิดจากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นกตเวทิตาคุณแด่ บิดามารดา ครู
อาจารย์ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและเป็นก าลังใจด้วยดีเสมอมา ขอน้อมคารวะแด่
ผู้เขียนตราวิชาการที่ได้ศึกษาค้นคว้าและใช้อ้างอิงทุกท่าน ณ ที่นี้ทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือเป็นก าลังใจ ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ให้ส าเร็จบรรลุเป้าหมายด้วยดีทุกประการ
ศุภนิดา ทองดวง
สารบัญ
หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ... ง บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ... ฉ กิตติกรรมประกาศ... ซ สารบัญ ... ฌ สารบัญตาราง ... ฏ สารบัญภาพประกอบ... ฐ
บทที่ 1 บทน า ... 1
1.1 ภูมิหลัง... 1
1.2 ค าถามวิจัย ... 6
1.3 วัตถุประสงค์ของการวิจัย ... 6
1.4 สมมติฐาน ... 6
1.5 ขอบเขตของการวิจัย ... 6
1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ ... 7
1.7 ประโยชน์ของการวิจัย ... 7
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ... 9
2.1 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ... 10
2.1.1 แนวคิดและทฤษฎีทางแพทย์แผนไทย ... 10
2.1.2 แนวคิดเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ... 13
2.1.3 อาการท้องอืด ... 26
2.1.4 โยคะ ... 38
2.1.5 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ... 50
ญ
2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง... 61
2.3 กรอบแนวคิดในการวิจัย ... 65
บทที่ 3 วิธีด าเนินการวิจัย ... 66
3.1 รูปแบบของการวิจัย ... 66
3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ... 68
3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ... 72
3.4 การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ... 75
3.5 การเก็บรวบรวมข้อมูล ... 77
3.6 การวิเคราะห์ข้อมูล ... 79
3.7 จริยธรรมในการวิจัย ... 80
บทที่ 4 ผลการวิจัยและการอภิปรายผล ... 82
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลด้านพฤติกรรม ข้อมูลด้านภาวะสุขภาพส่วน บุคคล และข้อมูลก ากับการทดลอง ... 83
ส่วนที่ 2 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังการทดลอง ภายใน กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ... 87
ส่วนที่ 3 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น ก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ใช้สถิติ Independent t-test ... 88
ส่วนที่ 4 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง 4 สัปดาห์ และติดตามหลังการทดลอง 4 สัปดาห์ ภายในและระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่ม ควบคุม ... 89
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ... 90
5.1 สรุปผล ... 90
5.2 อภิปรายผล ... 92
5.3 ข้อเสนอแนะ ... 94
บรรณานุกรม ... 96
ฎ
ภาคผนวก... 104
ภาคผนวก ก หนังสือขอความอนุเคราะห์เป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือการวิจัย ... 105
ภาคผนวก ข หนังสือรับรองการอนุมัติจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ... 110
ภาคผนวก ค หนังสือขอความร่วมมือในการวิจัย ... 112
ภาคผนวก ง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ... 115
ภาคผนวก จ โปรแกรมการฝึกโยคะ ... 125
ภาคผนวก ฉ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูล ... 132
ภาคผนวก ช ภาพประกอบการวิจัย ... 138
ประวัติผู้เขียน ... 143
สารบัญตาราง
หน้า ตารางที่ 1 ร้อยละของผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัย เพศ และเขตที่อยู่อาศัยจ าแนกตามการมีผู้ดูแล
ปรนนิบัติในการท ากิจวัตรประจ าวัน พ.ศ. 2550 ... 15 ตารางที่ 2 เปรียบเทียบจ านวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไป ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม .. 84 ตารางที่ 3 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังการทดลอง ภายใน กลุ่มควบคุม (n=43) และกลุ่มทดลอง (n=37) ... 87 ตารางที่ 4 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น ก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ใช้สถิติ Independent t-test ... 88 ตารางที่ 5 เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น ระหว่าง กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ใช้สถิติ Independent t-test ... 88 ตารางที่ 6 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง 4 สัปดาห์ และติดตามหลังการทดลอง 4 สัปดาห์ ภายในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ... 89 ตารางที่ 7 เปรียบเทียบจ านวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไป ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 133 ตารางที่ 8 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังการทดลอง ภายใน กลุ่มควบคุม ... 135 ตารางที่ 9 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ... 136 ตารางที่ 10 เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ยอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น ระหว่าง กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ... 136 ตารางที่ 11 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง 4 สัปดาห์ และติดตามหลังการทดลอง 4 สัปดาห์ ภายในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ... 137
สารบัญภาพประกอบ
หน้า ภาพประกอบ 1 การแสดงการก าหนดซึ่งกันและกันของปัจจัยทางพฤติกรรม (B) สภาพแวดล้อม (E) และส่วนบุคคล (p) ซึ่งได้แก่ ปัญญา ชีวภาพ และสิ่งภายในอื่นๆ ที่มีผลต่อการเรียนรู้และการกระท า
... 50
ภาพประกอบ 2 แสดงความแตกต่างระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองและความดาคหวังผลที่ จะเกิดขึ้น ... 51
ภาพประกอบ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับความคาดหวังผลที่จะ เกิดขึ้น ... 52
ภาพประกอบ 4 กรอบแนวคิดในการวิจัย ... 65
ภาพประกอบ 5 แผนการทดลอง ... 67
ภาพประกอบ 6 ขั้นตอนในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง ... 70
ภาพประกอบ 7 ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ... 77
บทที่ 1 บทน า
1.1 ภูมิหลัง
ตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทยกล่าวไว้ว่าในร่างกายประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้้า ธาตุลม ธาตุไฟ ซึ่งในแต่ละบุคคลจะมีธาตุเด่นเป็นธาตุประจ้าตัว คือ “ธาตุเจ้าเรือน” หมายถึง องค์ประกอบของธาตุทั้ง 4 ที่มีการรวมกันอย่างปกติแต่จะมีธาตุอย่างใดอย่างหนึ่งเด่น หรือมากกว่า ธาตุอื่นๆ ซึ่งจะเป็นบุคลิกลักษณะและอุปนิสัยติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด หากร่างกายเกิดภาวะเสียสมดุล ของธาตุทั้ง 4 บุคคลนั้นจะมีปัญหาด้านสุขภาพเกิดขึ้นโดยอาการเจ็บป่วยที่ปรากฏจะแสดงอาการให้
เห็นตามธาตุต่างๆ เมื่อธาตุดินเสียสมดุลมักจะเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เมื่อธาตุน้้าเสียสมดุลมักจะเจ็บป่วยด้วยเรื่องของของเหลว หรือน้้าภายในร่างกาย เมื่อธาตุลมเสีย สมดุลมักจะเจ็บป่วยด้วยระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบประสาทและเมื่อธาตุไฟเสียสมดุลมักจะ เจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากขบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย (กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย &
และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, 2562)
จากภาวะเสียสมดุลของธาตุที่กล่าวมา จึงเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์โรคทาง การแพทย์แผนไทย หลักการวิเคราะห์โรคทางการแพทย์แผนไทย จึงจะต้องรู้องค์ประกอบของธาตุทั้ง 4 ก่อนว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ภาวะที่ธาตุนั้นปกติจะเป็นอย่างไรและภาวะที่ผิดปกติเป็นอย่างไร จากนั้นจะต้องรู้พฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดโรคหรือเป็นปัจจัยเสริมในการเกิดโรคบ้าง ตลอดจนภูมิ
ประเทศหรือถิ่นฐานที่ผู้ป่วยอยู่อาศัยส่งผลต่อการเกิดโรคหรือความเจ็บป่วยหรือไม่ ดังนั้นการ วิเคราะห์โรคทางการแพทย์แผนไทย จึงประกอบด้วย ธาตุสมุฏฐาน อุตุสมุฏฐาน อายุสมุฏฐาน กาล สมุฏฐาน ประเทศสมุฏฐาน หรือพฤติกรรม (ประพจน์ เกตรากาศ, 2557) ซึ่งในเรื่องของอายุสมุฏฐาน เป็นปัจจัยส้าคัญที่ต้องให้ความส้าคัญ ซึ่งอายุสมุฏฐานแปลว่าอายุเป็นที่ตั้งของการเกิดโรค แบ่งเป็น 3 ช่วงวัย คือ ปฐมวัย มัชฌิมวัย และปัจฉิมวัย ซึ่งปัจฉิมวัย คืออายุตั้งแต่ 32 ปี ไปจนสิ้นอายุขัย ธาตุลม เป็นเจ้าเรือน ถ้าจะให้โทษก็มีก้าลังกว่าสมุฏฐานทั้งหลาย (พินิต ชินสร้อย, 2555) ซึ่งปัจฉิมวัย อยู่
ในช่วงวัยผู้สูงอายุร่วมด้วยจึงจ้าเป็นต้องให้ความส้าคัญในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพ
จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมที่ส้าคัญที่สุดในปัจจุบัน คือ การ เพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ หลายประเทศทั่วโลกก้าลังเผชิญกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของจ้านวน ผู้สูงอายุซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อัตราการเกิดของประชากรทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง ประชากรมี
อายุยืนขึ้น (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2561) จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
2 (WHO) ได้มีการคาดการณ์ว่าจ้านวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีจ้านวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อย ละ 3 ต่อปี ซึ่งในปี พ.ศ.2560 จ้านวนผู้สูงอายุทั่วโลกมีจ้านวนประมาณ 963 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นร้อย ละ 13 ของประชากรทั่วโลก โดยในปี พ.ศ. 2573 คาดว่าจะมีจ้านวนประชากรผู้สูงอายุมากถึง ประมาณ 1.4 พันล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคนในปี พ.ศ. 2593 (WHO, 2017) ทวีปเอเชีย จะมีประชากรสูงวัยมากที่สุดในโลก โดยคาดว่าสัดส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในทวีปเอเชียจะเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นประเทศที่มีประชากรสูงวัยมากที่สุดในโลกและถือเป็น ประเทศแรกๆ ของโลกที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ซึ่งจ้านวนผู้สูงอายุในประเทศไทยมีตัวเลข เทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเป็นอันดับสามในทวีป เอเชียรองมาจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2561) โดยประเทศไทยนั้นได้เข้าใกล้สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ส้านักงานสถิติแห่งชาติได้
คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2559 จ้านวนผู้สูงอายุในไทยจะมีมากถึง 11.3 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 67.66 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.7 ของประชากรทั้งหมด และจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็ม ตัวในปี พ.ศ.2565 และในปี พ.ศ.2573 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 26.9 ของประชากรไทย (ส้านักงานสถิติแห่งชาติ, 2562) โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วน ผู้สูงอายุสูงที่สุดเป็นอันดับสองในอาเซียน และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทย จะก้าวเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (วัชรากรณ์ ชีวโศภิษฐ, 2562)
จากข้อมูลสถิติผู้สูงอายุของประเทศไทย พบว่าปัจจุบันพบว่าจ้านวนผู้สูงอายุในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือพบมากถึง 3.53 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.04 จากประชากรทั้งหมด และพบว่า จังหวัดมหาสารคาม พบว่ามีจ้านวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นล้าดับที่ 23 ของประเทศไทย คิดเป็น ร้อยละ 17.06 จากประชากรทั้งหมด (กรมกิจการผู้สูงอายุ, 2562) และจากข้อมูล HDC จังหวัด มหาสารคาม พบว่าปัจจุบันจังหวัดมหาสารคาม ทั้งหมด 12 อ้าเภอ มีจ้านวนผู้สูงอายุ 144,795 คน และอ้าเภอนาเชือกมีจ้านวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นล้าดับที่ 8 ของจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งมีจ้านวน ผู้สูงอายุถึง 8,724 คน และคาดว่าผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพในผู้สูงอายุ
จึงเป็นสิ่งจ้าเป็น เพื่อช่วยป้องกันการเกิดโรค รักษาเยียวยาให้โรคนั้นบรรเทาลง และเพื่อให้สุขภาพ ผู้สูงอายุดีขึ้น
ผู้สูงอายุเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายก็จะเสื่อมถอยไปตามธรรมชาติ เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น กระดูกเปราะบาง ข้ออักเสบ สายตาพร่ามัว ระบบอวัยวะภายในร่างกายเสื่อมถอย การขับถ่ายไม่ดี เซลล์สมองลดลงเกิด ภาวะหลงลืม จากการส้ารวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทยปี 2556 พบปัญหาด้านสุขภาพของผู้สูงอายุอันดับ แรกคือ ปัญหาด้านสุขภาพ ร้อยละ 58 ป่วยด้วยโรคความดันโลหิต ร้อยละ 41 โรคเบาหวาน ร้อยละ 18 และเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ร้อยละ 9 และยังมีโรคเรื้อรังอื่น (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ
3 ไทย, 2557) ซึ่งในประชากรผู้สูงอายุ ที่มีโรคเรื้อรังหรือมีโรคประจ้าตัวจ้าแนกตามกลุ่มโรค พบว่าโรค ระบบทางเดินอาหารเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุเป็นล้าดับที่ 4 ของกลุ่มโรคที่พบบ่อยที่สุด (ส้านักงานสถิติแห่งชาติ, 2548) ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของผู้สูงอายุโรคเกี่ยวกับระบบ ทางเดินอาหารนั้นเป็นปัญหาส้าคัญเพราะอาจส่งผลท้าให้เกิดอาการและโรคที่รุนแรงตามมาได้ ซึ่ง ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้เกิดจากการเบื่ออาหารมักมีสาเหตุมาจากการเสื่อมลงของอวัยวะต่างๆ ท้าให้
การท้างานของระบบทางเดินอาหารท้าหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของ ผู้สูงอายุซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะการขาดสารอาหารหรือมีภาวะโภชนาการเกิน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของ ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งประกอบด้วย ปัญหาเรื่องฟัน สูญเสียฟัน ฟันสึกกร่อน (พจมาน ศรีนวรัตน์, 2560) ปัญหาเรื่องคอ การท้างานของล้าคอไม่ดีท้าให้กลืนอาหารล้าบาก (ปิยะภัทร เดชพระธรรม, 2556) และปัญหาการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร กระเพาะ และล้าไส้ลดลง กล้ามเนื้อหูรูดในทางเดินอาหารมี
การหย่อน ปิดไม่สนิท เซลล์บริเวณทางเดินอาหารลดลง รวมทั้งน้้าย่อยในการเดินอาหารหลั่งออกมา ลดลง ท้าให้การย่อยอาหารลดลง การเคลื่อนไหวของล้าไส้ลดลง ท้าให้รู้สึกอิ่มเร็วภายหลังการ รับประทานอาหารเข้าไปเพียงเล็กน้อย ส้าหรับอาหารที่ย่อยไม่ได้จะเกิดการสะสมในล้าไส้ ท้าให้เกิด อาการท้องอืด มีแก๊ส แน่นจุกเสียด รวมทั้งท้าให้เกิดปัญหาท้องผูกร่วมด้วย (นวลนภา เอื้อจิตต์, แพร พลอย ฉัตรชัยนพคุณ และศุภะลักษณ์ ฟักค้า, 2545)
จากการศึกษาพบว่ากลุ่มอาการไม่สบายท้องหรือท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย เป็นกลุ่มอาการ ที่พบบ่อยที่สุดในโรคระบบทางเดินอาหารและเป็นปัญหาสุขภาพทั่วโลก โดยแต่ละปีมีประชากรโลก พบว่ามีความชุกของกลุ่มอาการไม่สบายท้องท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย ที่ยังไม่ได้ค้นหาสาเหตุ ร้อยละ 7-45 ในประเทศไทยพบความชุกของกลุ่มอาการไม่สบายท้อง ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย มากกว่า ร้อยละ 50 (นวลนภา เอื้อจิตต์ และคณะ, 2564) ดังนั้นอาการท้องอืด เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
ด้วยกัน ทั้งจากยา อาหารบางอย่าง โรคในระบบทางเดินอาหาร และโรคระบบอื่นๆ ของร่างกาย ประมาณร้อยละ 20-40 ของประชากร สามารถมีอาการของท้องอืดได้เป็นครั้งคราวในเวลา 1 ปี ใน ต่างประเทศผู้ป่วยท้องอืด สามารถตรวจพบสาเหตุของอาการได้ แต่มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยจะหา สาเหตุของอาการไม่พบ ซึ่งเรามักเรียกผู้ป่วยในกลุ่มนี้ว่า Functional dyspepsia อาการท้องอืดเป็น สาเหตุที่ท้าให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ประมาณร้อยละ 7 ของผู้ป่วยทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 50 ของ ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการของระบบทางเดินอาหารในเวชปฏิบัติทั่วไป มักมีอาการเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง อาการทองอืดเฟ้อ สามารถท้าให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลง ต้องหยุดงาน หรือประสิทธิภาพ ในการท้างานแย่ลง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจ้านวนไม่น้อยในแต่ละปี (วโรชา มหาชัย, 2545) หมายถึง กลุ่มอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งมีลักษณะอาการที่ส้าคัญ คือ มีอาการปวด หรืออึดอัดไม่สบายท้องที่บริเวณกลางท้องส่วนบน โดยอาการมักจะสัมพันธ์กับ อาการอื่นๆ ของทางเดินอาหารส่วนบน เช่น อาการแน่นท้อง อิ่มง่ายกว่าปกติ อืดท้อง มีลมในท้อง
4 เรอบ่อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้น จึงไม่ใช่โรคแต่เป็นกลุ่มอาการที่สามารถเกิดจากสาเหตุได้
หลายอย่าง เช่น แผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน หลอดอาหารอักเสบ เป็นต้น (ถนอมพงษ์
เสถียรลัคนา และคณะ, 2562)
ทางการแพทย์แผนไทยไม่ได้กล่าวถึงอาการท้องอืดโดยตรง อาการท้องอืดเป็นอาการที่บ่ง บอกว่ามีธาตุลม โดยเฉพาะลมโกฎฐาสยาวาตาพิการ (ก้าเริบ) อาการที่พบโดยทั่วไปคือ ปวดท้อง จุก เสียดแน่นเฟ้อ จุกอก พะอืดพะอม อาจมีเรอหรือผายลมบ่อย หากเรอหรือผายลมไม่ออก ผู้ป่วยจะ รู้สึกอึดอัดและไม่สบายท้องมากยิ่งขึ้น เหตุที่ท้าให้ธาตุลมก้าเริบหรือพิการ มักเป็นผลจากภาวะธาตุทั้ง 4 เสียสมดุล คือธาตุดิน น้้า ลม ไฟ ธาตุใดธาตุหนึ่งหรือหลายธาตุก้าเริบ หย่อน พิการ ดังกล่าวมา ข้างต้น แล้วส่งผลให้ธาตุลมก้าเริบมากขึ้นเกิดอาการท้องอืดจากพฤติกรรม เช่น การรับประทาน อาหารใหม่ๆ (อุทริยัง) หากเป็นอาหารประเภทที่ย่อยยาก หรือไม่ย่อย อันเนื่องมาจากไฟปริณามัคคี
(ไฟย่อยอาหาร) มีก้าลังไม่พอ ท้าให้ธาตุลมก้าเริบขึ้นจึงท้าให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ หรือในทาง แพทย์แผนไทยวินิจฉัยระบุรหัสกลุ่มโรค ICD10-TM ของโรคและอาการอื่นๆ ในท้องทางแพทย์แผน ไทย รหัส U66.80 ท้องอืด หมายถึง อาการมีลมในกระเพาะอาหารหรือล้าไส้ ท้าให้จุกเสียดแน่นอืด อัดหรือไม่สบายในช่องท้อง และอีกหนึ่งปัจจัยที่ท้าให้มีอาการท้องอืดมักเกิดจากอารมณ์ ผู้ที่มีความ ขัดแย้งทางอารมณ์ เช่น โกรธ วิตกกังวล และเครียด เป็นต้น พบว่าส่งผลท้าให้หลอดเลือดในทางเดิน อาหารหดตัว เกิดการลดปริมาณเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหาร ท้าให้มีกระบวนการย่อยอาหาร ท้างานลดลง (อรอนงค์ ทัพสุวรรณ์, 2559) และอายุ ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีปัญหาในการย่อย อาหาร การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหารท้างานลดลง จึงท้าให้ลดการกระตุ้นการเคลื่อนไหว ของกระเพาะอาหารและล้าไส้ จึงมีโอกาสเกิดอาการท้องอืดสูงขึ้น (อรอนงค์ ทัพสุวรรณ์, 2559) และ สาเหตุปัจจัยที่ท้าให้มีภาวะท้องอืดดังกล่าวนี้ พบว่าจะมีการหลั่งสารในร่างกายท้าให้ระบบประสาท ท้างานมากขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดในทางเดินอาหารหดตัว ลดปริมาณเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดิน อาหารท้าให้มีการท้างานระบบย่อยอาหารท้างานลดลง จึงท้าให้มีอาการท้องอืดเกิดขึ้น (อรอนงค์ ทัพ สุวรรณ์, 2559) ดังนั้นการดูแลสุขภาพในผู้สูงอายุที่เกี่ยวกับโรคในระบบทางเดินอาหารจึงเป็น สิ่งจ้าเป็นที่ต้องได้รับการดูแลและปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยป้องกันการเกิดโรคและรักษาเยียวยาให้
โรคนั้นบรรเทาลง เมื่อร่างกายแข็งแรงย่อมส่งผลต่อสุขภาพจิตดีร่วมด้วย
จากสถานการณ์คลินิกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลนาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัด มหาสารคาม พบผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุที่เข้ามารับบริการมากกว่าร้อยละ 40 มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยมีแนวทางการบ้าบัดอาการท้องอืด ได้แก่ การจัดการอาการท้องอืดโดยใช้ยา (ปราณี ทู้ไพเราะ, 2551) เช่น การใช้ยาขับลม การใช้ยาลดกรด การใช้ยาระบาย ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนไทย (ปฐมพงศ์ ปรุโปร่ง และคณะ, 2562) ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวนั้นมีข้อควรระวังและเกิดผลข้างเคียงเป็น อย่างมากในผู้สูงอายุ และการจัดการอาการท้องอืดโดยไม่ใช้ยา (ปราณี ทู้ไพเราะ, 2551) เช่น การให้
5 ลุกเดิน (ศิริพรรณ ภมรพล, 2559) การนวด (ยงศักดิ์ ต้นติปิฎก, 2552) รับประทานอาหารที่
เหมาะสม ท่ากายบริหาร และท่าโยคะ เพื่อสามารถน้ามาปฏิบัติเสริมสร้างสุขภาพกาย สุขภาพจิตให้
แข็งแรง และบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ (ส้านักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข) โยคะเป็นแนวทางหนึ่งที่เป็นที่นิยมด้านการบริหารร่างกาย และการบ้าบัดทางแพทย์
ทางเลือก ซึ่งเป็นการวิธีปฏิบัติทางด้านจิตใจ ร่างกาย และวิญญาณเข้าด้วยกัน จากการทบทวน วรรณกรรมพบว่าโยคะอาสนะส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร และท้าให้การเคลื่อนไหวของล้าไส้เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังท้าให้สารอาหารถูกดูดซึม และมีการจัดการสารอาหารที่ต้องการเข้าส่วนต่างๆ ของ ร่างกายได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของผู้สูงอายุดังกล่าวมาข้างต้นจึงส่งผลเสีย ต่อระบบย่อยอาหาร และท้าให้ระบบย่อยอาหารส่วนใหญ่ผิดปกติ ดังนั้นโยคะจึงสามารถบ้าบัดได้ดี
ที่สุดเกี่ยวกับปัญหาของระบบย่อยอาหาร (Sneha A. Tayade and Vaishali D. Bhosale, 2017) จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าอาการท้องอืดนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งเกิน หรืออ่อนแอเกินไปและโยคะอาสนะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงตลอดจนเพิ่มความยืดหยุ่นของ กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่เพียงเท่านั้นอาสนะยังเป็นการกดนวดอวัยวะต่างๆ ภายในช่องท้องให้มี
ประสิทธิภาพ ซึ่งไม่พบในระบบการออกก้าลังกายอื่นๆ เลย เพราะการยืด-หดกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ ท่าที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร มีดังนี้ ท่างู ท่า ตั๊กแตน และท่าธนู เป็นต้น การเหยียดกล้ามเนื้อหน้าท้องและเป็นการหดกล้ามเนื้อหลัง ท่าบิดสันหลัง ท่าขับลม ช่วยยืด หด กล้ามเนื้อข้างล้าตัวของช่องท้อง ซึ่งการฝึกอาสนะดังกล่าวแล้วท้าให้การนวด ตามธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังเป็นตัวตรึงให้อวัยวะต่างๆ ในช่องท้องอยู่ตาม ต้าแหน่งของมัน ท้าให้ระบบย่อยอาหารและระบบดูดซึมสารอาหารได้ท้าหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์
(สิริพิมล อัญชลิสังกาศ, 2547)
ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีการน้าท่าโยคะอาสนะ 5 ท่าที่เหมาะ ส้าหรับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ท่าขับลม ท่าบิดเอว ท่าตั๊กแตน ท่าธนู และท่างู ร่วมกับการนวด ซึ่ง เป็นการให้บริการตามปกติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดอาการท้องอืดในผู้สูงอายุที่มารับการรักษาที่
โรงพยาบาลนาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม นอกจากนั้นท่าโยคะทั้ง 5 ท่า มีความ คล้ายคลึงกับท่าโยคะ 16 ท่าส้าหรับดูแลผู้สูงอายุ แต่แตกต่างตรงที่ท่าโยคะ 16 ท่าส้าหรับดูแล ผู้สูงอายุ มีจ้านวนท่าค่อนข้างมาก และยากต่อการจดจ้าของกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้วิจัยจึงได้ลดท่าโยคะลง และลดท่าที่คล้ายกันออก จัดเรียงล้าดับใหม่เพื่อเพิ่มความต่อเนื่องของท่วงท่า จะได้ง่ายต่อการจดจ้า และน้ากลับไปปฏิบัติที่บ้านเพื่อบรรเทาอาการท้องอืด และเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพตนเองได้
6 1.2 ค าถามวิจัย
ผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบ โรงพยาบาลนาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคามได้หรือไม่
1.3 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1.3.1 วัตถุประสงค์ทั่วไป
1.3.1.1 เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลนาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
1.3.2 วัตถุประสงค์เฉพาะ
1.3.2.1 เปรียบเทียบอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง ภายใน กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
1.3.2.2 เปรียบเทียบอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง ระหว่าง กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
1.3.2.3 เปรียบเทียบอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้นก่อนและหลังทดลอง 4 สัปดาห์ และติดตามหลังการทดลอง 4 สัปดาห์ ภายในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
1.4 สมมติฐาน
โปรแกรมโยคะอาสนะสามารถบรรเทาอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น เขตรับผิดชอบ โรงพยาบาลนาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคามได้
1.5 ขอบเขตของการวิจัย
1.5.1 ขอบเขตด้านประชากร ประชากรและกลุ่มตัวอย่างเป็นการศึกษากลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น (อายุระหว่าง 60-69 ปี) ที่มีอาการท้องอืดที่ไม่มีลักษณะอาการเตือนว่าอาจเกิดโรคร้ายแรง
1.5.2 ขอบเขตด้านพื้นที่ เขตพื้นที่อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
1.5.3 ขอบเขตด้านระยะเวลาด้าเนินการ เดือนมกราคม 2564 – เดือนตุลาคม 2564 1.5.4 ขอบเขตด้านเนื้อหาของการศึกษา เป็นการศึกษาผลของโยคะอาสนะ 5 ท่า ได้แก่
ท่าขับลม ท่าบิดเอว ท่าตั๊กแตน ท่าธนู และท่างู ที่มีผลต่อการบรรเทาอาการท้องอืดในกลุ่มผู้สูงอายุวัยต้น
7 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ
1.6.1 ผู้สูงอายุวัยต้น หมายถึง บุคคลที่มีอายุ 60-69 ปี ทั้งชายและหญิง ที่อาศัยอยู่ในเขต พื้นที่อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ในช่วงเดือน มกราคม 2564 – เดือนธันวาคม 2564 โดย เป็นผู้มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และยังท้าคุณประโยชน์ให้แก่สังคมได้
(เจษฎา ชัยเจริญกุล, 2555) หรือทางแพทย์แผนไทยระบุว่าผู้สูงอายุวัยต้น อยู่ในอายุสมุฏฐานในช่วง ปัจฉิมวัย คืออายุตั้งแต่ 32 ปี ไปจนสิ้นอายุขัย ถ้าจะมีโทษในสมุฏฐานอันใดอันหนึ่งก็ดี วาตะเป็นเจ้า เรือน ถ้าจะให้โทษก็มีก้าลังกว่าสมุฏฐานทั้งหลาย (พินิต ชินสร้อย, 2555)
1.6.2 ท้องอืด หมายถึง อาการที่ผู้ป่วยรู้สึกแน่นในท้อง อึดอัด จุก เสียด อาจมีอาการเรอ และผายลมร่วมด้วย ในทางแพทย์แผนไทยจัดเป็นความผิดปกติที่เกิดจาก ลมกองหยาบ บางครั้งเรียก อาการท้องอืดท้องเฟ้อว่าท้องขึ้น ท้องพอง (ทวี เลาหพันธ์, 2558) หรือในทางแพทย์แผนไทยวินิจฉัย ระบุรหัสกลุ่มโรค ICD10-TM ของโรคและอาการอื่นๆ ในท้องทางแพทย์แผนไทย รหัส U66.80 ท้องอืด หมายถึง อาการมีลมในกระเพาะอาหารหรือล้าไส้ ท้าให้จุกเสียดแน่นอืดอัดในช่องท้อง 1.6.3 โยคะอาสนะ หมายถึง ท่าทางหรืออริยบถเฉพาะที่ใช้เพื่อเป็นการเหยียดยืดส่วนของ ร่างกาย แล้วคงตัวนิ่งไว้ เพื่อความนิ่งของร่างกาย เพื่อความสงบของจิต และอาสนะ ซึ่งเป็นท่าการ บริหารร่างกายเพื่อบรรเทาอาการท้องอืดอันเนื่องมาจากอาหารไม่ย่อย รวมถึงเป็นการเตรียมร่างกาย ให้พร้อมที่จะท้ากิจกรรมต่างๆในชีวิตประจ้าวัน (Sneha A. Tayade and Vaishali D. Bhosale, 2017)
1.6.4 ท่าโยคะ 5 ท่า ประกอบด้วย ท่าขับลม ท่าบิดเอว ท่าตั๊กแตน ท่าธนู และท่างู ช่วยกด อวัยวะต่างๆ ภายในช่องท้องท้าให้ระบบย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหารได้ท้าหน้าที่ของมันอย่าง สมบูรณ์ เพื่อสามารถน้ามาปฏิบัติเสริมสร้างสุขภาพกาย สุขภาพจิตให้แข็งแรง และบรรเทาอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ (ส้านักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข)
1.7 ประโยชน์ของการวิจัย
1.7.1 ได้ทราบผลของโปรแกรมโยคะอาสนะต่ออาการท้องอืดในผู้สูงอายุวัยต้น โรงพยาบาล นาเชือก อ้าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
1.7.2 ผู้สูงอายุมีอาการท้องอืดลดลง และสามารถน้าไปส่งเสริมดูแลสุขภาพของตนเองได้
1.7.3 เพื่อลดการใช้ยาและลดการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน
8 1.7.4 ผู้สูงอายุวัยต้นเป็นบุคคลตัวอย่างให้แก่ ญาติ และประชาชนในเขตพื้นที่อ้าเภอนา เชือก จังหวัดมหาสารคาม ได้ทราบถึงการดูแลด้วยท่าโยคะอาสนะว่าสามารถบรรเทาอาการท้องอืด และสามารถน้าไปปฏิบัติตนเองได้ในพื้นที่ของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมได้