หลักเกณฑ์การเขียนต้นฉบับวารสารวิชาการศึกษาศาสตร์
วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มศว จัดทําโดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรี
นครินทรวิโรฒ รับบทความจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย บทความทีเสนอมาเพือตีพิมพ์อาจเขียนเป็น ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ จัดพิมพ์ปีการศึกษาละ 2 ฉบับ คือ มกราคม-มิถุนายน และกรกฎาคม-ธันวาคม ผู้สนใจสามารถส่งต้นฉบับได้โดยตรงทีบรรณาธิการวารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ตามทีอยู่ในฉบับ
นโยบายวารสาร
นโยบายและวัตถุประสงค์การจัดพิมพ์วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ เพือเป็นสือกลางการเผยแพร่
ผลงานทีเป็น บทความวิชาการ และบทความวิจัย ทีแสดงให้เห็นสาระความรู้ใหม่จาการทบทวนวรรณกรรม ระเบียบวิธีวิจัย ผลการวิจัย การสรุปอภิปราย และหรือการนําไปใช้เพือความน่าเชือถือและประโยชน์เชิงวิชาการ ในศาสตร์ของศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ โดยทีบทความดังกล่าวจะต้องไม่เคยเสนอ หรือ กําลังเสนอตีพิมพ์ในวารสารวิชาการใดมาก่อน ผลงานทีได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอาจถูกดัดแปลง แก้ไขรูปแบบและสํานวนตามทีเห็นสมควร ผู้ประสงค์จะนําข้อความใดๆ ไปพิมพ์เผยแพร่ต่อไป ต้องได้รับอนุญาต จากผู้เขียนตามกฎหมายลิขสิทธิ
การเตรียมส่งบทความเพือตีพิมพ์
ผลงานวิจัยทีได้รับพิจารณาตีพิมพ์ต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ พิมพ์ต้นฉบับด้วยกระดาษขาว ขนาด เอ4 หน้าเดียว พิมพ์ด้วยอักษร Cordia New ขนาด 14 pt. ความยาวของต้นฉบับรวมทังตาราง แผนภูมิ
และเอกสารอ้างอิงใช้รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) ไม่
เกิน 15 หน้า พร้อมไฟล์ต้นฉบับ นามสกุล .pdf และ .doc บันทึกลงใน CD หรือส่งมาทาง E-mail : somwan237@gmail.com พร้อมแบบฟอร์มสมัครขอส่งบทความตีพิมพ์ ทังนีหากผู้เขียนบทความเป็นนิสิต
นักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ต้องแนบแบบฟอร์ม การตรวจสอบ และรับรองการเผยแพร่บทความ จากอาจารย์ทีปรึกษาปริญญานิพนธ์หลัก ซึงสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์ม ได้ทีhttp://edu.swu.ac.th/index.
php/2919-2/
รายละเอียดการส่งบทความเพือตีพิมพ์
บทความทีส่งตีพิมพ์ควรมีรายละเอียดดังนี
1. ชือเรือง : กระชับ ชัดเจน ครอบคลุมเนือหาสําคัญ (ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)
2. ชือผู้เขียน : ระบุชือ นามสกุล วุฒิการศึกษาขันสูงสุด ตําแหน่งทางวิชาการ (ถ้ามี) และหน่วยงานที
สังกัดของผู้เขียนครบทุกคน สถานทีทํางาน หรือทีอยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ทีสามารถติดต่อได้ (ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ)
3. ต้องเป็นบทความทีไม่เคยตีพิมพ์ หรือกําลังเสนอตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการทีใดมาก่อน มิฉะนัน จะถือว่าผิดจรรยาบรรณ
4. ผู้เขียนบทความจะต้องดําเนินการปรับแก้ไขบทความตามผลการประเมินของกองบรรณาธิการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิ ของวารสาร อย่างต่อเนืองตลอดกระบวนการในการตีพิมพ์
5. กองบรรณาธิการขอใช้สิทธิในการนําบทความทีตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการศึกษาเผยแพร่ลง เว็บไซต์
วารสารวิชาการทางการศึกษาออนไลน์
6. กองบรรณาธิการจะไม่คืนเงินในกรณีทีบทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ว่ากรณี
ใดๆ เพราะเป็น ค่าตอบแทนการพิจารณาบทความของผู้ทรงคุณวุฒิ
7. เมือผู้เขียนบทความได้ดําเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว กองบรรณาธิการจึงจะออก ใบตอบรับการ ตีพิมพ์และใบสําคัญรับเงินให้กับผู้เขียนบทความ และดําเนินการตามกระบวนการตีพิมพ์ต่อไป
8. ถ้าผู้เขียนบทความไม่ปฏิบัติตามกระบวนการ กองบรรณาธิการสามารถแจ้งยกเลิกการตีพิมพ์
บทความ และจะ ไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมคืน
9. ผู้เขียนบทความจะได้รับวารสารวิชาการ จํานวน 2 เล่ม รูปแบบการเขียนในวารสารวิชาการศึกษาศาสตร์
1) การเขียนบทความวิชาการ มีส่วนประกอบทัวไปดังนี
1. ชือเรือง : กระชับ ชัดเจน ครอบคลุมเนือหาสําคัญ (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 2. ชือผู้เขียนบทความ : ระบุชือ นามสกุล (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
3. ชือทีปรึกษา : ระบุชือ นามสกุล (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
-วุฒิการศึกษาขันสูงสุด ตําแหน่งทางวิชาการ(ถ้ามี) หน่วยงานทีสังกัด และทีอยู่ ของผู้เขียนครบทุกคน (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
4. บทคัดย่อ: (ภาษาไทย) บทคัดย่อต้องมีทังภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เนือหาในบทคัดย่อควรระบุ
วัตถุประสงค์โดยย่อ ผลการวิจัยและบทสรุปโดยย่อ (ไม่เกิน 250 คํา) 5. คําสําคัญ: (ภาษาไทย)
6. บทคัดย่อ: (ภาษาอังกฤษ) (ไม่เกิน 250 คํา) 7. คําสําคัญ: (ภาษาอังกฤษ)
8. บทนํา 9. เนือหา 10. บทสรุป 11. บรรณานุกรม
2) กรณีเป็นบทความวิจัย ควรมีส่วนประกอบทัวไปดังนี
1. ชือเรือง : กระชับ ชัดเจน ครอบคลุมเนือหาสําคัญ (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 2. ชือผู้ทําวิจัย : ระบุชือ นามสกุล (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
3. ชือทีปรึกษา : ระบุชือ นามสกุล (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
- วุฒิการศึกษาขันสูงสุด ตําแหน่งทางวิชาการ(ถ้ามี) หน่วยงานทีสังกัด และทีอยู่ ของผู้เขียนครบทุกคน (ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
4. บทคัดย่อ : (ภาษาไทย) บทคัดย่อต้องมีทังภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เนือหาในบทคัดย่อควรระบุวัตถุประสงค์
โดยย่อ ผลการวิจัยและบทสรุปโดยย่อ (ไม่เกิน 250 คํา) 5. คําสําคัญ : (ภาษาไทย)
6. บทคัดย่อ : (ภาษาอังกฤษ) (ไม่เกิน 250 คํา) 7. คําสําคัญ : (ภาษาอังกฤษ)
8. บทนํา : กล่าวถึงความสําคัญทีมารวมถึงการทบทวนเอกสารงานวิจัยทีเกียวข้อง และวัตถุประสงค์การวิจัย 9. กรอบความคิดในการวิจัย
10. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 11. สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี) 12. วิธีดําเนินการวิจัย
- ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง/กลุ่มเป้าหมาย/กรณีศึกษา (ระบุรายละเอียดของการได้มาและการ สุ่มกลุ่มตัวอย่าง/กลุ่มเป้าหมาย/กรณีศึกษา)
- ตัวแปรทีศึกษา
- วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
- เครืองมือทีใช้ในการวิจัย (ระบุคุณภาพของข้อมูล) - การวิเคราะห์ข้อมูล
13. ผลการวิจัย: เสนอตามวัตถุประสงค์ อาจใช้การเขียนบรรยาย และหรือตารางประกอบ 14. อภิปรายผลการวิจัย
15. ข้อเสนอแนะ (ข้อเสนอแนะในการนําผลการวิจัยไปใช้, ข้อเสนอแนะในการวิจัยครังต่อไป)
16. บรรณานุกรม: การอ้างอิงส่วนท้ายเล่ม โดยการรวบรวมรายการเอกสารทังหมดทีผู้เขียนได้ใช้อ้างอิงในการ เขียนผลงาน ให้จัดเรียงตามลําดับอักษรชือผู้แต่ง โดยใช้รูปแบบการเขียนในเอกสารอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) กรณีเป็นเอกสารอ้างอิงภาษาไทยให้แปลเป็นภาษาอังกฤษและวงเล็บ (In Thai) กํากับไว้ตอนท้าย โดยการอ้างอิงตามรูปแบบบรรณานุกรมของ APA และขอความร่วมมือผู้เขียนบทความ อ้างอิงถึงบทความวารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ ดังนี