การประยุกตใชทฤษฎีเกมสในความนาเชื่อถือของโครงขาย
นาย วิทวัส วองอภิวัฒนกุล ดร.เชาวนดิศ อัศวกุล หองปฏิบัติการวิจัยระบบโทรคมนาคม
1. บทนํา
ความเชื่อถือไดของโครงขายนั้นจัดไดวาเปนเรื่องสําคัญมากโดยสามารถบงบอกไดวาโครงขายนั้นๆจะ สามารถใหบริการไดดีมากนอยเพียงใดโดยที่จะมีผลกระทบตอความพึงพอใจกับผูใชงานโครงขายและกับเจาของ โครงขายเองดวยและในอนาคตยังมีในเรื่องของเทคโนโลยีใหมๆที่จะกาวเขามากลายเปนสวนหนึ่งของชีวิตประจําวัน อีกซึ่งจะมีความเปนระบบที่ยิ่งตองคํานึงถึงความนาเชื่อถือไดมากขึ้นเพราะถาเกิดเมื่อใดที่โครงขายเกิดไมสามารถใชได
ขึ้นมาการติดตอสื่อสารตางๆก็จะมีปญหามากตอการดําเนินการทางธุรกิจและการใชชีวิตประจําวัน
เนื้อหาในสวนนี้เราจะเสนอวิธีการซึ่งสามารถบงชี้วาขายเชื่อมโยง (link) หรือ โหนด (node) ไหน ซึ่งเมื่อ บกพรองแลวจะทําใหสมรรถนะโครงขาย (network performance) นั้นเสียหายมากที่สุด โดยจะสมมุติวาทุก ๆ ขาย เชื่อมโยงนั้นมีราคาอยูสองอยางคือ ราคาแบบธรรมดา (normal cost) เมื่อขายเชื่อมโยงอยูในสภาวะปกติ (normal state) กับราคาแบบบกพรอง (fail cost) เมื่อขายเชื่อมโยงอยูในสภาวะบกพรอง (failure state) ซึ่งทั้งสองแบบนั้นจะ เปนทราฟฟก (traffic) แบบ dependent 2-player แบบไมมีการตกลงกันมากอน เกมที่ผลลัพธไดเปรียบเสียเปรียบ รวมกันเปนศูนย (zero sum game) นั้นจะนํามาใชไดอยางชัดเจนระหวางเราทเตอร (router) เพื่อการหาเสนทางที่มี
คาใชจายต่ําสุด และ network tester จัดการทํา fail หนึ่งขายเชื่อมโยง โดยการใชแผนการของ nash equilibrium ความนาจะเปนในการเลือกขายเชื่อมโยงจะไดผลดีที่สุดสําหรับเราทเตอร และความนาจะเปนของขายเชื่อมโยงบกพรอง จะดีที่สุดสําหรับ network tester การหา equilibrium จะเกี่ยวเนื่องกับการแกปญหาของโปรแกรม เมื่อคาใชจายของ ขายเชื่อมโยงนั้นมีคาคงที่ (not traffic defendence) ปญหา maximin จะถูกแกโดยการใช linear programming โดย จะมีสองรูปแบบของ linear programming ที่จะนํามาใชแบบแรกคือตองระบุเสนทางที่ตองการ แบบที่สองคือ ไมระบุ
เสนทางที่ตองการ
2. Introduction
ความเชื่อถือไดเปนหัวขอหลักที่สําคัญหัวขอหนึ่งใน transport network ผลกระทบของสวนประกอบตาง ๆ (เชน ขายเชื่อมโยง หรือโหนด) ที่เกิดการบกพรองในโครงขายจะสงผลตอสมรรถนะ และจะสงผลตอ network topology และในสวนของแผนการการตัดสินใจของการ routing โดยปกติแลวจะมีการนํา 2 รูปแบบมาใชใน การคํานวณคาความเชื่อถือของ stochastic network [1] คือ
1. connectedness : จากคาความนาจะเปนของโหนดหรือขายเชื่อมโยงที่จะเกิดการบกพรอง การวัด ความนาจะเปนของ network capacity ที่ connectedness โดยจะกลาวไวใน [2][3]
2. capacity : จากคาความนาจะเปนของโหนดหรือขายเชื่อมโยงที่จะเกิดการบกพรอง การวัดความนา จะเปนของ network capacity ซึ่งเพียงพอตอความตองการซึ่งมาจาก [4][5][6]
โดยในหัวขอนี้นี้จะเสนอวิธีการซึ่งจะบงชี้วาขายเชื่อมโยงหรือโหนดไหน ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายแลวจะทํา ใหเกิด network performance ที่แยที่สุด จุด starting point นั้นจะถูกสมมติขึ้นมาวา ทุก ๆ ขายเชื่อมโยงหรือโหนด นั้นมี 2 เวลาหรือคาใชจาย โดยการแทนวาเปน normal state และ failure state นับจากนี้ไปเราจะกลาวถึงเพียง แคคาใชจายเทานั้น โดยการประมาณการแผขยายของโครงขายแลวมันมีทางเปนไปไดที่จะแทนทุกๆโหนดดวย ขายเชื่อมโยง ดังนั้นจากนี้ไปจะมีเพียงคาใชจายของขายเชื่อมโยงและขายเชื่อมโยงบกพรองที่จะกลาวถึง
เกมสที่กลาวถึงนั้นคือการที่พิจารณารวมกันระหวางคา cost path ที่นอยที่สุดสําหรับ router กับ คา cost of trip ของ network tester เมื่อเราพิจารณา Mixed strategy Nash equilibrium ที่จุดที่มี คาความนาจะเปนของการเลือก เสนทางเปนคาที่ดีที่สุดสําหรับ router และคาความนาจะเปนของการที่จะเกิด link failureในขณะเดียวกัน เปนคาที่ดี
ที่สุดสําหรับ network tester เราจะไดวา คา expected trip cost ที่จุดสมดุลนั้นจะเปนคา reliability ของคูตนทางและ ปลายทาง ในขณะที่ คา ความนาจะเปน link failure จะเปนการบอกผลกระทบของการเกิด link failure ตอคา expected trip cost
ในกรณีที่เรากําหนดคา link cost เปนคาคงที่ไมขึ้นกับคา traffic เราจะสามารถพิจารณาคา network reliability ของแตละคูตนทางและปลายทางใดๆ
Mixed strategy Nash equilibrium เปนวิธีการแกปญหา maximin programming โดยเราจะพบวาถาเรา
กําหนดคา link cost เปนคาคงที่ จะสามารถนํา Mixed strategy Nash equilibriumคิดโดยการใช linear programming สองแบบ คือ วิธีแรกใชการนับ path รวมกับ path conservation กับวิธีที่สองคือไมนับ path แตใช
node conservation
3. Game theory
ทฤษฎีเกมสก็คือทฤษฎีที่เกี่ยวของกับการพิจารณาการตัดสินใจวามีผูเลนกี่ฝายและฝายใดจะตัดสิน ใจทําอยางไรโดยในเกมสหนึ่งๆจะกลาวถึงผลไดและผลเสียจากการแขงขัน โดยที่จะตองมีผูเขาแขงขันตั้งแต
2 คนขึ้นไปโดยจะมีผูเลนคนหนึ่งไดประโยชนอีกคนหนึ่งเสียประโยชนหรือถาเลนหลายคนก็จะมีบางสวนที่
ไดประโยชนบางสวนเสียประโยชนหรือไดประโยชนนอยกวา เราสามารถแบงลักษณะของเกมสได 2 ประเภทคือ
1. Non cooperative game theory เปนเกมสที่ผูเขาแขงขันแตละฝายไมไดเจรจาตกลงเงื่อนไขใดๆเอาไว
ดังนั้นผูเลนแตละฝายจะไมมีความสามารถในการรับรูลวงหนาไดเลยวาคูแขงจะเลือกอะไร ผลลัพธที่ได
จึงมาจากการตัดสินใจของผูเลนแตละฝาย ซึ่งผูเลนแตละฝายตางก็ตองการที่จะเลือกใหตนเองไดผลประ โยชนมากที่สุด ดังนั้นในทฤษฎีเกมสวิธีนี้จึงมีการหาวิธีที่จะทําใหผลลัพธเปนที่นาพอใจกับผูเลนทุกๆ ฝายนั่นก็คือการหาจุดที่เทาเทียมกันซึ่งก็คือการหา Nash equilibrium
2. Cooperative game theory เปนเกมสที่ผูเขาแขงขันแตละฝายไดมีการเจรจาตกลงเงื่อนไขเอาไวเพื่อให
ไดผลประโยชนสูงสุดสําหรับผูเลนทั้งสองฝาย โดยจะมีการสัญญารับประกันกันวาผลลัพธที่จะไดจาการ แขงขันจะไมแยไปกวาคาที่ไดทําการตกลงกันไว
โดยผูที่เปนบิดาของทฤษฎีของเกมสก็คือ ฟอน นิวแมน (Von Neumann) กลาววาทฤษฎีของเกมสมีประโยชนมาก ในการแกปญหาเกี่ยวกับขอขัดแยงในเกมส แตวาเกมสที่มีในโลกนี้มีขอตกลงและระเบียบการในการเลนมากมาย ดวยเหตุนี้ทฤษฎีของเกมสจึงไมสามารถจะแกปญหาไดทุกปญหาเวนแตปญหาที่ไดตั้งขอสมมุติฐานไวกอนแลว
3.1 Strategy
แผนการ (strategy) ของผูแขงขันผูหนึ่งผูใดก็คือ กฎที่เขาใชในการตัดสินใจเลือกแผนการอันหนึ่ง จากแผนการทั้งหมดในชุดที่เขามีอยูออกมาทําการแขงขัน กฎที่เขาใชในการตัดสินใจเลือกแผนการอันใดออก มาใชในการแขงขันแตละครั้งนั้น จะไมขึ้นอยูกับการที่เขาสามารถรูลวงหนาวาคูแขงขันจะเลือกใชแผนการ ไหนมาตอบโตเขาในที่นี้จะกลาวถึงเฉพาะแผนการ 2 ประเภท ที่จะใชในการแขงขัน
• แผนการบริสุทธิ์ (pure strategy) ซึ่งก็คือ แผนการหนึ่งในจํานวนแผนการทั้งหมดที่มีอยู ซึ่งผู
แขงขันจะตัดสินใจเลือกแผนการนี้เทานั้นเขาตอสูในการแขงขันทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพราะวา เกมสแขง ขันถาผูแขงขันทุกคนใชแผนการบริสุทธิ์อยางเดียวแลว ผูแขงขันแตละคนจะสามารถรูลวงหนาได
วาจะมีแผนการหนึ่งในจํานวนแผนการทั้งหมดที่เขามีอยู ซึ่งถาเขานําเอาแผนการนี้ออกมาใชทุก ครั้งของการแขงขันแลว คาเฉลี่ยที่เขาจะไดจากการแขงขันหลายๆ ครั้ง (expected value) จะมีคา มากกวาถาเขานําเอาแผนการอันอื่นออกมาใช
• แผนการผสม( mixed strategy ) แผนการผสมนี้ก็คือ แผนการหนึ่งในจํานวนแผนการทั้งหมดที่มี
อยู ซึ่งผูแขงขันจะสามารถนําออกมาใชในการแขงขันแตละครั้งได ก็ตองขึ้นอยูกับการแผกระจาย ความนาจะเปน(probability distribution) ที่กําหนดไวสําหรับแผนการนั้นๆ นั่นคือ ในแผนการ ผสมนั้น ผูแขงขันจะไมใชแผนการเดียวตลอดทุกๆ การแขงขนเหมือนใชแผนการบริสุทธิ์ แตเขาจะ เลือกใชมากกวาหนึ่งแผนการตลอดการแขงขัน สวนจะใชแผนการใดมากแผนการใดนอยก็ขึ้นอยูกับ การแผกระจายความนาจะเปนที่กําหนดไวสําหรับแผนการนั้นๆ
3.2 Maximin and Minimax Criteria
ในการแกทฤษฎีของเกมโดยใชหลักเกณฑแมกซิมินและมินนิแมกซเขามาชวยนี้ จะสมมติวามีผูเลน 2 คนคือ A กับ B จะสมมติวาผูเลน A จะเลือกหลักเกณฑแมกซิมินเขามาชวยในการตัดสินใจวาตนจะเลือก แผนการใดเขาแขงขัน หลักเกณฑแมกซิมินนั้นคือ การหาคาที่มากที่สุดจากผลไดที่นอยที่สุด ( maximize the minimum gain ) สวนผูเลน B จะยึดหลักเกณฑมินนิแมกซเขามาชวยในการตัดสินใจวาจะเลือกแผนการ ใดเขาแขงขัน หลักเกณฑมินนิแมกซก็คือ การหาคาที่นอยที่สุดจากผลเสียที่มากที่สุดของแตละแผนการที่มีอยู
(minimize the maximum loss) ในหลักเกณฑนี้ผูแขงขัน B จะเลือกผลเสียที่มากที่สุดของแตละแผนการ ของตนออกมา แผนการบริสุทธิ์ที่ผูเขาแขงขัน B จะเลือกก็คือแผนการที่ประกันวาตนจะเสียผลประโยชนนอย ที่สุดไมวาคูแขงขัน A จะเลือกแผนการใดออกวาแขงขันซึ่งเราจะแสดงตัวอยางดังรูปที่ 1
รูปที่ 1
4. A network game
จุดประสงคหลักของการใช network game ก็เพื่อการหาขายเชื่อมโยงบกพรอง ซึ่งจะกอใหเกิดความ เสียหายกับสมรรถนะของโครงขายมากที่สุด โดยปญหานี้จะรวมถึงแผนการการเอกเสนทางของ router ดวย แนนอน วาขายเชื่อมโยงที่มีผลกระทบที่มากที่สุดในการเปลี่ยนแปลง network performance จะตองมีความนาจะเปนใน การปกปองที่ต่ํา ๆ ในกรณีของโครงขายนั้นมีคาความทนทานตอการเปลี่ยนแปลงที่ไมมาก ดังนั้นเราจึงตองการที่จะบง ชี้วาขายเชื่อมโยงใดนั้นมีความตองการที่ตองมีคาความนาจะเปนที่เกิดการบกพรองต่ํา เพื่อไดคา reliable performance ตามที่ตองการ
พิจารณารูปแบบเกมสที่สมมติขึ้นดังตอไปนี้
Step 1 : router ทําการหาเสนทางที่มีคาใชจายที่ต่ําที่สุดในโครงขายที่ยังไมมีความเสียหายเกิดขึ้น Step 2 : tester ทําการ fail link ที่ทําใหทําใหเกิดคาใชจายสูงที่สุด
Step 3 : router ทําการหาเสนทางที่มีคาใชจายที่ต่ําที่สุดในโครงขายที่ถูกทําใหเกิดความเสียหายใน ขั้นตอนที่ 2จะตองเปนเสนทางที่แตกตางจากการเลือกครั้งที่ 1
Step 4 : ถาเสนทางที่เลือกในขั้นตอนที่ 3 แตกตางจากการเลือกในครั้งที่ 1 tester จะทําการหาขาย เชื่อมโยงที่ทําใหเกิดคาใชจายสูงสุดอีกครั้ง
Step 5 : ถาขายเชื่อมโยงที่ fail ในขั้นตอนที่ 1 แตกตางจากขายเชื่อมโยงที่ fail ในขั้นตอนที่ 2 router จะทําการหาเสนทางที่มีคาคาใชจายต่ําที่สุด
โดยทั่วไปเกมสนี้จะไมมีที่สิ้นสุด แตในความจริงแลวจะสามารถจบเกมสได ก็จะตองทําหลังขั้นตอนที่ 3 เมื่อจบแลวจะสามารถหา nash equilibrium ได โดยที่สถานะนั้น ผูเลนทั้ง 2 ฝายไมสามารถหาทางเลือกที่ดีกวานั้น ไดอีก
ในการหาวิธีแกปญหาของทุกกรณีนั้น แผนการแบบผสมจะถูกนํามาใช router สามารถที่จะเลือกเสนทาง ไดมากกวา 1 เสนทาง โดยการระบุคาของความนาจะเปนในการเลือกเสนทางนั้นไว ในกรณีเดียวกัน tester สามารถ ที่จะ fail link ไดมากวา 1 ขายเชื่อมโยง โดยการกําหนดคาความนาจะเปนของการ failure โดยเราจะสามารถแสดงได
เพิ่มความไดเปรียบของตนเองโดยการเปลี่ยนคาความนาจะเปนของตนเอง ซึ่งสิ่งนี้จะอางถึงการผสมแผนการของ nash equilibrium ในการทํานั้นเราสามารถใชคาความนาจะเปนที่ไมเปนศูนย โดยกําหนดไวในเสนทางและขายเชื่อมโยง ซึ่งไมมีความตองการที่จะเลือกในการเลนเกมสชวงตน
การผสมแผนการของ nash equilibrium นั้นเปนการแกปญหาเพื่อหาคําตอบในดานของคณิตศาสตร การ หาคาต่ําสุดในคาสูงสุดซึ่งตองใชกระบวนการในการหา ปญหาคาต่ําสุดในคาสูงสุดเปนหัวขอตอไปที่จะใชเมื่อมี
การกําหนดคาใชจายตายตัวและเราจะใชหลักการเทากันของ linear
programming ปญหาหนึ่งของวิธี linear programming จะนํามาใชในการตีความของตัวแปรแบบเดียวและแบบตัว แปร 2 ตัว
5. Linear Programming
การโปรแกรมเชิงเสนตรง (Linear Programming) ก็คือการแกปญหาการหาผลลัพธที่ดีที่สุด โดยมีการ กําหนดคาเงื่อนไขตางๆไวเมื่อนําคาเงื่อนไขเหลานั้นมาเขียนกราฟก็จะสามารถหาจุดที่มีคาผลลัพธที่ดีทีสุด (optimal solution) ไดเชน ถาเราตองการจะหาคากําไรสูงสุดจากการผลิตของ 2 ชิ้น คือ โตะกับเกาอี้ โดยการผลิตทั้ง 2 อยางนั้น มีการใชทรัพยากรการผลิตที่แตกตางกันและเราก็มีทรัพยากรอยูอยางจํากัด และกําไรที่ไดของแตละชนิดก็มีคาแตกตาง กันดวยตามตารางที่ 1 ดังนั้นเราจะทําการแกปญหาดังกลาวโดยใชการโปรแกรมเชิงเสนตรงและหาจุด optimal เพื่อที่จะ ทําใหทราบวาตองผลิตอยางละกี่ตัวจึงจะทําใหไดกําไรสูงสุดดังนี้
UNIT REQUIREMENTS
Resource Table Chair
Amount Available A
B
30 20
5 10
300 110 Unit profit $6 $8
ตารางที่ 1
ดังนั้นเราจะมีสมการเงื่อนไขเปน 30 XT + 20 XC ≤ 300 5 XT + 10 XC ≤ 110 P = 6 XT + 8 XC XT = จํานวนของโตะที่ตองผลิต XC = จํานวนของเกาอี้ที่ตองผลิต P = กําไร
ซึ่งเราตองการที่จะหาคากําไรสูงสุด หรือ maximize P นั่นเอง เมื่อเรานําสมการสองอันแรกมาหาจุดตัดกันก็จะไดคาที่
ทําใหเกิดกําไรสูงสุดนั่นเองเมื่อเรานําสมการของ P มาแทนคาเปนตน
ปญหาของเกมสโดยทั่วไปนั้นบางเกมสก็จะสามารถใชการเขียนกราฟแกปญหาไดแตบางเกมสก็ไมสามารถใช
กราฟได โดยปกติเมตริกซผลตอบแทน (payoff matrix) ของเกมสทั่วไปจะมีขนาด (mxn) คือ A มีแผนการอยู m แผน การ และ B มีแผนการอยู n แผนการ การแกปญหาของเกมสจึงยุงยากซับซอน วิธีที่สามารถนํามาแกปญหาไดก็คือ การ นําเอาโปรแกรมเชิงเสนตรงเขามาชวยหาผลลัพธที่ดีที่สุดของเกมส
ในการนําหลักเกณฑมินนิแมกซเขามาแกปญหาของเกมส เมื่อคูแขงขันทั้งสองฝายตางก็ใชแผนการผสมเขา แขงขัน ในกรณที่ A เลือกแผนการผสมที่ดีที่สุดเขาแขงขัน ดังนี้
∑ ∑ ∑
=
=
=
,
,
Min.
Max
1 3 1
2 1
Xi 1
m i
i i m
i i i m
i i
i X a X a X
a
ภายใตเงื่อนไขขอบขาย (constraints) ที่กําหนดไวมีดังนี้
m i
X
X X
X
i
m
,...., 2 , 1 , 0
1
...
2 1
=
≥
= + + +
6. Mathematical programs
6.1
Notation(
หมายเหตุ)
กําหนดให
p
i ความนาจะเปนที่ขายเชื่อมโยงที่ i ถูกเลือกq
j ความนาจะเปนของเหตุการณบกพรองที่ ji−
c
คาใชจายของขายเชื่อมโยงที่ i ณ สถานะปกติi+
c
คาใชจายของขายเชื่อมโยงที่ i ณ สถานะบกพรองc
ij คาใชจายของขายเชื่อมโยงที่ i ภายใตเหตุการณบกพรองที่ jg
kj คาใชจายของเสนทางที่ k ภายใตเหตุการณที่ jh
k ความนาจะเปนที่เสนทางที่ k ถูกเลือกa
ik มีคาเปน 1 ถาขายเชื่อมโยงที่ i อยูบนเสนทางที่ k และจะเปน 0 ในกรณีอื่น ๆe
ni มีคาเปน 1 ถาขายเชื่อมโยงที่ i เขาสูโนดที่ n จะเปน -1 ถาขายเชื่อมโยงที่ i ออกจากโนด n และเปน 0 ในกรณีอื่น ๆb
n มีคาเปน -1 ถาโนดที่ n เปนโนดตนทาง จะเปน 1 ถาโนดนั้นเปนโนดปลายทาง และจะเปน 0 ใน กรณีอื่น ๆขายเชื่อมโยงเพียงหนึ่งเดียวอาจจะบกพรองที่เวลาหนึ่งเวลาใด ดังนั้นเหตุการณบกพรองแตละเหตุการณ
เหมือนกับขายเชื่อมโยงบกพรองหนึ่งขาย
=
i+ij
c
c
ถาi = j
และจะเทากับc
i− ในกรณีอื่น ๆ=
∑ k ik ki
a h
p
สําหรับทุกขายเชื่อมโยงที่ iหรือที่ระดับของโนดที่
=
∑ i ni in
e p
b
สําหรับทุกโนดที่ nคาใชจายของเสนทางสามารถไดรับโดยการรวมคาใชจายแตละขายเชื่อมโยง ดังนั้น
=
∑i ik ijkj
a c
g
สําหรับทุกเสนทางที่ k และเหตุการณที่ j=
∑ ijp
ic
ijq
jC
6.2
Programming problems with path enumeration(
การแกปญหาดวยวิธีการระบุเสนทาง)
0
:
P
Max (MinC =
∑ijp
ic
ijq
j เทียบกับp
i) เทียบกับq
j นําไปสู∑ j
q
j= 1
≥ 0
q
j สําหรับทุกเหตุการณบกพรองที่ j=
∑ k ik ki
a h
p
สําหรับทุกขายเชื่อมโยงที่ i∑ k
h
k= 1
≥ 0
h
k สําหรับทุกเสนทางที่ kอยางที่ทราบกันวา[8] คาที่ไดจาก optimal mixed strategy สําหรับ router ไดมาจาก linear programming ดังตอไปนี้
1
:
P
Min C เทียบกับh
k นําไปสู∑ k
g
kjh
k− C ≤ 0
สําหรับทุกเหตุการณที่ j∑
khk =1≥ 0
h
k สําหรับทุกเสนทางที่ kคาที่ไดจาก optimal mixed strategy สําหรับ tester ไดมาจาก linear programming ดังตอไปนี้
2
:
P
Max D เทียบกับq
j นําไปสู∑ j
g
kjq
j− D ≥ 0
สําหรับทุกเสนทางที่ k∑ j
q
j= 1
≥ 0
q
j สําหรับทุกเหตุการณบกพรองที่ j6.3
Programming problems without path enumeration(
การแกปญหาดวยการไมระบุเสนทาง)
3
:
P
Min C เทียบกับp
i นําไปสู∑ i
c
ijp
i− C ≤ 0
สําหรับทุกเหตุการณที่ j∑ i
e
nip
i= b
n สําหรับทุกโหนดที่ n≥ 0
p
i สําหรับทุกขายเชื่อมโยงที่ i เราจะแสดงโครงขายตัวอยางดังรูปที่ 2รูปที่ 2
7. สรุป
ความนาเชื่อถือไดของโครงขายนั้นมีความสําคัญมากในหลายดานของการสื่อสารขอมูล โดยในที่นี้จะใหความ นาเชื่อถือไดขึ้นอยูกับการเชื่อมตอหรือความสามารถในการเชื่อมตอ ซึ่งเราจะพิจารณาถึงโครงขายที่มี link ที่เกิดความ เสียหายตอ network มากที่สุด โดยจะสมมติวาแตละ link มีราคา 2 แบบ คือ แบบสถานะปกติ กับสถานะที่เกิดความ เสียหาย โดยจะนําทฤษฎีของเกมสมาใชซึ่งมีผูเลน 2 คน ไมไดรวมมือกัน ผลลัพธรวมเปนศูนย โดยที่ router นั้นจะหา คาราคาเสนทางที่ต่ําที่สุดสวน network tester ก็จะทําการเพิ่มคาราคาเสนทางในการเดินทางโดยทําการ fail 1 link ซึ่งคาราคาที่จุด Nash equilibrium นั้นจะใชในการวัดหาคาความนาเชื่อถือไดของโครงขายในเชิงของการหาเสนทาง
8. เอกสารอางอิง
[1] Senso, B and Sonmis, F (1991) Communication and transportation network reliability using routing Models. IEEE Transactions on Reliability, Vol. 40(1), 29-37
[2] Biechelt, F and Tittman, P (1991) A generalized reduction method for the connectedness probability Of stochastic networks. IEEE Transactions on Reliability, Vol 40(2), 199-203
[3] Elperin, T, Gertsbakh, I and Lomonosov, M (1991) Estimation of network reliability using graph. IEEE Transactions on Reliability, Vol. 46(4), 473-479
[4] Chan, Y, Yim, Eugene, and Marsh, A (1997) Exact and approximate improvement to the throughput of a stochastic network. IEEE Transactions on Reliability, Vol. 46(4), 480-486
[5] Kishimoto, W (1997) Reliability flows with failures in a network. IEEE Transactions on Reliability, Vol. 46(3), 308-315
[6] Rai, S and Soh, Sieteng (1991) A computer approach for reliability evaluation of telecommunication networks with heterogenous link-capacities. IEEE Transactions on Reliability, Vol. 40(4), 441-451 [7] Nash, J F (1951) Non-cooperative games. Annals of Mathematics, Vol. 54, 286-295. evolution models.
IEEE Transactions on Reliability, Vol. 40(5), 573-581
[8] Hillier, F S and Lieberman, G J (1990) Introduction to Operations Research McGraw-Hill : New York
10. กิตติกรรมประกาศ
บทความนี้เปนสวนหนึ่งของรายวิชา 2102790 ELEC ENG SEMINAR ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟา คณะ วิศวกรรมศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ภาคการศึกษาปลาย ปการศึกษา 2545