Keywords : Creative work behavior management, creative transformational leadership, organic organizational structure, information technology management skills, innovation effectiveness, organizational performance. MISS NARUEMON JITUEA: CREATIVE FOOD LABOR MANAGEMENT FOR FOOD PRODUCTS IN THAILAND Thesis Advisor: ASSISTANT VIROJ JADESADALUG, Ph.D.
สารบัญภาพ
บทที่ 1 บทนำ
ขอบเขตด้านเนื้อหา
การบริหารงานแบบยืดหยุ่น และ 2) การออกแบบงานที่หลากหลาย
ขอบเขตด้านระยะเวลา
บทที่ 2
วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
ทฤษฎีฐานความรู้ (Knowledge-Based View: KBV)
ทฤษฎีการบริหารเชิงสถานการณ์ (Contingency Theory)
แนวคิดพฤติกรรมการทำงาน (Working Behavior)
และความต้องการส่วนบุคคลที่มีอยู่ตามทฤษฎี 2 ปัจจัยของ Herzberg และคณะ
แนวคิดพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ (Creative Work Behavior)
Den Hartog (2010) กล่าวว่า พฤติกรรมเชิงนวัตกรรมในการทำงานคือ พฤติกรรมเชิงนวัตกรรมที่ใช้ความคิดริเริ่ม ใช้ทักษะและความรู้ที่คุณมีในตัวเองและองค์ความรู้ ในองค์กรเพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานต่อไป พฤติกรรมที่สร้างนวัตกรรมในการทำงานมี 4 องค์ประกอบ คือ 1) ค้นหาโอกาส (Opportunity Exploration) 2) ริเริ่มความคิด (Idea Generation) 3) สร้างแนวร่วม (Championing) และ 4) การประยุกต์ (Application) และยังมีนักวิจัยบางท่านที่ได้ศึกษาและอธิบายกระบวนการพฤติกรรมเชิงนวัตกรรมในการทำงานที่มีมิติหรือองค์ประกอบที่ละเอียดมากขึ้น แบ่งออกเป็น 5 มิติ ประกอบด้วย 1) การรับรู้ปัญหา (Problem Recognition) , 2) การสร้างความคิด (Idea Generation), 3) การพัฒนา การพัฒนาแนวคิด 4) การค้นหาพันธมิตรเพื่อสนับสนุนแนวคิด (Idea Championing) และ 5) การนำแนวคิดไปใช้ (De Spiegelaere et al., 2012) การศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ขององค์กรขององค์กรการออกแบบ (ที่มา: International Association of Societies ofDesign Research, The Hongkong Polytechnic University, 12 ถึง 15 พฤศจิกายน 2550)
การสร้างความคิดที่แตกต่าง (Creating Different Ideas)
การเปลี่ยนแปลงการทำงานเชิงรุก (Proactive Work Change)
นวัตกรรมที่แท้จริงคือความรู้ด้านทรัพยากรมนุษย์ (Amabile, 2012) แต่ความรู้เฉพาะบุคคลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับองค์กรเสมอไป แต่ต้องประกอบด้วยพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ยังเป็นแรงผลักดันในองค์กร (Cerne et al., 2017) ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Eric et al., 2012) และ 2) กระบวนการสร้างนวัตกรรม (Procesinnovation) คือการประยุกต์ใช้แนวคิดใหม่ๆ ในกระบวนการผลิตและการบริการขององค์กร นวัตกรรมกระบวนการมีอิทธิพลทางอ้อมต่อการนำไปใช้ สินค้าและบริการ (Kristina, 2011)
ศักยภาพของกระบวนการทำงาน (Potential of Work Process)
ความสามารถทางการตลาด (Marketing Capability)
จากการทบทวนวรรณกรรมมีงานวิจัยและผลงานวิชาการที่สรุปการจัดการพฤติกรรม งานสร้างสรรค์เกี่ยวกับประสิทธิผลของนวัตกรรม เช่น Khazanchi, Lewis, & Boyer (2007) พบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อนวัตกรรมในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันนั้นมาจากองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่สนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานสร้างนวัตกรรม รวมถึงสนับสนุนการคิดแบบเปิดกว้าง ยอมรับความคิดใหม่ๆ ให้อิสระในการตัดสินใจ ยอมรับความคิดที่แตกต่างกันการแลกเปลี่ยนความรู้และการจัดการความรู้ (Teresa et al., 2015) ในขณะที่ Stojcic, Hashi และ Orlic (2018) อธิบายว่าความคิดสร้างสรรค์มักถูกเรียกว่าเมล็ดพันธุ์ การวัดผลการปฏิบัติงานขององค์กรมีความสำคัญต่อการจัดการองค์กร ผู้จัดการทำให้ทราบผลการดำเนินงานในอดีตและยังสามารถทำนายอนาคตของธุรกิจได้อีกด้วย การวัดผลการดำเนินงานของธุรกิจมีหลายมิติ บางมิติอาจมีความสำคัญต่อองค์กรหนึ่งแต่อาจไม่สำคัญกับอีกองค์กรหนึ่ง องค์กรอื่นๆ ประสิทธิภาพขององค์กรถูกกำหนดโดยนักวิชาการ เช่น Wadongo และคณะ 2010) ซึ่งกำหนดผลการดำเนินงานของธุรกิจเป็นผลหรือความสำเร็จของผลการดำเนินงานของธุรกิจ ขณะที่ De Clercq, Dimov, & Thongpapanl (2010) อธิบายว่า ผลการดำเนินงาน เป็นผลจากการดำเนินงานขององค์กรในการผลิตสินค้าหรือบริการที่ ตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าเป้าหมาย และ Sandvik & Sandvik (2003) กล่าวว่าผลการดำเนินธุรกิจ นี่คือคุณค่าที่องค์กรมอบให้กับลูกค้า การเติบโตของยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด
ผลการดำเนินงานที่เป็นตัวเงิน (Financial Performance)
ประสิทธิผลของนวัตกรรมนอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นตัวแปรที่ถ่ายทอดระหว่างฝ่ายบริหาร พฤติกรรมงานสร้างสรรค์และประสิทธิภาพขององค์กร และยังพบว่า ประสิทธิผลของนวัตกรรมถือเป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานขององค์กร จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพขององค์กร พบว่านวัตกรรมเป็นสาเหตุสำคัญของความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง เนื่องจากนวัตกรรมเพิ่มระดับประสิทธิภาพขององค์กรเมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรที่ไม่มีนวัตกรรม (Kemp et al., 2003; Weerawardena et al., 2015) เพราะนวัตกรรมถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่การประยุกต์ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศไปจนถึงการสร้างทุนทางปัญญา และเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ ที่นำไปสู่การเกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่ม และส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ การปรับปรุงกระบวนการทำงานต่างๆ นำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ในการสร้างการเติบโตของรายได้ ยอดขาย และผลกำไร และความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ (Thapat Atsri et al., 2018) นอกจากนี้ยังมีการศึกษาและเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้องมากมายที่แสดงให้เห็นว่า การจัดการพฤติกรรมการทำงานสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิผลที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานขององค์กร ของนวัตกรรมทำหน้าที่เป็นตัวแปรในการส่งผ่าน (Rose, Kumar, & Yen, 2006; Pansuppawatt & . Ussahawanitchakit, 2011; De Spiegelaere et al., 2012; Stojcic, Hashi, & Orlic, 2018) ดังนั้นผู้วิจัยและผู้เชื่อมโยงจึงอาศัยความเชื่อมโยงของแนวคิดดังกล่าวตามหลักการของทฤษฎี
การบริหารงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Management)
ความพร้อมของบุคลากรต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ( Personnel Availability to Information Technology)
การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกับงาน (Information Technology Integration with Work)
การสุ่มตัวอย่าง
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
- ตัวแปรแฝงภายนอก (Exogenous Latent Variables) ประกอบด้วย 3 ตัวแปร ได้แก่
- ตัวแปรแฝงภายใน (Endogenous Latent Variables) ประกอบด้วย 3 ตัวแปร ได้แก่
- การวัดตัวแปร
- ประสิทธิผลของนวัตกรรม เป็นการวัดความสามารถในการบรรลุ
- การเปลี่ยนแปลงการทำงาน เชิงรุก (PWC)
- การพัฒนาการเรียนรู้
- บูรณาการความรู้
- ความร่วมมือในการพัฒนา นวัตกรรม (CID)
เป็นการศึกษาโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis : CFA) พร้อมแพ็คเกจทางสถิติ การสำรวจโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรแฝงและตัวแปร โปรดทราบว่าสอดคล้องกับกรอบแนวคิดหรือไม่ และเพื่อยืนยันโครงสร้างความสัมพันธ์ของตัวแปร นี่คือค่าน้ำหนักมาตรฐานของส่วนประกอบ (Standardized Factor Loading) ของตัวแปรที่สังเกตแต่ละตัวจะต้องมีค่า 0.40 หรือสูงกว่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวแปรที่สังเกตนั้นอธิบายตัวแปรแฝงได้ดี (Hair et al., 2010) การศึกษาความถูกต้องของโครงสร้างพบว่าตัวแปรที่สังเกตได้ แต่ละตัวมีค่าน้ำหนักขององค์ประกอบ มาตรฐานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รายละเอียดแสดงในตารางที่ 5
ประสิทธิผลของนวัตกรรม (EOI)
- ศักยภาพของกระบวนการ ทำงาน (PWP)
- ความสามารถทางการตลาด (MC)
ผลการดำเนินงานขององค์การ (OP) 1 ผลการดำเนินงานขององค์การ
โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต (OOS)
- การออกแบบงานที่หลากหลาย (MTD)
ความสามารถทางการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITMC) 1 ความพร้อมทางเทคโนโลยี
- ความพร้อมของบุคลากรต่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ (PAIT)
- การบูรณาการเทคโนโลยี
การเก็บรวบรวมข้อมูล
- การสร้างเครื่องมือวิจัย
- การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือในการวิจัย
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ (Creative Work Behavior Management)
ผลการดำเนินงานขององค์การ (Organizational Performance) OP
ความสามารถในการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Management Capabilities)