การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC
ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง
Development of Learning and Teaching Activities in Thai by Using The CIRC Technique
and Conceptual Drawing To Promote Writing Skills of Prathom Suksa 6 Ban Bang Niang School.
นภสร ศรีรักษา 1, อัญชลี แสงอาวุธ 2, มัทนียา พงศ์สุวรรณ 3
สาขาหลักสูตรและการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี
Napasorn Sriraksa 1, Anchalee Sangarwut 2 , Mattaniya Pongsuwan 3
Major Curriculum and Instruction Suratthani Rajabhat University,Thailand
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนของนักเรียนที่
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด 3) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 6 ก่อนและหลังจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียน แผนผังความคิด 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ประชากร คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงจ านวน 30 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC
ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด จ านวน 10 แผน 2) แบบวัดทักษะการเขียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เรื่อง การเขียนเป็นแบบปรนัยจ านวน 30 ข้อ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่า
ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าประสิทธิภาพ
ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริม ทักษะการเขียนของนักเรียน มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 80.30/80.43 2) ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6 ที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่าง มีนัยส าคัญที่ .01 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค
CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญที่ .01 4) ความพึงพอใจต่อกิจกรรม การเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับ มากที่สุด
ค าส าคัญ แผนการจัดการเรียนรู้ การเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ทักษะการเขียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความพึงพอใจ
Abstract
The objectives of this study were: 1) to develop the learning and teaching activities in Thai by using CIRC technique and mind mapping to meet the criteria of 80/80; 2) to compare the writing skills of students studied with the learning and teaching activities in Thai by using CIRC technique and mind mapping to promote writing skills;3) to compare the learning achievements of students before and after the use of the learning and teaching activities in Thai by using CIRC technique and mind mapping to promote writing skills; and 4) to study the satisfaction of students towards the learning and teaching activities in Thai by using CIRC technique and mind mapping to promote writing skills of Prathomsuksa 6 students studying in semester 2 of academic year 2021 at Ban Bang Niang School. The research
instruments consisted of 1) 10 learning managementplans, 2) a writing skill test, 3) a learning achievement test, 4) a satisfaction questionnaire towards. Data were analyzed by mean, standard deviation, and efficiency index.
The research findings were as follows. 1) The efficiency of the learning management plans using CIRC technique and mind mapping to promote writing skills of the students was E1/E2 = 80.30/80.43 2) The writing skills of the students after studying with the learning management using CIRC technique and mind mapping were higher than before at a statistical significance level of .01.3) The learning achievement of the students after studying with the learning management using CIRC technique and mind mapping washigher than before at a statistical significance level of .01. 4) The satisfaction towards the learning management using CIRC technique and mind mapping was in the highest level.
Keywords: learning and management plan CIRC technique mind mapping writing skill learning achievement satisfaction
ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา
การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 เน้นทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมโดยมีทักษะด้านการอ่าน การเขียน การ คิดค านวณ การคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร การร่วมมือ และ การคิดสร้างสรรค์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 5) ซึ่ง สอดคล้องหลักการจัดการศึกษาตาม มาตรา 22 ที่ว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ,2553) “ทักษะเพื่อการด ารงชีวิตในศตวรรษที่ 21”(21st Century Skills) ประกอบด้วยทักษะ 3R และ 7C ซึ่งผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากการลงมือท า โดยมีครูเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้และ อ านวยความสะดวก (facilitate) จนเกิดการเรียนรู้จากภายในใจและสมองของผู้เรียนเอง (วิจารณ์ พานิช ,2555)
การใช้ภาษาเป็นเครื่องมือส าคัญอย่างหนึ่งที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารและช่วยสร้างสรรค์ความเข้าใจอันดีต่อกัน ของมนุษย์ เป็นสื่อกลางของการรับรู้เพื่อท าให้เกิดความเข้าใจของทุกคนในโลก คนไทยมีภาษาไทยเป็นเครื่องมือส าคัญที่
ใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิด ความต้องการ และความรู้สึก ดังที่
กาญจนา นาคสกุล (2555 : 5) ได้กล่าวถึงความส าคัญของภาษาไทยไว้ว่า “ภาษาไทยเป็นภาษาที่ส าคัญที่สุดของคนไทย ท าให้คนไทยทั้งประเทศสื่อสารเข้าใจกันได้ ศึกษาหาความรู้เพื่อความก้าวหน้าในชีวิตได้เท่าเทียมกันและสร้างความมั่นคง เป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งในสังคมโลกได้”
ทักษะการเขียนมีบทบาทในกระบวนการ การเรียนภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ เพราะเป็นสิ่ง ส าคัญที่จะต้องสื่อสารในชีวิตประจ าวัน เช่นเขียนโต้ตอบ เขียนบันทึก เป็นต้น การเขียน คือ การถ่ายทอดความรู้
ความคิด ความรู้สึก ความต้องการตลอดจนประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เขียนผ่านตัวอักษรไปยังผู้รับสารเพื่อจุดประสงค์ใด จุดประสงค์หนึ่งจึงจ าเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เขียนต้องเรียบเรียงเนื้อหาให้เป็นระบบ ทักษะการเขียนจึงต้องใช้ความนึกคิดว่าจะ เขียนอย่างไรจึงจะถ่ายทอดความหมายได้ตรงกับความคิดของตนเอง (วิไลลักษณ์ แก้วกระจ่าง 2557 : 1)
สภาพปัญหาการเรียน เรื่อง การเขียนจะปรากฏในเรื่องของรูปแบบและการเรียบเรียงภาษา ดังงาน วิจัยของ จุติมา นาควรรณ (2554:2) พบว่า นักเรียนเขียนผิดรูปแบบ แบ่งวรรคไม่ถูกต้อง เรียงค าผิดต าแหน่ง ขาดค าที่จ าเป็นใน ประโยค ใช้ค าไม่ตรงความหมายอีกทั้งยังใช้ภาษาในการเขียนไม่ถูกต้อง ในฐานะที่ผู้วิจัยสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6 พบปัญหาด้านการเขียนซึ่งเห็นได้จากคะแนนเก็บระหว่างเรียน เรื่อง ทักษะการเขียนซึ่งเป็นการประเมินผลจากการ ปฏิบัติจริง พบว่า ค่าเฉลี่ยของทักษะการเขียน ปีการศึกษา 2561 คือร้อยละ 62.37 และปีการศึกษา 2562 คือร้อยละ 61.45 ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนก าหนด คือ ร้อยละ 70 อีกทั้งผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (o-net) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง ปีการศึกษา 2562 ในด้านการ เขียนมีคะแนนเฉลี่ยต่ าสุดคือ 41.72 ซึ่งยังไม่ถึงเป้าหมายที่ทางโรงเรียนก าหนดไว้ คือ ร้อยละ 60 นอกจากนี้ปัญหาการ เรียนวิชาภาษาไทยในปัจจุบัน พบว่า นักเรียนไม่ชอบเรียนเนื้อหาที่ซับซ้อน เข้าใจเนื้อหายาก จ าเนื้อหาปะปนกัน และไม่
สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาที่เรียนจากหัวข้อหลักไปหาหัวข้อย่อยได้ โดยเฉพาะเรื่อง การเขียน อีกทั้งครูสอนแบบบรรยาย
ให้ท่องจ าเนื้อหา ท าแบบฝึกหัดเพียงเล็กน้อยและยังขาดเทคนิค วิธีการสอนที่น่าสนใจ (สรัลยา ชาวนาและมนตรี
อนันตรักษ์,2557 : 99) สอดคล้องกับ สุเจตนี ศรีค า.(2558 :2) กล่าวว่า “การสอนภาษาไทยเรื่อง การเขียน ไม่ประสบ ความส าเร็จเพราะครูส่วนใหญ่จะเน้นการสอนแบบบรรยายให้นักเรียนฟังแล้วท าแบบฝึกหัดเพียงเล็กน้อย ท าให้นักเรียน เกิดความเบื่อหน่าย เข้าใจเนื้อหาช้า และไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาหรือเรียบเรียงเนื้อหาให้เป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้”
จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น การแก้ปัญหาเรื่อง การเขียน ของนักเรียนเป็นหน้าที่ของครูที่ต้องหาวิธีการสอนมา แก้ปัญหาโดยเลือกการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นส าคัญซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกันแต่วิธีหนึ่งที่ท าให้ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสูงขึ้น คือ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เนื่องจากเป็นการจัดการเรียนการสอนที่คละ ความสามารถของผู้เรียนและให้ผู้เรียนท างานเป็นกลุ่ม สมาชิกแต่ละคนจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะเรียนรู้
กระบวนการแก้ปัญหาจากกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับ วัชรา เล่าเรียนดี (2554 : 155) ที่กล่าวว่า การเรียนรู
แบบร่วมมือเป็นแนวคิดการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนได้ร่วมมือกันเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมให้บรรลุผลส าเร็จ ตามจุดหมาย
เทคนิค CIRC คือ เทคนิคที่ใช้ในการการพัฒนาการอ่านและการเขียน โดยให้นักเรียนร่วมมือกันเรียนรู้และฝึก ทักษะต่าง ๆ จนบรรลุวัตถุประสงค์ของการอ่านและการเขียนแต่ละแบบ (วาสนา สวนสีดา,2558 : 76) รูปแบบการเรียน แบบร่วมมือเทคนิค CIRC เป็นการเรียนที่ผู้เรียนได้เรียนร่วมกันเป็นกลุ่มโดยคละความสามารถ วัตถุประสงค์เพื่อการ ท างานร่วมกันเป็นทีมพร้อมฝึกความรับผิดชอบ (Slavin, 1987, อ้างถึงใน ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, 2559 : 193) สอดคล้องกับ (ทิศนา แขมมณี 2560 : 270) ได้กล่าวว่า เทคนิค CIRC เป็นรูปแบบการสอนแบบร่วมมือที่ใช้สอนอ่านและเขียน โดยเฉพาะ นอกจากนี้เทคนิค CIRC สามารถใช้ในการพัฒนาด้านการเขียนให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แล้ว แผนผังความคิดสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสรุปใจความส าคัญหรือเรื่องราว ต่าง ๆ จากการอ่านเนื้อหาหรือการฟัง จากเพื่อน Tony BuZan. (1997) ได้ให้ค านิยามว่า“แผนผังความคิด” เป็นการจัดระบบความรู้ที่มีประสิทธิภาพในการ เชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกันก่อนจะสื่อออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจตามจุดมุ่งหมายของผู้เขียนโดยใช้ค าส าคัญในการ น าเสนอความคิดต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นความคิดหลัก (Main Ideas) และจะให้ความส าคัญกับการแตกกระจายความคิดจาก จุดกลางออกไปเรื่อย ๆ ดังที่ (ทอปัด ทิพย์บุญมี,ชาตรี มณีโกศลและผจงกาญจน์ ภู่วิภาดาวรรธน์,2560 : 76) กล่าวว่า การน าแผนผังความคิดมาใช้ในการสรุปความรู้การวางแผนระดมสมองและใช้กระบวนการกลุ่มท าให้นักเรียนพบแนว ทางการเรียนรู้ในการพัฒนาทักษะการศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช (2554 : 21) กล่าวถึง
ประโยชน์ของแผนผังความคิดว่า ช่วยให้สมองทั้งสองข้างได้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่สมองซีกซ้ายเป็นเรื่อง เกี่ยวกับการเรียงล าดับ การวิเคราะห์ ซีกขวาเป็นเรียนเกี่ยวกับการมองเห็นภาพรวม จินตนาการ สีสัน มิติ
จากข้อมูลและปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นในการจัดการเรียนการสอนด้วยเทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผัง ความคิดจะมีประโยชน์มากมายหากน ามาจัดการเรียนการสอนเรื่อง การเขียน เนื่องจากเป็นกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมมือกันเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มให้บรรลุผลส าเร็จตามจุดมุ่งหมาย ประกอบกับลักษณะพิเศษ ของการเขียนแผนผังความคิดที่สามารถช่วยให้ผู้เรียนสรุปความความรู้จากเนื้อหาหลักเชื่อมโยงไปหาเนื้อหาย่อย ๆ และ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเรียบเรียงเนื้อหาได้ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนสนใจในการเรียนการเขียนที่มีเนื้อหาเยอะยากต่อการ เข้าใจ เรียนแล้วไม่สามารถสรุปความรู้ได้ ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะน าเทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดมา ใช้ในการส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง อ าเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่
ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง
สมมติฐานการวิจัย
1. กิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริม ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากับ 80/80
2. ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้
เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ .01
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียน แผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงของนักเรียนหลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดย ใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด
ขอบเขตการวิจัย 1. ประชากร
ประชากร ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จ านวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 30 คน ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านบางเนียง ต าบลคึกคัก อ าเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
2. ขอบเขตด้านตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
2.1 ตัวแปรต้น (Independent Variable) คือ
กิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด 2.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ
1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงที่จัดกิจกรรม การเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด
2) ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงที่จัดกิจกรรมการเรียน การสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด
3) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง
3. ขอบเขตด้านเนื้อหา
การวิจัยครั้งนี้ใช้เนื้อหาสาระในรายวิชาภาษาไทย สาระที่ 3 เรื่อง การเขียนสื่อสาร การเขียนแผนภาพโครง เรื่องและแผนภาพความคิด การเขียนเรียงความ การเขียนย่อความ การเขียนจดหมายส่วนตัว และการเขียนเรื่องตาม จินตนาการ ตามมาตรฐานการเรียนรู้วิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านบางเนียง โดยมีแผนการจัดการเรียนรู้จ านวน 10 ชั่วโมง ประกอบด้วย
1. เรื่อง การเขียนสื่อสาร(การเขียนค าอวยพร) 2. เรื่อง การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง
3. เรื่อง การเขียนเรียงความ 4. เรื่อง การเขียนเรียงความ
5. เรื่อง การเขียนย่อความ(นิทาน, บทความ) 6. เรื่อง การเขียนย่อความ(จดหมาย, ค าสอน) 7. เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธุระ
8. เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธุระ
9. เรื่อง การเขียนเรื่องตามจิตนาการและสร้างสรรค์
10. เรื่อง การเขียนเรื่องตามจิตนาการและสร้างสรรค์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ผู้วิจัยใช้ในการวิจัยครั้งนี้มี 2 ประเภท คือ
1.เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ คือ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียน โดยใช้
เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด จ านวน 10 แผน 10 ชั่วโมง ผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญเท่ากับ 4.68 มีคุณภาพและความเหมาะสมระดับ มากที่สุด
2.เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล มี 3 แบบ ได้แก่
2.1 แบบวัดทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดย ใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน บ้านบางเนียง มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00
2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความสอดคล้องโดยรวมเท่ากับ 0.81 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .80
2.3 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบาง เนียงมีลักษณะเป็นข้อค าถามตามแบบของลิเคอร์ทเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) มีจ านวน 10 ข้อ มีค่า ดัชนีความสอดคล้อง (I.O.C.) เท่ากับ 0.84 พบว่าข้อค าถามมีความสอดคล้องทั้ง 10 ข้อ
สรุปผลการวิจัย
ผู้วิจัยน าเสนอผลการวิจัยจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามล าดับวัตถุประสงค์การวิจัยดังนี้
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะ การเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงมีประสิทธิภาพ 80.30/80.43
2. ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียน แผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง มีทักษะการเขียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียงหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียนมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากที่สุด
อภิปรายผล
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัย พบประเด็นที่สามารถอภิปรายผล ได้ดังนี้
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่
ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง โดยมีประสิทธิภาพ 80.30/80.43 ซึ่ง สูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ร้อยละ 80/80 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เนื่องจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้ผ่านการศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อให้ทราบ มาตรฐานการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ตัวชี้วัดการวัดและประเมินผลศึกษาวิธีการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตลอดจน ศึกษาเอกสารแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่
ส่งเสริมทักษะการเขียนของผู้เรียน นอกจากนี้แผนการจัดการเรียนรู้ได้ผ่านการประเมินการตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไข ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะน ามาจัดกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับ งานวิจัยของทิพลัดดา นิลผาย,(2560 : 91) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนค า
ควบกล้ าภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมมือเทคนิค CIRC พบว่า ประสิทธิภาพ ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านการอ่านและการเขียนค าควบกล้ าภาษาไทย ของักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้
กระบวนการกลุ่มร่วมมือเทคนิค CIRC มีประสิทธิภาพ 86.51/83.83 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ไฉไล เมืองพระฝาง, (2558 :107) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่ากิจกรรม การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านจับใจความ ส าหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพด้านกระบวนการเท่ากับ 88.70 และประสิทธิภาพผลลัพธ์เท่ากับ 88.59 แสดงว่า กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านจับใจความมี
ประสิทธิภาพเท่ากับ 88.70/88.59 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ คือ 80/80 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฐ กาญจน์ เลิศยะโส, (2553 : 94) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการเขียนความเรียงร้อยแก้วโดยใช้การสอนแบบ ร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับแบบฝึกการเขียนส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ประสิทธิภาพของแผนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ร่วมกับแบบฝึกการเขียน จ านวน 3 แผน มีค่าเท่ากับ 81.13/88.20 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้
2. ทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียน แผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเนียง มีทักษะการเขียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้เนื่องจากการจัดการ เรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนางานเขียนของ ตนเองให้ถูกต้องตามรูปแบบ เป็นระบบขั้นตอนของการเขียนแบบต่าง ๆ เป็นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ประสบการณ์
ออกมาเป็นลายลักอักษรเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน สอดคล้องกับงานวิจัยของ กรุณา ปางวิภาศ, (2556 : 68) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รายวิชาภาษาไทยระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC กับการเรียนการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค SQ4R พบว่า ความสามารถในการเขียนของนักเรียนก่อนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ย คือ (𝑥 = 10.88 , S.D. = 3.72 ) และหลังการ จัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ย คือ (𝑥 = 19.08 , S.D. = 5.07 ) พบว่าค่าเฉลี่ยความสามารถในการเขียนของนักเรียนหลังการ จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับ งานวิจัยของ เพชรรัตน์ ยุรี,(2558 : 77) ได้ท าการวิจัยเรื่องการศึกษาความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC พบว่า ความสามารถด้านการเขียนเชิง สร้างสรรค์ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สูงกว่าการการจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิด ที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบาง เนียงหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ เนื่องจากการ จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ร่วมมือ และช่วยเหลือกัน โดยมีการแบ่งกลุ่มคละความสามารถของผู้เรียน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ตนเองและสมาชิกในกลุ่มประสบความส าเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สอดคล้องกับงานวิจัยของ ผกาวรรณ สุวรรณภู
มานนท์ และวิราวรรณ์ ชาติบุตร, (2560 : 6) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การศึกษาความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์และการ
เขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์และการเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือเทคนิค CIRC พบว่า ก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 19.27 คิดเป็นร้อยละ 48.19 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.94 หลังเรียนเฉลี่ย 30.02 คิดเป็นร้อยละ 75.07ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.75 และมีความก้าวหน้าเฉลี่ย 10.75 คิดเป็น ร้อยละ26.88 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.78 ส่วนความสามารถในการเขียนภาษาไทย พบว่าก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย เท่ากับ8.67 คิดเป็นร้อยละ48.19 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.36 หลังเรียน คะแนนเฉลี่ย 15.32คิดเป็นร้อยละ 76.62 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.68 มีความก้าวหน้า คะแนนเฉลี่ย 6.65 คิดเป็นร้อยละ 33.25ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.51 คะแนนนอกจากนี้การจัดการเรียนรู้ที่มีการใช้แผนผังความคิดเข้ามาช่วยนั้นจะส่งเสริมให้ผู้เรียนท าให้นักเรียนมีระดับ ความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียน แผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียน มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากที่สุด(𝑥 = 4.60 , S.D. = 0.58) ซึ่งเป็นไป ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เนื่องจากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียน เพราะทุกคนจะต้อง ร่วมมือกันในการท างานกลุ่ม สมาชิกมีโอกาสเสนอความคิด ความรู้สึกและความคิดเห็น ซึ่งจะช่วยเสริมให้ผู้เรียนกล้าคิด กล้าท า กล้าแสดงออก ท าให้ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจและซาบซึ้งในน้ าใจของเพื่อนสมาชิกด้วยกันสอดคล้องกับงานวิจัย ของ สาริณี หนูหมาด, (2557 : 66) ได้ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับ การเขียนแผนภาพโครงเรื่องซึ่งอยู่ในระดับ ดีมาก (𝑥 = 4.80 ,S.D. = 0.41 ) และสอดคล้องกับงานวิจัยของ อารยา วิโรจน์,(2562 : 96 ) ได้ท าการวิจัยเรื่อง การพัฒนาการอ่านค ายากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การเรียนรู้
ร่วมมือเทคนิค CIRC ประกอบแบบฝึก พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน ค ายากโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และสอดล้องกับงานวิจัยของ จิราภรณ์ แก้วอรสาร,(2562) ได้ท าการวิจัยเรื่อง ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับ ใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ส าหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับมาก
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการน าผลการวิจัยไปใช้
1. ครูผู้สอนที่จะน ากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผัง ความคิด เพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนไปใช้ควรศึกษาขั้นตอน วิธีการให้เข้าใจ มีการวางแผนก าหนดกิจกรรม ไว้ให้แน่นอนและมีความต่อเนื่อง สม่ าเสมอจึงจะส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเพิ่มขึ้น และท าให้การสอนเกิดประสิทธิผล อย่างแท้จริง
2. ครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ต้องน ากิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้
เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผังความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนควรมีกิจกรรมที่หลากหลายจะท าให้
นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาไทยและสนุกสนาน ไม่เบื่อในการเรียนซึ่งจะส่งผลให้การเรียนของผู้เรียนดีขึ้น ใน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครูควรให้ค าแนะน าดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยกระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงออกโดยครูเป็นผู้
กล่าวน าเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักเรียน
ข้อเสนอแนะส าหรับการท าวิจัยครั้งต่อไป
1.ควรศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผัง ความคิดที่ส่งเสริมทักษะทางภาษาไทยของนักเรียน ในเนื้อหาอื่น ๆ
2. ควรเปรียบเทียบกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC ร่วมกับการเขียนแผนผัง ความคิดที่ส่งเสริมทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับวิธีการสอนอื่น ๆ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ.
กระทรวงศึกษาธิการ.(2553).พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 (ฉบับที่ 3) .กรุงเทพฯ:บริษัทสยาม สปอรต์ ซินดิเคท จ ากัด.
กรุณา ปางวิภาศ. (2556). การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการเขียนของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รายวิชาภาษาไทยระหว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRCกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค SQ4R.
วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน).สงขลา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา.
กาญจนา นาคสกุล.(2555). ภาษาไทย ภาษาธรรม. กรุงเทพฯ : สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย.
จิราภรณ์ แก้วอรสาร. (24 มกราคม 2562). ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เ ท ค นิ ค CIRC ส า ห รั บ นั ก เ รี ย น ชั้ น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ปี ที่ 6 . เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5152.
จุติมา นาควรรณ. (2544). ผลของการสอนเขียนโดยใชเทคนิคระดมสมองและผังความคิดที่มีความสามารถในการเขียน เชิงสร้างสรรคของนักเรียนชนประถมศึกษาปที่ 5. วิทยานิพนธ ค.ม. (ประถมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไฉไล เมืองพระฝาง.(2558).การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถใน การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. การศึกษา มหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์.(2559). 80 นวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. พิมพ์ครั้งที่ 7.นนทบุรี : พีบาลานซ์ดี
ไซด์แอนปริ้นติ้ง .
ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช. (2554). คู่มือการเขียนแผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญระดับประถมศึกษา, กรุงเทพฯ: แม็ค.
ณัฐกาญจน์ เลิศยะโส. (2553) การพัฒนาทักษะการเขียนความเรียงร้อยแก้วโดยใช้การสอนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับแบบฝึกการเขียน ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 . มหาวิทยาลัยศิลปากร :กรุงเทพฯ.
ทิพลัดดา นิลผาย.(2560).การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนค าควบกล้ าภาษาไทยของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมมือเทคนิค CIRC.ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการ เรียนการสอน : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณี.(2560). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ พิมพ์ครั้งที่ 21, กรุงเทพ : ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทอปัด ทิพย์บุญมี,ชาตรี มณีโกศลและผจงกาญจน์ ภู่วิภาดาวรรธน์. (2560).การใช้แผนผังความคิดเพื่อพัฒนา
ความสามารถในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชุมชนบ้านปางหมู
ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการเรียนการสอน : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ผกาวรรณ สุวรรณภูมานนท์ และวิราวรรณ์ ชาติบุตร 15, (กันยายน - ธันวาคม 2560). การศึกษาความสามารถในการ อ่านเชิงวิเคราะห์และการเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือ เทคนิค CIRC. วารสารราชพฤกษ์, pp. 1-9.
เพชรรัตน์ ยุรี. (2558). การศึกษาความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วัชรา เล่าเรียนดี. (2554). รูปแบบและกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด. (พิมพ์ครั้งที่ 7). นครปฐม:
โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
วิไล แก้วกระจ่าง.(2557). การเพิ่มทักษะการเขียนด้วยชุดแบบฝึกโครงเรื่อง. งานกองทุนสนับสนุนการวิจัย : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ.
สรัลยา ชาวนาและมนตรี อนันตรักษ์.(2557).ผลการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของค าโดยการจัดกิจกรรม ด้วย กลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญาโท สาขาหลักสูตรและนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ : มหาวิทยาลัยนครพนม.
สาริณี หนูหมาดและคณะ. (2557). การพัฒนาความสามารถในการเขียนภาษาไทย โดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRCร่วมกับการเขียนแผนภาพโครงเรื่อง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสตูล. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
สุเจตนี ศรีค า.(2558). การพัฒนาบทเรียนส าเร็จรูปแบบมัลติมีเดีย เรื่องชนิดของค า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
อารยา วิโรจน์. (2562). การพัฒนาการอ่านค ายากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ประกอบแบบฝึก. ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการเรียนารสอน: มหาวิทยาลัย ราชภัฏมหาสงคราม.
Buzan, Tony. & Buzan, Barry. (1997). The Mind Map Books : Radiant Thinking. London:BBC.
Slavin, Robert E. (1987 , November). “Cooperative Learning and Cooperative School”
Educational Leadership. 45(3) : 7-13