การปองกันการเกิดของเสียในกระบวนการผลิตชิ้นสวนยานยนต
โดยประยุกตใชเครื่องมือทางดานคุณภาพ
PREVENTION OF DEFECTS IN MANUFACTURING PROCESS OF AUTOMOTIVE PART BY APPLYING QUALITY TOOLS
สุพัฒตรา เกษราพงศ
อาจารยประจําภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยศรีปทุม E-mail : suphattra.ke@spu.ac.th
บทคัดยอ
บทความนี้มีวัตถุประสงคเพื่อปองกันการเกิดของเสียในกระบวนการผลิตชิ้นสวนยานยนตโดยเลือกศึกษา ชิ้นสวน A01 ซึ่งเปนชิ้นสวนหลักและมีของเสียเกิดขึ้นสูงสุดในปจจุบัน งานวิจัยเริ่มจากศึกษากระบวนการผลิต โดยใชแผนภูมิการผลิต (Production Process Chart) และวิเคราะหรายการขอบกพรองที่เกิดขึ้นในแตละ
กระบวนการโดยการระดมสมอง (Brainstorming Technique) ซึ่งอาศัยขอมูลจากอดีตและขอมูลในปจจุบันโดยใช
แผนเก็บขอมูล (Check Sheet) ทําการสํารวจและสัมภาษณพนักงานในสายการผลิต และทําการวิเคราะหสาเหตุ
ของปญหาโดยประยุกตใชผังแสดงเหตุและผล (Cause and Effect Diagram) และเทคนิควิเคราะห Why-Why เพื่อ เลือกสาเหตุหลัก หลังจากนั้นจัดลําดับความสําคัญของสาเหตุเพื่อแกไขโดยประยุกตใชการวิเคราะหขอบกพรอง และผลกระทบของกระบวนการ (Process Failure Mode and Effect Analysis:PFMEA) โดยพิจารณาจากคาลําดับ ความสําคัญของสาเหตุ (Risk Priority Number : RPN) โดยทําการปรับปรุงที่ระดับ RPN สูงกวา 100 ตามสาเหตุ
ของปญหาที่เกิดขึ้น เชน จัดทําระบบ Poka-Yoke จัดทําเอกสารวิธีปฏิบัติงาน เอกสาร Q-Point ปรับเปลี่ยนวิธี
ปฏิบัติงานใหเหมาะสมและอบรมหนาสถานีงาน ผลลัพธจากการปรับปรุงพบวาเปอรเซ็นตของของเสียลดลงจาก เดิมจาก 4.2172% เปน 0.2796% และ 0.0537% ในการปรับปรุงครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ตามลําดับ
คําสําคัญ
: การปองกันของเสีย กระบวนการผลิตชิ้นสวนยานยนต เครื่องมือคุณภาพABSTRACT
The purpose of this paper was to prevent defects in manufacturing process of automotive part by selecting part A01. It is main part of the faculty and brings about the highest defects at present. This research starts from studying production process by using Production Process Chart and analyzing characteristics of defects by Brainstorming technique. We used historical data and studied present data by using Check Sheet to survey and interview with operators in the line production. And then, we analyzed the causes of defects by using Cause and Effect Diagram and Why-Why Analysis to choose root causes. After that, we applied Process Failure Mode and Effect Analysis: PFMEA by considering Risk Priority Number: RPN to improve the causes
การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปการศึกษา 2552 วันที่ 14 สิงหาคม 2552
of defects which have RPN higher than 100 such as making Poka-Yoke system, Work Instruction: WI documents, Q-Point documents, adjusting method of work and on-the-job training. The result of improving showed that after the first and the second improvement, defect ratio reduces from 4.2172% to 0.2796% and 0.0537% respectively.
KEYWORDS
: Prevent defects, Manufacturing process of automotive part, Quality tools1. บทนํา
สภาวะเศรษฐกิจในปจจุบันทําใหอุตสาหกรรมผลิตชิ้นสวนยานยนตในประเทศตองมีการปรับตัวเพื่อเพิ่ม ความสามารถในการแขงขัน โดยเฉพาะการผลิตชิ้นสวนใหมีคุณภาพ เนื่องจากผูผลิตยานยนตหลายๆ บริษัท ตัดสินใจที่จะเลือกผูผลิตชิ้นสวนที่มีคุณภาพโดยกําหนดใหผูผลิตชิ้นสวนตองไดรับการรับรองมาตรฐานระบบ คุณภาพ ISO/TS 16949 เพื่อเปนการสรางความมั่นใจในระบบการทํางานและการควบคุมคุณภาพใหเปนที่เชื่อถือ ในมาตรฐานดังกลาวมีขอกําหนดที่มุงเนนการปองกันไมใหเกิดปญหาของเสีย (David Hoyle, 2005) ดังนั้น บริษัทผูผลิตชิ้นสวนจําเปนที่ตองใหความสําคัญในเรื่องการปองกันของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เพื่อ ไดรับการรับรองมาตรฐาน สงผลทําใหเพิ่มความสามารถในการแขงขันและลดความเสี่ยงที่ทําใหลูกคาเกิดความ ไมพึงพอใจ ทําใหมีงานวิจัยจํานวนมาก เชน วชิราภรณ เศรษฐนันท (2543) กิตติศักดิ์ อนุรักสกุล (2545) และ Andre and Paulo (2008)ใหความสําคัญในเรื่องระบบคุณภาพในอุตสาหกรรมยานยนตโดยประยุกตใชเครื่องมือ ทางดานคุณภาพเพื่อลดของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เหมือนกับงานวิจัยนี้ที่เห็นความสําคัญในเรื่อง การปองกันการเกิดของเสียในการผลิตชิ้นสวนยานยนต เนื่องจากการผลิตของเสียเปนตัวสะทอนขีดความสามารถ และโอกาสทางการแขงขัน งานวิจัยจึงเลือกศึกษากระบวนการผลิตชิ้นสวนของโรงงานกรณีศึกษาแหงหนึ่งที่ทํา การผลิตชิ้นสวนรถยนต ซึ่งปจจุบันประสบกับปญหาดานคุณภาพของชิ้นสวน เนื่องจากมีของเสียเกิดขึ้นใน กระบวนการผลิตเปนปริมาณมาก (สุพัฒตรา เกษราพงศ, 2550)โดยเฉพาะชิ้นสวน A01 พบวามีเปอรเซ็นตของ เสียสูงถึง 4.2172% ดังตาราง1ซึ่งสูงกวาเปาหมายที่ตั้งไว และเมื่อของเสียถึงมือลูกคาทําใหลูกคาลดระดับ ความเชื่อถือ
2. วัตถุประสงคการวิจัย
ประยุกตใชเครื่องมือคุณภาพในการคนหาปญหาและสาเหตุที่ทําใหเกิดของเสีย และทําการปรับปรุงแกไข ตามสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยใชเทคนิคทางวิศวกรรมอุตสาหการเพื่อปองกันการเกิดของเสียในกระบวนการผลิต ชิ้นสวน A01 ของโรงงานกรณีศึกษา
3. วิธีการวิจัย
ขั้นตอนในการวิจัยประกอบดวย 6 ขั้นตอนหลัก คือ กําหนดชิ้นสวนที่ศึกษา ศึกษากระบวนการ วิเคราะห
รายการขอบกพรอง วิเคราะหสาเหตุ จัดลําดับความสําคัญของสาเหตุ และปรับปรุงแกไข 3.1 กําหนดชิ้นสวนที่ทําการศึกษา
การกําหนดชิ้นสวนที่ใชในการศึกษาใชวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยพิจารณาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ เปนชิ้นสวนหลักของโรงงานกรณีศึกษาซึ่งมีการผลิตตอเนื่องและมีปญหาทางดานคุณภาพ คือ
มีเปอรเซ็นตของเสียสูง ดังนั้นจึงเลือกศึกษาชิ้นสวน A01ซึ่งเปนชิ้นสวนโลหะอยูดานลางของรถยนตมีกลองทํา หนาที่ล็อกถังน้ํามัน เมื่อทําการเก็บรวบรวมขอมูลของเสียกอนปรับปรุง โดยใชแผนตรวจสอบ พบวามีเปอรเซ็นต
ของเสียสูงถึง 4.2172% หลังจากนั้นทําการวิเคราะหและจําแนกประเภทของเสียโดยแบงลักษณะของเสียที่เกิดขึ้น ออกเปน 4 ประเภท คือ ของเสียที่ทําใหขนาดของชิ้นงานไมไดมาตรฐาน (Dimension) ของเสียที่ทําใหลักษณะ ภายนอกไมไดมาตรฐาน (Appearance) ของเสียที่ทําใหสูญเสียชิ้นงาน (Wrong Part) และของเสียทําใหชิ้นงาน สูญเสียหนาที่หลัก (Function) ดังตาราง 1
ตาราง 1 ขอมูลปริมาณการผลิตและเปอรเซ็นตของเสียในชวงเดือน มกราคม-ธันวาคม ป พ.ศ.2550
รายการ ปริมาณ (ชิ้น)
ปริมาณการผลิต 280,520 ลักษณะของเสีย ปริมาณของเสีย (ชิ้น)
Dimension 560 Appearance 5,920 Wrong Part 3,360
ปริมาณของเสีย 11,830
Function 1,990 Dimension 0.1996 Appearance 2.1104 Wrong Part 1.1978
% ของเสีย 4.2172 %
Function 0.7094 3.2 ศึกษากระบวนการผลิต
ศึกษากระบวนการผลิตชิ้นสวน A01 โดยใชแผนภูมิกระบวนการผลิต (Branes,R.M.,1980) เพื่อวิเคราะห
ขั้นตอนในการทํางาน และวิเคราะหรายการตรวจสอบคุณภาพในแตละกระบวนการโดยแบงกระบวนการผลิต ออกเปน 5 กระบวนการดังตาราง 2
ตาราง 2 กระบวนการผลิตชิ้นสวน A01 และรายการตรวจสอบคุณภาพในแตละกระบวนการ
กระบวนการ รายการตรวจสอบคุณภาพ
1.Spot Nut M10 รอย Spot โดยใชสายตาตรวจสอบตําแหนงในการ Spotโดยรอย Spot ตองไมมีฟองอากาศ,ไมมีรอย แตก และไมทะลุ และมี Nut M10 จํานวน 2 ตัว
2. Spot Pin-Guide ความสมบูรณที่รอย Spot โดยใชสายตาตรวจสอบตําแหนงในการ Spot โดยรอย Spot ตองไมมี
ฟองอากาศ ไมมีรอยแตก ไมเอียง และไมทะลุ และมี Pin-Guide 1 ตัว
3.ประกอบ Nut M8 รอยการ Tack ชิ้นงานไมควรมีรอยแตกราวหรือเปนรูและตําแหนงการประกอบชิ้นสวนตองถูกตอง และไมเอียง มี Nut M8 จํานวน 3 ตัว
4.ประกอบ Main Assembly Track ชิ้นงานติด การวางชิ้นสวนถูกตองไมเอียง
5.เชื่อม Main Welding ความสมบูรณของแนวเชื่อมไมใหมีฟองอากาศ ไมเกิดรอยแตก แนวเชื่อมไมแหวงเวา
3.3 วิเคราะหรายการขอบกพรอง
ทีมงานซึ่งประกอบดวย ผูจัดการโรงงาน หัวหนาฝายวิศวกรรม หัวหนาฝายผลิต หัวหนาฝายควบคุม คุณภาพ และตัวแทนพนักงานในแตละฝายใชเทคนิคการระดมความคิดและ เทคนิค Why-Why เพื่อกําหนด
การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปการศึกษา 2552 วันที่ 14 สิงหาคม 2552
เปาหมายและขอควรระวังในการปฏิบัติงาน และทําการวิเคราะหขอบกพรองที่เกิดขึ้นของแตละกระบวนการซึ่ง จากหลักการดังกลาวทําใหสรุปขอบกพรองจากการผลิตได 13 ขอบกพรองดังตาราง 3
3.4 วิเคราะหสาเหตุของปญหา
ทําการวิเคราะหหาสาเหตุของปญหาในแตละขอบกพรองที่เกิดขึ้นโดยการระดมความคิดของทีมงานซึ่งได
จากการวิเคราะหขอมูลในอดีตและอาศัยการเก็บขอมูลจากการสังเกตการทํางานของพนักงานและการสัมภาษณ
พนักงานของแตละกระบวนการที่หนาสถานีงานโดยใชแผนตรวจสอบและใชแผนภาพสาเหตุและผล (คะทซยะ โฮโซตานิ, 2547) เพื่อวิเคราะหสาเหตุในแตละขอบกพรองที่เกิดขึ้นโดยแบงสาเหตุหลักและสาเหตุยอย และทํา การประเมินเพื่อหาสาเหตุที่เปนไปไดที่ทําใหเกิดขอบกพรองโดยพิจารณาความเปนไปไดจากสาเหตุหลัก ซึ่งสรุป สาเหตุหลักที่เปนไปไดที่ทําใหเกิดขอบกพรองจาการประเมินของทีมงานดังตาราง 4
ตาราง 3 เปาหมาย ขอควรระวัง รายการขอบกพรองที่เกิดขึ้นในแตละกระบวนการ
กระบวนการ เปาหมาย ขอควรระวังในการปฏิบัติงาน ขอบกพรองที่เกิดขึ้น การปรับตั้งกระแสไฟ Spot Nut M10 เอียง Spot Nut M10 SPOT NUT M10
สังเกตชิ้นงานกอนปฏิบัติงาน Spot Nut M10 กลับดาน Spot Pin-Guide ยึด Pin-Guide เขากับชิ้นงาน ใหสังเกตจุด Mark Spot Pin-Guide เอียง Nut Assembly M8 ประกอบ Nut M8 การปรับตั้งกระแสไฟ ประกอบ Nut M8 เอียง
การปรับตั้งกระแสไฟ Tack ชิ้นงานไมติด Main Assembly ประกอบชิ้นงานเขาดวยกัน
โดยการ Tack การวางตําแหนงชิ้นงาน ประกอบชิ้นสวน เอียง เกิดฟองอากาศในแนวเชื่อม แนวเชื่อมแหวง
แนวเชื่อมไมราบเรียบ การเดินแนวเชื่อม
ความยาวแนวเชื่อมไมไดมาตรฐาน เชื่อมทะลุ
เกิดเม็ดไฟจากการเชื่อม Main Welding เชื่อมชิ้นงาน
การปรับตั้งกระแสไฟ
การซึมลึกของแนวเชื่อม 3.5 จัดลําดับความสําคัญของสาเหตุ
ทําการประเมินความสําคัญของแตละสาเหตุโดยประยุกตใช PFMEA เพื่อประเมินคา RPN ซึ่งเปนตัวเลข แสดงความสําคัญที่เกิดจากผลคูณของความรุนแรงของผลกระทบ โอกาสที่เกิดความลมเหลว และความสามารถ ในการตรวจจับซึ่งมีคาระหวาง 1-1000 (AIAG,B.B, 2001) (Richard,A.H,2001)และ(กิติศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ ,2547) เกณฑที่จะตองแกไขเพื่อปองกันไมใหของเสียเกิดขึ้นโดยตั้งเกณฑที่ RPN สูงกวา 100 ในการแกไข (สุพัฒตรา เกษราพงศ, 2550) ซึ่งเกณฑที่ตั้งไดพิจารณาจากขอกําหนดของลูกคาและพิจารณาจากเกณฑของคูแขง รวมถึงพิจารณาถึงศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยูในองคกรเปนสําคัญ ดังนั้นเมื่อทําการประเมินและคํานวณคา RPN พบวารายการขอบกพรองที่เกิดขึ้นซึ่งมีคา RPN สูงกวา 100 มีทั้งหมด 16 รายการจาก 21 รายการโดยที่คา RPN สูงที่สุดมีคาRPN เทากับ 392 ซึ่งเกิดขึ้นในกระบวนการ Main Welding ดังตาราง 4
วิธีดําเนินการปรับปรุง คา RPN
กระบวนการ ขอบกพรองที่เกิดขึ้น สาเหตุหลัก
ครั้งที่ กอนปรับปรุง หลังปรับปรุง
#1 1. จัดทําใบตรวจสอบ Spot Welding Machine 252 168 Spot Nut เอียง Pin รองรับ Nut สึกหรอ
#2 1. จัดทําเอกสารใบตรวจสอบคุณภาพ 168 72
#1 1. จัดทําฝาปดถาดใส Nut 210 126 Spot Nut Assembly
Spot Nut M10 กลับดาน มีฝุนเกาะที่ชิ้นงาน
#2 1. จัดทําเอกสารใบตรวจสอบคุณภาพ 126 72 Spot Pin Guide Spot Pin Guide เอียง Pin รองรับสึกหรอ - - 84 - Nut Assembly M8
ประกอบ Nut เอียง การตั้งคากระแสไฟสูง #1 1. ใหหัวหนาสายการผลิตปรับคาตามใบ OPD 2. หัวหนาสายการผลิตตรวจสอบชิ้นแรก 3. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
140 70
Tack ชิ้นงานไมติด การตั้งคากระแสไฟต่ํา #1 1. วิธีดําเนินการเหมือนกับการตั้งคากระแสไฟฟาสูง 210 70 การวางชิ้นงานไมชน Stopper #1 1. ติดตั้ง Limit Switch ที่ Stopper 147 7 Main Assembly ประกอบชิ้นสวนเอียง
การ Tack ชิ้นงานดานเดียว #1 1. เปลี่ยนวิธีการ Tack จาก 1 ดาน เปน 2 ดาน 294 49
#1 1. เปดวาลวกอนเชื่อม 10-15 วินาที
2. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
252 108 การไหลของกาซ CO2 ไมตอเนื่อง
#2 1. จัดทําเอกสาร Q-Point 108 72 เกิดฟองอากาศในแนวเชื่อม
การเปดพัดลมแรงเกินไป #1 1. จัดทําที่บังลมดานบนของเครื่องเชื่อม 2. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
252 36 การหยุดเดินแนวเชื่อมบอย #1 1. จัดอบรมพนักงานเรื่องการเดินแนวเชื่อม
2. ใหหัวหนางานเชื่อมทดสอบพนักงานอีกครั้ง 3. จัดทําเอกสาร Q. Point ไวหนาสถานีงาน 4. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
280 96 Main Welding
แนวเชื่อมแหวง
การตั้งคากระแสไฟสูง #2 1. วิธีดําเนินการเหมือนกับการตั้งคากระแสไฟฟาสูง 120 80
การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปการศึกษา 2552 วันที่ 14 สิงหาคม 2552
ตาราง 4 (ตอ)
วิธีดําเนินการปรับปรุง คา RPN
กระบวนการ ขอบกพรองที่เกิดขึ้น สาเหตุหลัก
ครั้งที่ กอนปรับปรุง หลังปรับปรุง
#1 1. จัดอบรมพนักงานเรื่องการเดินแนวเชื่อม 2. ใหหัวหนางานเชื่อมทดสอบพนักงานอีกครั้ง 3. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
392 144 แนวเชื่อมไมราบเรียบ การเดินแนวเชื่อมไมสม่ําเสมอ
#2 1. จัดทําเอกสาร Q-Point 144 96 ความยาวแนวเชื่อมไมไดมาตรฐาน ไมมีการกําหนดตําแหนงระยะเชื่อม #1 1. วัดความยาวแลวทําการ Mark จุด กอนปฏิบัติงาน
2. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
175 70
#1 1. วิธีดําเนินการเหมือนกับการตั้งคากระแสไฟฟาสูง 270 180 การตั้งคากระแสไฟสูง
#2 1. เพิ่มการตรวจสอบในเอกสารใบตรวจสอบคุณภาพ 180 90
#1 1. จัดอบรมพนักงานเรื่องการเดินแนวเชื่อม 2. ใหหัวหนางานเชื่อมทดสอบพนักงานอีกครั้ง 3. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
378 108 เชื่อมทะลุ
การเดินลวดเชื่อมชาเกินไป
#2 1. เพิ่มขอควรระวังในเอกสารวิธีปฏิบัติงาน 108 54 การมีฝุนละอองติดที่ชิ้นงาน #1 1. จัดทําเอกสารวิธีการปฏิบัติงานไวหนาสถานีงาน
2. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
175 60 เกิดเม็ดไฟจากการเชื่อม
การตั้งคากระแสไฟสูง #1 1. ใหหัวหนาสายการผลิตปรับคาตามใบ OPD 2. หัวหนาสายการผลิตตรวจสอบชิ้นแรก 3. จัดทําใบตรวจสอบคุณภาพ
150 50
การเดินลวดเชื่อมเร็วเกินไป - - 90 -
การตั้งคากระแสไฟต่ํา - - 90 -
Main Welding
การซึมลึกแนวเชื่อมไมไดมาตรฐาน
ระยะหางของชิ้นงานไมเหมาะสม - - 60 -
3.6 ทําการปรับปรุงแกไขกรณีที่คา RPN สูงกวา 100
ทําการปรับปรุงเพื่อใหระดับ RPN ต่ํากวาเปาหมายที่ตั้งไว คือ 100 โดยทําการปรับปรุง 2 ครั้ง คือ ครั้งที 1 ปรับปรุง 16 รายการของสาเหตุที่ทําใหคา RPN สูงกวา 100 หลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 พบวามี 6 รายการที่
คา RPN ยังคงสูงกวา 100 ทําการปรับปรุงครั้งที่ 2 ทําใหทุกรายการมีคา RPN ต่ํากวา 100 ซึ่งในการปรับปรุง พิจารณาจากสาเหตุที่เกิดขึ้น เชน จัดทําระบบ Poka-Yoke, จัดทําเอกสารวิธีปฏิบัติงาน,เอกสาร Q-Point ปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติงานใหเหมาะสม,อบรมหนางานซึ่งมีรายละเอียดดังตาราง 4
4. ผลการวิจัย
เมื่อทําการเปรียบเทียบขอมูลของเสียกอนและหลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 พบวาหลังการ ปรับปรุงครั้งที่ 1 ทําการเก็บรวบรวมขอมูลของเสียชวงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ 2551 พบวามีชิ้นสวนเสีย จํานวน 94 ชิ้นจากการผลิตทั้งหมด 33,614 ชิ้น คิดเปนเปอรเซ็นตของเสีย 0.2796 โดยกระบวนการที่มีคา RPN มากกวา 100ซึ่งเปนกระบวนการที่ปรับปรุงมีของเสียเกิดขึ้น 92 ชิ้น และหลังการปรับปรุงครั้งที่ 2 ทําการเก็บ รวบรวมขอมูลของเสียชวงเดือนมีนาคม – เมษายน 2551 พบวาชิ้นสวนเสียจํานวน 22 ชิ้นจากการผลิต ทั้งหมด 41,000 ชิ้น คิดเปนเปอรเซ็นตของเสีย0.0537โดยกระบวนการที่มีคา RPN มากกวา 100 ซึ่งเปนกระบวนการที่
ปรับปรุงมีของเสียเกิดขึ้น 11 ชิ้น รายละเอียด และเมื่อเปรียบเทียบลักษณะของเสียที่เกิดขึ้นออกเปน 4 ประเภท พบวาลักษณะของเสียที่เกิดจากลักษณะภายนอกไมไดมาตรฐาน (Appearance) ลักษณะของเสียที่ทําใหสูญเสีย ชิ้นงาน (Wrong Part) ลักษณะของเสียทําใหชิ้นงานสูญเสียหนาที่หลัก (Function)และและลักษณะของเสียที่ทําให
ขนาดของชิ้นงานไมไดมาตรฐาน (Dimension) เกิดขึ้นมากที่สุดตามลําดับดัง ตาราง 5 และภาพประกอบ 1
ตาราง 5 ขอมูลของเสียกอนและหลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 กอนการปรับปรุง
(ปริมาณการผลิต = 280,520 ชิ้น)
หลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 (ปริมาณการผลิต = 33,614 ชิ้น)
หลังการปรับปรุงครั้งที่ 2 (ปริมาณการผลิต = 41,000 ชิ้น) ลักษณะของเสีย
จํานวนของเสีย % ของเสีย จํานวนของเสีย % ของเสีย จํานวนของเสีย % ของเสีย Dimension 560 0.1996 2 0.0059 2 0.0048 Appearance 5,920 2.1103 23 0.0684 9 0.0219 Wrong Part 3,360 1.1977 44 0.1308 6 0.0146
Function 1,990 0.7093 25 0.0743 5 0.0537
รวม 11,830 4.2172 94 0.2796 22 0.0537
การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุม ปการศึกษา 2552 วันที่ 14 สิงหาคม 2552
0.0000 0.5000 1.0000 1.5000 2.0000 2.5000
Function Wrong Part Appearance Dimension
กอนการปรับปรุง หลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 หลังการปรับปรุงครั้งที่ 2
ภาพประกอบ 1
5. สรุปผลการวิจัย
จากการประยุกตใชเครื่องมือทางดานคุณภาพทําใหสามารถวิเคราะหหาลักษณะขอบกพรองและสาเหตุที่
ทําใหเกิดของเสีย และเมื่อทําการปรับปรุงสาเหตุของปญหาที่เกิดขึ้น เชน จัดทําระบบ Poka-Yoke, จัดทําเอกสาร วิธีปฏิบัติงาน, เอกสาร Q-Point, ปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติงานใหเหมาะสมและอบรมหนาสถานีงาน ผลลัพธจาก การปรับปรุงทําใหเปอรเซ็นตของจํานวนของเสียลดลงจากเดิมจาก 4.2172% เปน 0.2796% และ 0.0537%
ในการปรับปรุงครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ตามลําดับ ซึ่งสอดคลองกับ (วชิราภรณ เศรษฐนันท, 2543) (กิตติศักดิ์
อนุรักสกุล, 2545) และ (Andre and Paulo, 2008) ที่ประยุกตใชเครื่องมือคุณภาพในกระบวนการผลิตชิ้นสวน ยานยนตทําใหสามารถลดของเสียในกระบวนการผลิต
6. กิตติกรรมประกาศ
ผูวิจัยขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยศรีปทุมที่ใหการสนับสนุนทุนวิจัย ขอขอบคุณ รศ.ดร.เสรี เศวตเศรนี
ที่ใหคําปรึกษาที่เปนประโยชนตอการทําวิจัย และขอขอบคุณโรงงานกรณีศึกษาที่อนุเคราะหขอมูล
7. รายการอางอิง
Andre Segismunda, Paulo Augsto Cauchica Miguel, 2008. “Failure mode and effect analysis (FMEA) in the context of risk management in new product development: A case study in an automobile company.”
International Journal of Quality & Reliability Management. 25,9: 899-912.
Barnes, R.M, 1980. Motion and Time Study. 7th ed. New York: John Wiley and Sons.
Chrysler LLC, Ford Motor Company, General Motor Cooperation, 2008. Potential Failure Mode and Effect Analysis (FMEA) Reference Manual. 4th ed. n.p.
David Hoyle, 2005. Automatic Quality System Handbook incorporation ISO/TS 16949 : 2002. Great Britain: Elsevier Butterworth-Heinemann.
Richard A.H., 1999. “How to Get More Out of Your FMEAs.” Quality Digest. 19,6: 40-42.
กิตติศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ, 2551. FMEA การวิเคราะหอาการขัดของและผลกระทบ. พิมพครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร: สมาคมสงเสริมไทยเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุน).
กิตติศักดิ์ อนุรักษสกุล, 2545. “การวิเคราะหและลดของเสียในกระบวนการขึ้นรูปชิ้นสวนโครงรางยานยนต โดย ใชเทคนิค FMEA.” วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
คะทซยะ โฮโซตานิ, 2547. การแกปญหาแบบคิวซี : วิธีการแกปญหาแบบญี่ปุน. แปลโดย วีรพงษ เฉลิมจิระรัตน.
พิมพครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร: สมาคมสงเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุน).
วชิราภรณ เศรษฐนันท, 2542 “การลดชิ้นสวนของเสียในการผลิตชิ้นสวนรถยนต.” วิทยานิพนธปริญญา มหาบัณฑิต ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ บัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
สุพัฒตรา เกษราพงศ, 2550. การประยุกตใชเทคนิค FMEA ในการวิเคราะหและลดของเสียในกระบวนการปม ขึ้นรูปชิ้นสวนโครงเหล็กของรถยนต. รายงานวิจัยทุนสนับสนุนงานวิจัยบุคลากรภายใน 1/2550
มหาวิทยาลัยศรีปทุม.