ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
3) แนวทางส่งเสริมศักยภาพการท างานในภาวะวิกฤต
ค) จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการท างาน
เป็นวิธีการที่หัวหน้างานให้การสนับสนุนพยาบาลวิชาชีพทั้งในส่วนของการจัดหา อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน การจัดหาเครื่องมือ เทคโนโลยี
ต่างๆ ที่ช่วยอ านวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการ ก าจัดขยะที่ถูกต้องตามมาตรฐานของหน่วยงานเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในบริบทสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่
เอื้อต่อการปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย ลดความวิตกกังวลต่อการน าเชื้อโรคกลับไปสู่ครอบครัว ลดการแพร่กระจายเชื้อโรคภายในหน่วยงานภายใต้มาตรฐานการควบคุมก ากับจากหน่วยงาน ควบคุมการติดเชื้อ ดังค ากล่าวที่ว่า
“ส่งเสริมให้ทุกคนมีความรู้ครอบคลุมทั้งเรื่องโรค การป้องกัน การรักษา การฟื้นฟู
สิ่งแวดล้อม เครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ ส่วนประสบการณ์ทุกคนต้องฝึก ต้องปฏิบัติ ส าคัญต้องมี
ความรู้ก่อนไม่งั้นเค้าจะรับผิดชอบไม่ได้ทั้งตัวเองและงาน” (หัวหน้างานคนที่ 2)
“ส่งเสริมให้เค้าเรื่องสิ่งแวดล้อมในที่ท างาน สิ่งแวดล้อมก็หลายด้าน ด้านกายภาพ เช่น อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เครื่องมือต่างๆ เทคโนโลยี ไปจนถึงการก าจัดขยะ ความ สะอาดในที่ท างาน การมีมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้ตัวพยาบาลเค้าท างานได้อย่างปลอดภัย อุปกรณ์
อะไรที่ช่วยน้องได้ก็พยายามหามาช่วยทุ่นแรง” (หัวหน้างานคนที่ 2)
“ท าไปตาม Flow เลยนะ ชินไปแล้ว เพราะมันก็ต่อเนื่องมาซักพักแล้วอ่ะ กลัวลดลง แบบว่าใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกอย่างเต็มที่ ถอดให้ถูกวิธี ล้างมือบ่อยจนมือแห้งแต่แลกกับความ ปลอดภัย” (พยาบาลคนที่ 5)
โรงพยาบาลสนาม หรือการได้รับมอบหมายในการปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เคยท ามาก่อน เพื่อส่งเสริม ความก้าวหน้าทางวิชาชีพแก่พยาบาลผู้ปฏิบัติงาน ด้วยวิธีการ 2 วิธี ดังต่อไปนี้
ก) จัดอบรมให้ความรู้ในภาวะวิกฤต
เป็นวิธีการที่หัวหน้างานจัดอบรมให้ความรู้รวมถึงทักษะการดูแลผู้ป่วย และความรู้
ส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ โดยจัดอบรมการให้ความรู้ทั้งจาก บุคลากรภายในหน่วยงาน และภายนอกหน่วยงานครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎี และทักษะการปฏิบัติ
เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพในฐานะผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิดสามารถ ปฏิบัติงานบนพื้นฐานองค์ความรู้ ปฏิบัติงานด้วยความมั่นใจ มีความปลอดภัยทั้งผู้ปฏิบัติงาน ผู้ป่วยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์การท างานของ บุคลากรในหน่วยงาน ดังค ากล่าวที่ว่า
“ส่งเสริมความรู้ให้น้อง ในแต่ละเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็มีการรีวิวว่าอะไรส่วนไหนที่ดี
แล้วก็ท าต่อ อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงก็วางแผนปรับปรุง ต้องพัฒนาทั้งบุคคลและระบบงาน รวมทั้งส่งอบรมความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติให้พยาบาลท างานอย่างมีองค์ความรู้” (หัวหน้างานคน ที่ 1)
“ส่งเสริมให้ทุกคนมีความรู้ครอบคลุมทั้งเรื่องโรค การป้องกัน การรักษา การฟื้นฟู
สิ่งแวดล้อม เครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ ส่วนประสบการณ์ทุกคนต้องฝึก ต้องปฏิบัติ ส าคัญต้องมี
ความรู้ก่อนไม่งั้นเค้าจะรับผิดชอบไม่ได้ทั้งตัวเองและงาน” (หัวหน้างานคนที่ 2)
“ศึกษาโรค ปรับใช้ในการท างาน มีอะไรอัพเดทก็แชร์กัน เพราะเราท างานด้วยกันก็
ช่วยกันทั้งทีมทั้งเวร” (เพื่อนร่วมงานคนที่ 1)
ข) จัดสรรงานตามศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน
เป็นวิธีการที่หัวหน้างานประเมินศักยภาพการท างานของพยาบาลวิชาชีพแต่ละคน แล้วมอบหมายความรับผิดชอบงานตามระดับคุณวุฒิและวัยวุฒิ มอบหมายหน้าที่ความ รับผิดชอบใหม่ๆ ให้กับพยาบาลวิชาชีพ ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตนเอง มีความก้าวหน้าใน วิชาชีพ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกิดการปรับเปลี่ยนลักษณะการ ท างานของพยาบาลวิชาชีพหลายบทบาท ทั้งการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม หรือการปฏิบัติ
ในหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 การสนับสนุนจากหัวหน้างานใน การจัดสรรงานตามศักยภาพของผู้ปฏิบัติงานช่วยให้เกิดการพัฒนาในวิชาชีพของพยาบาล ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้พยาบาลวิชาชีพต้องมีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็ม ศักยภาพที่ตนเองมีเช่นกัน ดังค ากล่าวที่ว่า
“ส่วนเรื่องไว้วางใจ รับผิดชอบหน้าที่ใหม่ๆ ก็ดูตามความเหมาะสมแต่ละบุคคล ถ้า เค้ามีคุณสมบัติเหมาะสมเราก็ต้องสนับสนุนให้เค้าเติบโตในหน้าที่การงาน ส่งเสริมทักษะใหม่ๆ ให้
มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติ ให้เค้าได้ลอง” (หัวหน้างานคนที่ 1)
“สนับสนุนศักยภาพของแต่ละคน มอบหมายงานที่แต่ละคนได้ท าเต็มที่ แต่ต้องคอย ดูไม่ให้หนักที่คนใดคนหนึ่ง ในแต่ละระดับต้องเวียนกันท าหน้าที่ได้” (หัวหน้างานคนที่ 2)
“พี่เขาก็ให้โอกาสเราเนาะ จริงๆ แล้วถ้าไล่ตามซีเนียร์ เราก็ไม่ได้ซีเนียร์ขนาดที่จะอยู่
ในระดับหัวหน้านะ แล้วคือได้มีโอกาสได้ขึ้นไปลุยงานตรงนั้น บุกเบิกตรงนั้น มันก็เลยท าให้รู้สึก สนุก มั่นใจขึ้น ประมาณนั้น” (พยาบาลคนที่ 4)
“มันเหมือนกับว่าได้รับมอบหมายนะ แล้วเราก็เต็มใจจะไปช่วยนะ แล้วก็เพราะว่า เอาแค่ 1 คนไปช่วยไง ถามว่าท้าทายมั้ย ท้าทาย เพราะไม่เคยเจอเคสแล้วก็ต้องเจอ ตื่นเต้นมั้ย ตื่นเต้นตรงที่ว่ามีน้องค่อนข้างเยอะ พี่เป็นพี่ที่ต้อง manage เอง มีปัญหาพี่ต้องแก้ไขเอง”
(พยาบาลคนที่ 6)
แนวทางการสนับสนุนจากหัวหน้างานผู้ก ากับ ดูแลการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ มี
ส่วนส าคัญในการส่งเสริมความสมดุลด้านการปฏิบัติงาน มีแนวทาง 3 แนวทาง คือ แนวทางการ จัดสรรปริมาณงานตามภาระงานมุ่งเน้นถึงการจัดสรรตารางงานของพยาบาลวิชาชีพ ประกอบด้วย 2 วิธีการ คือ จัดตารางงานตามมาตรฐานอัตราก าลังและเพิ่มความยืดหยุ่นในการ ปรับเปลี่ยนตารางงาน แนวทางสนับสนุนการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นมุ่งเน้นการให้ค าแนะน า ช่วยเหลือและเปิดโอกาสให้พยาบาลวิชาชีพมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 3 วิธีการ คือ ปรับเปลี่ยนวิธีการท างานตามสถานการณ์ สร้างบรรยากาศการท างาน เป็นทีม และจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการท างาน ส่วนแนวทางส่งเสริมศักยภาพการท างานใน
ภาวะวิกฤตมุ่งเน้นการให้ความรู้ ทักษะที่จ าเป็นต่อการดูแลผู้ป่วย ประกอบด้วย 2 วิธีการ คือ จัด อบรมให้ความรู้ในภาวะวิกฤต และจัดสรรงานตามศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน
ในส่วนของเพื่อนร่วมงาน ผู้ที่ปฏิบัติงานร่วมกันตั้งแต่การวางแผนการดูแลผู้ป่วย งาน เอกสารต่างๆ และการปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในแต่ละส่วน ซึ่งแต่ละหน้าที่
เปรียบเสมือนฟันเฟืองในการขับเคลื่อนงาน เมื่อเกิดการเชื่อมต่อกันในแต่ละจุดท าให้บรรลุ
เป้าหมายการท างานส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนด เพื่อนร่วมงานคือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดการปฏิบัติงาน ร่วมกันของพยาบาลวิชาชีพมากที่สุด มีการปรึกษาช่วยเหลือกันทั้งในส่วนของงาน และเรื่อง ส่วนตัวที่สามารถช่วยเหลือได้ โดยเฉพาะการปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโค วิด-19 ที่มีการหมุนเวียนการปฏิบัติหน้าที่แปลกใหม่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน การได้รับ การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานช่วยให้พยาบาลวิชีพเกิดความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งเกิดเป็น 3 แนวทางการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน ได้แก่ การจัดสรรเวลางาน การท างานให้
บรรลุเป้าหมาย และการสร้างสัมพันธภาพ โดยแต่ละแนวทางมีวิธีการดังต่อไปนี้
4.1.2 เพื่อนร่วมงาน