ความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
วิทยานิพนธ์
ของ ธีมาพร เยระบุตร
เสนอต่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย
กรกฎาคม 2562
สงวนลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
วิทยานิพนธ์
ของ ธีมาพร เยระบุตร
เสนอต่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย
กรกฎาคม 2562
สงวนลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
The Masculinity and Social Construction in Thai Novel Named "Roipa"
Teemaporn Yeraboot
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of Requirements for Master of Arts (Thai)
July 2019
Copyright of Mahasarakham University
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ได้พิจารณาวิทยานิพนธ์ของนางสาวธีมาพร เยระบุตร แล้วเห็นสมควรรับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์
(รศ. ดร. นิตยา วรรณกิตร์ )
ประธานกรรมการ
(อ. ดร. กีรติ ธนะไชย )
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
(รศ. ดร. ปฐม หงษ์สุวรรณ )
กรรมการ
(ผศ. ดร. มารศรี สอทิพย์ )
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก
มหาวิทยาลัยอนุมัติให้รับวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
(ผศ. ดร. กนกพร รัตนสุธีระกุล )
คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
(ผศ. ดร. กริสน์ ชัยมูล ) คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
ง
บทคัดย่อ ภาษาไทย
ชื่อเรื่อง ความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ผู้วิจัย ธีมาพร เยระบุตร
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. กีรติ ธนะไชย
ปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา ภาษาไทย มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อย ป่าและภาพความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ผู้วิจัยเลือก ศึกษาวิเคราะห์ตัวละครเอก และตัวละครอื่นๆที่มีลักษณะความเป็นชายที่เด่นชัด โดยศึกษานวนิยาย ไทยเรื่องร้อยป่า เขียนโดย อรชร (ศรี ชัยพฤกษ์) และพันธุ์ บางกอก (สมพันธ์ ปานะถึก) ส านักพิมพ์
ศิลปาบรรณาคาร ภาคแรก ทั้งหมด 12 เล่ม
ผลการศึกษาพบว่าสามารถจ าแนกภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่าได้ 4 ประเด็น ประเด็นแรกคือภาพความเป็นชายจากการตั้งชื่อตัวละคร ซึ่งการตั้งชื่อสามารถบ่งบอกถึง ลักษณะเด่น สถานะทางเพศ และชนชั้นฐานะของตัวละครได้ ประเด็นที่สองคือ ภาพความเป็นชายบ่ง บอกลักษณะนิสัยตัวละคร จะเห็นได้ว่าตัวละครเอกและตัวละครอื่นๆในเรื่องมีลักษณะนิสัยที่แตกต่าง กันออกไป ซึ่งเกิดจากการขัดเกลาทางสังคม เช่น สภาพแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู การปลูกฝัง การศึกษา ค่านิยมทางสังคม เป็นต้น ประเด็นที่สามภาพความเป็นชายจากลักษณะทางกายภาพของ ตัวละคร แสดงให้เห็นความแตกต่างทางกายภาพของตัวละครชาย เช่น ภาพความเป็นชายแบบ แข็งแรงก าย า ภาพความเป็นชายแบบอ่อนแอ และภาพความเป็นชายแบบรูปร่างอรชร ประเด็นที่สี่
ภาพความเป็นชายกับความเชื่อ ค่านิยม และบทบาททางสังคมของตัวละคร เช่น ภาพความเป็นชาย กับความเชื่อเรื่องการสัก ภาพความเป็นชายกับค่านิยมการดื่มสุรา ภาพความเป็นชายกับความเชื่อ เรื่องการบวชเรียน และภาพความเป็นชายกับบทบาทการเป็นข้าราชการ
นอกจากนี้ ในส่วนของภาพความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยาย ไทยเรื่องร้อยป่า ผู้วิจัยได้จ าแนกเป็น 3 ประเด็น ประเด็นแรกคือ การประกอบสร้างความเป็นชาย ผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครชายกับตัวละครอื่น แบ่งเป็นความสัมพันธ์ 2 รูปแบบคือ 1) ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครชายกับตัวละครหญิง 2) ความสัมพันธ์ของตัวละครชายกับตัวละครชาย ประเด็นที่สองคือ การประกอบสร้างความเป็นชายผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครกับพื้นที่ โดยแบ่ง
จ
ออกเป็นสองพื้นที่คือ พื้นที่ป่าไม้: พื้นที่แห่งการประกอบสร้างความเป็นชายแบบวีรบุรุษ และ พื้นที่
เมือง: พื้นที่แห่งศักดิ์ศรี อ านาจ และการแบ่งชั้นทางสังคม ประเด็นที่สามคือ ประกอบสร้างสังคม อุดมการณ์ในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ซึ่งตัวบทได้น าเสนอให้เห็นวิถีชีวิตและสภาพสังคมแห่งความ หลากหลายทางอุดมการณ์ คือ อุดมการณ์ชายเป็นใหญ่ อุดมการณ์ชาตินิยม อุดมการณ์พุทธศาสนา อุดมการณ์การศึกษา
จากการวิเคราะห์ในประเด็นที่กล่าวมาผู้วิจัยพบว่า นวนิยายไทยเรื่องร้อยป่าสะท้อนให้
เห็นมุมมองเพศสภาพที่มีความหลากหลาย และเชื่อว่าความเป็นชายไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
หากแต่เกิดจากการขัดเกลาของกระบวนการทางสังคม อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นการประกอบสร้าง ความเป็นสังคมแห่งอุดมการณ์ที่มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ และ ค่านิยมของคนในสังคมแต่ละยุคสมัย
ค าส าคัญ : เพศสภาพ, ความเป็นชาย, การประกอบสร้างทางสังคม, ตัวละคร, นวนิยายไทยเรื่องร้อย ป่า
ฉ
บทคัดย่อ ภาษาอังกฤษ
TITLE The Masculinity and Social Construction in Thai Novel Named
"Roipa"
AUTHOR Teemaporn Yeraboot
ADVISORS Keerati Dhanachai , Ph.D.
DEGREE Master of Arts MAJOR Thai
UNIVERSITY Mahasarakham University
YEAR 2019
ABSTRACT
This thesis is aimed to study 1) the masculinity images in Thai novel named “Roi Pa” 2) study the masculinity images and social construction in Thai novel named “Roi Pa” by studying and analyzing the main characters and other characters who have the outstanding masculinity characteristics. The researcher chose to study Thai novel named “Roi Pa” was written by Aorachon (Sri Chaipreuk) and Pan Bangkok (Sompan Panateuk), Sillapabannakan publisher, part I, total 12 volumns.
The results found that there can be classified the masculinity images in Thai novel named “Roi Pa” into 4 points. The first point is the masculinity images by naming character which naming can indicate the outstanding characteristic, secondary sex characteristic, and social class of the character. The second point is the masculinity images indicate the character’s characteristic. It was found that the main characters and other characters in this novel have the different characteristics originated from socialization such as environment, nurturing, cultivation, education, social values, etc. The third point is the masculinity images from character’s physical appearance showing the physical difference of male character such as strong masculinity images, weak masculinity images, and slender shape masculinity images.
The fourth point is the masculinity images, belief, values and social role of the characters such as the masculinity images and the belief of tattoo, the masculinity images and values of drinking alcohol, the masculinity images and belief of
ช
ordination, the masculinity images and the role of civil servants.
Furthermore, the masculinity images and social construction in Thai novel named “Roi Pa” can be separated into 3 points. First, the social construction of masculinity via the relationship between male character and other characters can be divided into 2 types: 1) the relationship between male and female character. 2) the relationship between two male characters. Second, the social construction of masculinity via the relationship between character and area are divided into 2 areas:
1) Forest area: the area for the social construction of masculinity as hero style. 2) City area: the area for honor, power and social class. Third, the social construction of ideology in Thai novel named “Roi Pa” which the story presents the lifestyle and social environment with the diversity of ideologies is patriarchy, nationalism, Buddhism, and educationism.
From the above mentioned points, it was found that Thai novel named
“Roi Pa” reflects the viewpoint of gender diversity and believes that the masculinity was not naturally happened but originated from socialization. It also reflects the social construction of ideology diversity depends on thought, belief, attitude, and values of people in society of each generation.
Keyword : Gender, Masculinity, Social construction, Character, Thai novel named "Roi pa"
ซ
กิตติกรรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ส าเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณายิ่งของอาจารย์ ดร.กีรติ ธนะไชย อาจารย์
ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ผู้วิจัยรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตากรุณาของครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ แก่
ผู้วิจัยนับตั้งแต่ปริญญาตรีจนถึงปริญญาโท คอยให้ค าปรึกษา ค าแนะน าและข้อคิดเห็นหลายอย่างอัน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการท าวิจัย คอยให้ก าลังใจ อบรมปลูกฝังสิ่งที่ดีงาม และแนะน าแนวทางที่ถูกที่
ควรให้แก่ศิษย์เสมอมา ผู้วิจัยจึงขอกราบขอบพระคุณด้วยความเคารพรักอย่างสูง
ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณรศ.ดร.ปฐม หงษ์สุวรรณ รศ.ดร.ธัญญา สังขพันธานนท์ ที่คอยให้
ค าปรึกษาและติดตามถามไถ่ถึงความก้าวหน้าของงานวิจัยอยู่เสมอ ขอขอบพระคุณผศ.ดร.ราชันย์
นิลวรรณาภา และ รศ.ดร.นิตยา วรรณกิตร์ รศ.ดร.ธนานันท์ ตรงดี อาจารย์ ดร.โสภี อุ่นทะยา อาจารย์
ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ให้เกียรติสละเวลาอันมีค่ามาให้ค าแนะน าปรึกษาในการน าเสนอรายงานความก้าวหน้า เพื่อปรับแก้และการพัฒนางานวิจัย ซึ่งผู้วิจัยสามารถน ามาปรับปรุงแก้ไขโดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอย ก ากับดูแลเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ด้านวรรณกรรม และวรรณคดีแก่ผู้วิจัยทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ขอขอบคุณคุณครูรินทร์ลภัส สืบสิมมา และ นางสาวพรพิมล เพ็งประภา ผู้เป็นก าลังใจที่ดี คอยให้ค าแนะน า คอยช่วยเหลือในการท าวิจัยครั้งนี้
ขอบคุณอาจารย์บรรจง บุรินประโคน พี่ชายผู้คอยให้ค าปรึกษาและค าแนะน าทั้งในด้านวิชาการและการ ด าเนินชีวิต ขอบคุณเพื่อนนิสิตปริญญาโทร่วมรุ่นทั้ง 12 ท่าน ที่คอยร่วมทุกร่วมสุขกันมาตั้งแต่วันแรก จวบจนวันที่ท าวิทยานิพนธ์ส าเร็จลุล่วง ขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆที่คอยให้ก าลังใจเสมอมา
ท้ายที่สุดนี้ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อยรรยงค์ เยระบุตร และคุณแม่วนิดา เยระบุตร ผู้
คอยมอบความรักและความเมตตาแก่ลูก ให้การสนับสนุนทั้งแรงกายแรงใจและคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง อย่างสุดความสามารถ ท าให้ผู้วิจัยสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในการท าวิทยานิพนธ์ในระดับมหาบัณฑิตครั้ง นี้จนส าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีจากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้วิจัยขอมอบเป็นเครื่องสักการะบูชา พระคุณบิดา มารดา ตลอดจนบูรพาจารย์ทุกท่าน ที่ได้ให้ความรู้ อบรมสั่งสอนให้ศิษย์มีปัญญาและ คุณธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยชี้น าไปสู่ความส าเร็จในการด าเนินชีวิตต่อไป
ธีมาพร เยระบุตร
สารบัญ
หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ... ง บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ... ฉ กิตติกรรมประกาศ... ซ สารบัญ ... ฌ
บทที่ 1 บทน า ... 1
1.1 ภูมิหลัง... 1
1.2 ค าถามหลักของการวิจัย ... 5
1.3 ความมุ่งหมายของการวิจัย ... 5
1.4 ความส าคัญของการวิจัย ... 5
1.5 ขอบเขตของการวิจัย ... 6
1.6 วิธีการด าเนินการวิจัย ... 7
1.6.1 ขั้นรวบรวมข้อมูล ... 7
1.6.2 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ... 7
1.6.3 ขั้นสรุปผลการศึกษา ... 7
1.7 กรอบแนวคิดหลักในการวิจัย ... 8
1.7.1 กรอบแนวคิดเกี่ยวกับเพศสภาพ (Gender) ... 8
1.7.2 กรอบแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นชาย (Masculinity) ... 9
1.7.3 กรอบแนวคิดเกี่ยวกับการประกอบสร้างทางสังคม (Social construction) ... 10
1.8 นิยามศัพท์เฉพาะ ... 10
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ... 12
2.1 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเพศสภาพ ... 12
ญ
2.2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดความเป็นชาย ... 18
2.3 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการประกอบสร้างทางสังคม ... 26
2.4 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานวนิยาย ... 29
บทที่ 3 ภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า... 32
3.1 ภาพความเป็นชายจากการตั้งชื่อตัวละคร ... 32
3.1.1 การตั้งชื่อบ่งบอกลักษณะเด่นตัวละคร ... 34
3.1.2 การตั้งชื่อบ่งบอกสถานะทางเพศตัวละคร ... 36
3.1.3 การตั้งชื่อตัวละครชายจากชนชั้นฐานะ ... 39
3.2 ภาพความเป็นชายจากลักษณะนิสัยตัวละคร ... 42
3.2.1 เสือ กลิ่นสัก: ผู้ใฝ่รู้และแสวงหาความก้าวหน้า ... 43
3.2.2 อนิรุทธิ์: ผู้หลงตัวเองและการอยู่เหนือผู้อื่น ... 45
3.2.3 ก้อน: ผู้อ่อนแอและมีบาดแผลทางจิตใจ ... 47
3.2.4 ธนิษฐา: ผู้หญิงหัวสมัยใหม่ ... 51
3.2.5 น้ าเชื่อม: ผู้มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ... 54
3.3 ภาพความเป็นชายจากลักษณะทางกายภาพของตัวละคร... 59
3.3.1 ภาพความเป็นชายแบบแข็งแรงก าย า ... 60
3.3.2 ภาพความเป็นชายแบบอ่อนแอ ... 61
3.3.3 ภาพความเป็นชายแบบรูปร่างอรชร ... 62
3.4 ภาพความเป็นชายจากค่านิยม ความเชื่อและบทบาทของตัวละคร ... 64
3.4.1 ภาพความเป็นชายจากความเชื่อเรื่องการสัก ... 64
3.4.2 ภาพความเป็นชายจากค่านิยมการดื่มสุรา ... 68
3.4.3 ภาพความเป็นชายกับความเชื่อเรื่องการบวชเรียน ... 71
3.4.4 ภาพความเป็นชายกับบทบาทการเป็นข้าราชการ ... 73
บทที่ 4 ความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ... 80
ฎ
4.1 การประกอบสร้างความเป็นชายผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครชายกับตัวละครอื่น ... 81
4.1.1 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครชายกับตัวละครหญิง ... 82
4.1.1.1 การให้เกียรติผู้หญิง ... 83
4.1.1.2 การมองผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศ ... 86
4.1.2 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครชายกับตัวละครชาย ... 93
4.1.2.1 พ่อกับลูกชาย: การถ่ายทอดอุดมการณ์ทางความคิด ... 93
4.1.2.2 ความสัมพันธ์แบบมิตรภาพระหว่างผู้ชาย ... 96
4.1.2.3 ความสัมพันธ์แบบคู่แข่ง ... 101
4.2 การประกอบสร้างความเป็นชายผ่านความสัมพันธ์ของตัวละครกับพื้นที่ ... 104
4.2.1 ป่าไม้ : พื้นที่แห่งการประกอบสร้างความเป็นชายแบบวีรบุรุษ ... 105
4.2.1.1 วีรบุรุษกับการเป็นผู้น า ... 107
4.2.1.2 วีรบุรุษกับการปราบเหล่าร้ายด้วยปฏิภาณไหวพริบ ... 112
4.2.1.3 วีรบุรุษผู้ต่อกรกับอิทธิพลมืด ... 114
4.2.2 เมือง : พื้นที่แห่งศักดิ์ศรี อ านาจ และการแบ่งชั้นทางสังคม ... 117
4.2.2.1 เด็กวัด: การต่อสู้ดิ้นรนจุดเริ่มต้นแห่งวิถีลูกผู้ชาย ... 118
4.2.2.2 การแบ่งชั้นทางสังคมกับลักษณะอ านาจนิยมของคนเมือง... 122
4.2.2.3 การพิสูจน์ตัวเองเพื่อจุดยืนทางสังคม ... 126
4.2.2.4 การต่อสู้กับพวกนักเลงอันธพาล ... 129
4.3 การประกอบสร้างสังคมแห่งอุดมการณ์ ... 133
4.3.1 อุดมการณ์ชายเป็นใหญ่ ... 134
4.3.2 อุดมการณ์ชาตินิยม ... 137
4.3.3 อุดมการณ์พุทธศาสนา ... 139
4.3.4 อุดมการณ์การศึกษา ... 143
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ... 150
ฏ
5.1 สรุปผลการวิจัย ... 150
5.2 อภิปรายผลการวิจัย ... 160
5.3 ข้อเสนอแนะ ... 162
บรรณานุกรม ... 163
ประวัติผู้เขียน ... 171
บทที่ 1 บทน า
1.1 ภูมิหลัง
เพศสภาพ (gender) คือภาวะที่แตกต่างกันของผู้หญิงและผู้ชายที่สังคมหนึ่งๆเป็นผู้ก าหนด มีความแตกต่างไปตามบริบททางสังคมและวัฒนธรรม กระบวนการหล่อหลอมทางสังคมเข้ามา มีบทบาทเพิ่มขยายความแตกต่างระหว่างเพศให้มากขึ้นด้วยการอบรมเลี้ยงดู ปลูกฝังค่านิยม รวมถึงกระบวนการหล่อหลอมทางวัฒนธรรม ส่งผลให้เพศสรีระที่แตกต่างกันมาตั้งแต่ก าเนิด ค่อยๆถูกสวมทับด้วยความแตกต่างที่เกิดจากปัจจัยทางสังคม (นพพร ประชากุล, 2544) ซึ่งได้ก าหนด แบบแผนในการปฏิบัติและค่านิยมทางสังคมที่ว่าความเป็นหญิงและความเป็นชายนั้นเป็นสิ่งที่เกิดจาก สภาวะแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู สังคมวัฒนธรรม อันส่งผลต่อเอกลักษณ์ทางเพศของแต่ละบุคคล
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเพศสภาพไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมนุษย์เรามาตั้งแต่ก าเนิด หากแต่
เป็นสิ่งที่ถูกหล่อหลอมขึ้นโดยสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมรอบตัวและเกิดขึ้นจากปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับเพศสภาพเพื่อท าความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นชาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเพศสภาพ เพื่อน ามาเป็นแนวทางในการศึกษาความเป็นชายกับการประกอบสร้าง ทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
ความเป็นชาย (masculinity) เป็นส่วนหนึ่งที่ปลูกฝังอยู่ในจิตใต้ส านึกของผู้ชายทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีและจะแสดงออกมาให้เห็นมากน้อยต่างกันอย่างไร เนื่องจากความเป็นชาย เป็นส่วนหนึ่งของเพศสภาพ ซึ่งเกิดจากระบบการก าหนดบทบาทหน้าที่ สถานภาพ ภาพลักษณ์
คุณค่า ความคาดหวังและความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการเป็นผู้หญิงและการเป็นผู้ชาย อีกทั้งสรีระ ของคนทั้งสองเพศที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อความเป็นชายเป็นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู้
ฝึกฝน ขัดเกลาและหล่อหลอมผ่านสถาบันต่างๆทางสังคม (socialization) ตั้งแต่สถาบันครอบครัว ชุมชน ศาสนา โรงเรียน สื่อ วรรณกรรม ศิลปะ การบันเทิง วัฒนธรรมประเพณี ระบบการเมือง การปกครอง ระบบเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข เป็นต้น ดังนั้นความเป็นชายจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ถูกผลิตซ้ าและได้รับการสืบทอดต่อกันมาโดยผ่านสถาบัน ทางสังคม อีกทั้งยังมีความเป็นพลวัตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลาและเงื่อนไขของแต่ละสังคม (สหะโรจน์ กิตติมหาเจริญ, 2551: 1)
2 นักสตรีนิยมบางกลุ่มอาจยอมรับถึงความแตกต่างระหว่างเพศ โดยมองว่าความแตกต่าง ที่ด ารงอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติดังความเชื่อตามประเพณีนิยม แต่เป็นการขัดเกลาทางสังคม ผ่านสถาบันต่างๆทางสังคม สังคมเป็นผู้สร้างความเป็นชายหรือความเป็นหญิง ดังที่ Millett ได้เขียน
ไว้ใน Sexual Politics ว่าอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่ได้ก่อให้เกิดความเชื่อที่ว่า ความแตกต่าง ทางร่างกายที่ท าให้เกิดความแตกต่างในความเป็นหญิงเป็นชายนั้นน าไปสู่ความแตกต่างในด้าน
บทบาททางเพศที่ผู้ชายเหนือกว่าและผู้หญิงด้อยกว่า ความเหนือกว่าของชายไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแรง ของผู้ชาย หากแต่อยู่ที่การยอมรับของระบบค่านิยม เนื่องจากแนวคิดชายเป็นใหญ่ค่อนข้างมีอิทธิพล ต่อคนในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะอุดมการณ์นี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านกระบวนการขัดเกลาทางสังคม จากสถาบันทางสังคม เช่น ครอบครัว สถาบันการศึกษา ศาสนาหรือชุมชน (Millett 1974, อ้างถึงใน วารุณี ภูริสินสิทธิ์, 2545)
กล่าวคือ ผู้หญิงมีบทบาททางเพศที่เป็นรองผู้ชายอันเนื่องมาจากค่านิยมทางสังคม ผู้หญิง มีบทบาททางเพศที่เปรียบเสมือนเป็นฝ่ายสนับสนุนเพศชายในด้านต่างๆ แต่ไม่ได้มีความส าคัญ หรือมีบทบาทมากนักในทางสังคม อีกทั้งยังถูกบีบให้อยู่ในกรอบจารีตประเพณีของสังคม จ าเป็นต้อง ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับบทบาททางเพศที่สังคมวางไว้ เพราะหากประพฤติตนผิดแผกไปจากกรอบ จารีต ค่านิยม ก็มักจะถูกมองในแง่ลบว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี แต่ในขณะเดียวกันกรอบจารีตค่านิยม หรือบทบาททางเพศที่สังคมวางไว้นั้นกลับเอื้อให้ผู้ชายมีอ านาจและมีบทบาทที่ส าคัญมากกว่าผู้หญิง ซึ่งเป็นจุดส าคัญที่ท าให้มองเห็นรอยร้าวของความเสมอภาคระหว่างชายหญิงนั่นเอง
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทัศนคติและค่านิยมเกี่ยวกับแนวคิดความเป็นชายถูกปรับเปลี่ยนไป
ตามยุคสมัยและได้มีผู้แบ่งแยกให้เห็นความแตกต่างของความเป็นชายออกเป็น 2 แบบคือ ความเป็นชายแบบเก่าและความเป็นชายแบบใหม่ โดยที่ความเป็นชายแบบเก่าได้น าเสนอภาพ ความเป็นชายที่เป็นไปตามค่านิยมกระแสหลัก เช่น ผู้ชายต้องเข้มแข็ง มีอ านาจ มีความเป็นผู้น า จะเห็นว่าในสังคมยุคปัจจุบันภาพความเป็นชายได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก กลายเป็นความเป็นชายแบบใหม่ซึ่งประกอบไปด้วย ภาพผู้ชายแบบผสม คือภาพของผู้ชายที่เป็นการ
ผสมผสานระหว่างความเป็นชายตามค่านิยมกระแสหลักกับความเป็นชายแบบใหม่ที่มีความอ่อนไหว มีข้อบกพร่อง ไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไปและภาพผู้ชายแบบอ่อนแอ ที่เป็นภาพตรงกันข้ามกับ ภาพความเป็นชายตามค่านิยมกระแสหลักในแบบเก่า (วิชชา สันทนาประสิทธิ์, 2543)
3 ดังเช่นในนวนิยายเรื่องร้อยป่าได้แสดงให้เห็นถึงสังคมที่มีการทับซ้อนกันระหว่างความเป็น ชายทั้งแบบใหม่และแบบเก่า โดยที่ตัวเอกของเรื่องได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นชายแบบใหม่ เช่น การยกย่องให้เกียรติและเห็นคุณค่าของผู้หญิง ในขณะที่ตัวละครปรปักษ์แสดงออกถึงลักษณะของ ความเป็นชายแบบเก่าที่มีความรู้สึกว่าตนอยู่เหนือกว่าผู้หญิง การไม่ให้เกียรติหรือพฤติกรรม ที่แสดงออกถึงการดูถูกผู้หญิง ความเป็นชายในลักษณะนี้ถูกครอบด้วยกรอบทางสังคมแบบ ชายเป็นใหญ่หรือแนวคิดแบบปิตาธิปไตย เมื่อความเป็นชายถูกระบบนิยมชายให้เป็นเพศพ่อและ
ความเป็นพ่อที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว บนพื้นฐานที่ครอบคลุมถึงการที่ต้องดูแลเมียและลูก แสดงให้เห็น ว่าความเป็นชายแบบเก่าที่ยังคงกดให้เพศหญิงอยู่ภายใต้อ านาจของความเป็นชายยังคงฝังอยู่
ในความคิดของบุคคลบางกลุ่ม
ส่วนความเป็นชายแบบใหม่ (New male) เกิดขึ้นเมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงปลาย ทศวรรษที่ 60 ได้เริ่มมีการเรียกร้องสิทธิสตรี (Women’s Liberation Movement) ผู้หญิงเริ่ม พึ่งพาตนเองได้ โดยมีผู้หญิงจ านวนมากขึ้นที่ออกมาท างานนอกบ้านโดยไม่ต้องพึ่งพาหรือหวังพึ่งแต่
การเลี้ยงดูจากฝ่ายชายเพียงอย่างเดียว ในยุคนี้เริ่มมีการตั้งค าถามที่ว่า ผู้ชายอยู่เหนือกว่าผู้หญิงจริง หรือ นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ผู้ชายเลิกกดขี่หรือดูถูกเพศหญิง จึงเกิดอุดมคติของความเป็นชาย ในยุคนี้ คือการยกย่องให้เกียรติ การไม่มองผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศ เน้นความเท่าเทียมระหว่าง
ชายหญิงและลดทอนคุณค่าความเป็นชายแบบเก่าลงกลายเป็น “ผู้ชายยุคใหม่” (Newman) ที่เน้นความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดของตะวันตกโดย Ehrenreich กล่าวว่า ยุค 1990 เป็นยุคของผู้ชายยุคใหม่ ผู้ชายเริ่มรู้สึกถึงการมีสิทธิเสรีภาพต่อการแสดงออกถึงความรู้สึก ของตนเอง ท าตามใจชอบทั้งการรักและการได้รัก ( Ehrenreich, 1990 อ้างถึงใน ยศ สันตสมบัติ,
2537) ซึ่งสอดคล้องกับ Abbott (1992) อ้างถึงในศิริกมล อธิวาสนพงศ์ (2547) ที่กล่าวว่า ความเป็นชายนั้นเดิมถูกจัดให้แตกต่างกับความเป็นหญิง ปัจจุบันเริ่มไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง ในด้านของพฤติกรรมคือ มองให้เป็นตรงกลาง เช่น ผู้ชายสามารถอ่อนแอหรือเข้มแข็งก็ได้ขึ้นอยู่กับ
สถานการณ์และเวลาในขณะนั้น ความเป็นชายและความเป็นหญิงจึงขึ้นอยู่กับบริบทและ กลไกทางสังคมในขณะนั้น
ในส่วนของการประกอบสร้างทางสังคม Schuts (1993) ได้อธิบายถึงแนวคิดเรื่อง การสร้างความเป็นจริงทางสังคมไว้ว่า ชีวิตประจ าวันของเราไม่ได้เป็นโลกส่วนตัวของเรา แต่เกิดจาก การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยที่แต่ละคนสามารถร่วมรับรู้กับเพื่อนร่วมโลกของเราขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ของแต่ละคน ท าให้เกิดการตีความหมายที่แตกต่างกันออกไปและสภาพที่เราพบว่า ตนเองอยู่ในโลกขณ ะใดขณ ะหนึ่งนั้นเป็นเพียงขอบเขตเล็กๆที่เราได้สร้างขึ้นมานั่นเอง (Littlejohn Schuts, 1993, p. 173 อ้างถึงใน ขวัญ ฟ้า ศรีประพันธ์, 2551) อีกทั้งยังมีโลก แห่งความหมายอันเป็นข้อมูลความรู้ที่มนุษย์รับรู้ได้เพียงบางส่วนจากโลกแห่งความเป็นจริง
4 แล้วจึงเก็บไว้เป็นคลังความรู้ของแต่ละคนบุคคลที่จะสามารถรับรู้ได้แตกต่างกันออกไป ที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะมนุษย์มีความคิด ทัศนคติ การศึกษาแลละการอบรมเลี้ยงดูที่แตกต่างกันจึงท าให้แต่ละบุคคล มีความเป็นปัจเจก มีลักษณะนิสัยและกระบวนการคิด กระบวนการรับรู้ มีทัศนคติต่อโลกและการรับรู้
ยอมรับความเป็นจริงทางสังคมที่แตกต่างกันออกไปด้วย ( Berger และ Luckman, 1966, p. 1-3 อ้างถึงใน ขวัญฟ้า ศรีประพันธ์, 2551) จะเห็นได้ว่าการสร้างความเป็นจริงทางสังคมเกิดขึ้นจาก ปฏิสัมพันธ์ของคนภายในสังคม ผ่านพื้นที่การด าเนินชีวิตของแต่ละบุคคล เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็น กลุ่มจึงเริ่มมีการสร้างกฏเกณฑ์และวิธีการต่างๆขึ้นมาเพื่อจัดการเรื่องต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้ง กันขึ้น กฏเกณฑ์เหล่านั้นจึงเป็นตัวก าหนดพฤติกรรมของมนุษย์ให้อยู่ในกรอบจารีตประเพณีตามที่
สังคมนั้นๆก าหนดขึ้นจนเกิดการยอมรับและถ่ายทอดต่อๆกันจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเช่นที่เราคุ้นเคยกันดี
จากค าว่า บทบาท ค่านิยม จารีต ประเพณี เป็นต้น
จากที่กล่าวมาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความส าคัญในการศึกษาท าความเข้าใจเกี่ยวกับ ความเป็นชายและแนวคิดเรื่องเพศสภาพ ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกิดจากการประกอบสร้างทางสังคม ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาตัวละครในนวนิยายไทยชุดร้อยป่าของอรชร (ศรี ชัยพฤกษ์) และพันธุ์ บางกอก (สมพันธ์ ปานะถึก) (อรชร-พันธุ์ บางกอก (นามแฝง), 2554) นวนิยายเรื่องนี้
สะท้อนชีวิตและเหตุการณ์ เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัวละครเอก
ฝ่ายชายคือ เสือ กลิ่นสักและตัวละครอื่นๆในเรื่อง ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพความเป็นชาย ที่หลากหลาย เช่น ความเป็นผู้น า เป็นสุภาพบุรุษ มีความกล้าหาญ เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว รักชาติ
และเสียสละเพื่อผู้อื่น นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นลักษณะนิสัยและตัวตนที่เป็นสัญชาติญาณดิบ ของเพศชาย เช่น การชอบการดื่มสุรา ชอบเที่ยวเตร่ ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม รักการต่อสู้
มีปฏิภาณไหวพริบ ชอบการแข่งขัน เป็นต้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตแบบลูกผู้ชาย จากการประสบพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการผจญภัย การต่อสู้ การเสียสละและปกป้องผู้อื่น อุปสรรคเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่ช่วยขับเน้นให้ผู้ชายแสดงพลังอ านาจและลักษณะนิสัยที่แท้จริง ของตนเองออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งการให้ค่าของความเป็นชายเหล่านี้จะช่วยสะท้อนให้เห็น มุมมองความคิดทั้งในด้านลบและด้านบวกที่คนในส่วนใหญ่ในสังคมได้สร้างกรอบของความเป็นชาย ขึ้นมาจากค่านิยม อุดมการณ์ วัฒนธรรมและบริบทสังคมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยุคสมัย
5 จากข้อมูลข้างต้นการศึกษาวิจัยในครั้งนี้อาจเป็นแนวทางในการท าความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ความเป็นชายผ่านการรับรู้ จากการแสดงออกของตัวละครทั้งตัวละครเอกและตัวละครอื่นๆที่ได้
ถ่ายทอดให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นชายหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า เป็นนวนิยายที่เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ซึ่งจากการที่แนวความคิดลักษณะนิสัยของ ตัวละคร การด าเนินเรื่อง ฉากและเนื้อหาถูกอ้างอิงดัดแปลงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยสมัย หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับความเป็นชายและบทบาททางเพศของคนไทย ในสมัยนั้นได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาเรียนรู้เพื่อท าความเข้าใจเกี่ยวกับ เรื่องความเป็นชาย กับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า เพราะถึงแม้ว่าในปัจจุบันความเป็นชาย
จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมากแล้ว แต่ก็ยังมีแนวความคิดบางอย่าง เช่น แนวคิด แบบปิตาธิปไตยที่ยังคงฝังอยู่ในระบบคิดของผู้คนในทุกยุคทุกสมัย
1.2 ค าถามหลักของการวิจัย
1.2.1 การน าเสนอภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่ามีลักษณะอย่างไร
1.2.2 ภาพความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า มีลักษณะอย่างไร
1.3 ความมุ่งหมายของการวิจัย
1.3.1 เพื่อศึกษาภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
1.3.2 เพื่อศึกษาภาพความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่อง ร้อยป่า
1.4 ความส าคัญของการวิจัย
1.4.1 เพื่อเข้าใจภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
1.4.2 เพื่อเข้าใจภาพความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคมในนวนิยายไทยเรื่องร้อย ป่า
6 1.5 ขอบเขตของการวิจัย
ผู้วิจัยได้แบ่งขอบเขตของการวิจัยเป็น 2 ประเภท คือ ขอบเขตข้อมูลตัวบทและขอบเขต ประเด็นการวิเคราะห์ ดังนี้
1.5.1 ขอบเขตข้อมูลตัวบท
ผู้วิจัยได้เลือกศึกษานวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า เป็นนวนิยายจากการร่วมประพันธ์โดย อรชร (ศรี ชัยพฤกษ์) และพันธ์ บางกอก (สมพันธ์ ปานะถึก) นวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ตีพิมพ์ครั้งแรก
ในนิตยสารบางกอกเมื่อพ.ศ. 2504 เคยถูกน ามาสร้างเป็นละครโทรทัศน์เมื่อ พ.ศ.2507 โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “เสือข้ามแดน” น าแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และเพชรา เชาวราษฎร์ หลังจากนั้น
ได้ตีพิมพ์เพื่อแถมคู่กับนิตยสารทานตะวันอีกครั้ง พ.ศ. 2526 จ านวน 40 เล่มและพ.ศ. 2528 ได้ถูกน ากลับมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง โดย ฉลอง ภักดีวิจิตร น าแสดงโดย บิณฑ์ บันลือฤทธิ์
สิริวิมล เจริญปุระและพัชราพรรณ โสภิตา จนกระทั่งตีพิมพ์รวมเล่มอีก 3 ครั้ง โดยส านักพิมพ์
ศิลปาบรรณาคาร จ านวนทั้งหมด 12 เล่ม โดยตีพิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2541 ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2545และตีพิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2554 การศึกษาในครั้งนี้ผู้วิจัยเลือกศึกษาจากตัวบทนวนิยายไทย เรื่องร้อยป่า ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด
1.5.2 ขอบเขตประเด็นการวิเคราะห์
ผู้วิจัยศึกษานวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า โดยการศึกษาวิเคราะห์ตัวละครเอกและตัวละครอื่นๆ ที่มีลักษณะของความเป็นชายที่เด่นชัด เพื่อศึกษาท าความเข้าใจเกี่ยวกับภาพความเป็นชาย บทบาท ความเป็นชาย ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงและความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคม ในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า
7 1.6 วิธีการด าเนินการวิจัย
1.6.1 ขั้นรวบรวมข้อมูล
1.6.1.1 รวบรวมตัวบทนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า ทั้งหมด 12 เล่ม 1.6.1.2 รวบรวมเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเพศสภาพ 1.6.1.3 รวบรวมเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดความเป็นชาย
1.6.1.4 รวบรวมเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการประกอบสร้างทางสังคม 1.6.1.5 รวบรวมเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานวนิยาย
1.6.2 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยน าข้อมูลที่ได้มาศึกษาอย่างละเอียดและวิเคราะห์ตามจุดมุ่งหมายของการวิจัย
ที่ก าหนดไว้ โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับเพศสภาพความเป็นชายความเป็นหญิงและทฤษฎี
การประกอบสร้างทางสังคม โดยมีขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1.6.2.1 น าข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาพความเป็นชายที่ปรากฏ ในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่า โดยศึกษาวิเคราะห์จากลักษณะต่างๆของตัวละครเอกและตัวละคร อื่นๆที่มีภาพความเป็นชายที่เด่นชัด
1.6.2.2 น าข้อมูลเรื่องภาพความเป็นชายในนวนิยายไทยเรื่องร้อยป่ามาวิเคราะห์
ให้เห็นลักษณะของความเป็นชายกับการประกอบสร้างทางสังคม โดยวิเคราะห์จาก ความความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครกับพื้นที่โดยแบ่งเป็น พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่เมือง เพื่อศึกษาการประกอบสร้างความเป็นชายที่มีการเสริมสร้าง คุณลักษณะความเป็นชายที่แตกต่างกันออกไปในสองพื้นที่ ซึ่งจะช่วยสะท้อนให้เห็นความเป็นชาย ที่ถูกหล่อหลอมขัดเกลาจากกระบวนการทางสังคม อีกทั้งยังวิเคราะห์เกี่ยวกับการประกอบสร้าง สังคมอุดมการณ์ เพื่อท าความเข้าใจเกี่ยวกับการประกอบสร้างสังคมของกลุ่มบุคคลที่มีความคิด ความเชื่อและทัศนคติที่แตกต่างกันออกไปตามแต่กระบวนการขัดเกลาทางสังคม
1.6.3 ขั้นสรุปผลการศึกษา
1.6.3.1 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 1.6.3.2 น าเสนอข้อมูลโดยวิธีพรรณนาวิเคราะห์
8 1.7 กรอบแนวคิดหลักในการวิจัย
1.7.1 กรอบแนวคิดเกี่ยวกับเพศสภาพ (Gender)
พริศรา แซ่ก้วย (2544) ได้ให้ความหมายของค าว่า “เพศสภาพ” (Gender) ไว้ว่าหมายถึง สถานะแห่งเพศที่มีพลวัตกับระบบอ านาจในชนชั้น ชาติพันธ์และความแตกต่างอื่นๆที่มีนัยส าคัญ ภายใต้เงื่อนไขทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมหรือประวัติศาสตร์ในระยะเวลาหนึ่งๆ ที่มีผลต่อการจัดสรรการเข้าถึงอ านาจและทรัพยากรในสังคมแต่ละห้วงเวลา เพศสภาพจึงอาจหมาย รวมถึงการตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมกันในแง่อ านาจของผู้หญิงผู้ชายทั้งในทางสังคมและในชีวิต ส่วนตัว
วิลาสินี พิพิธกุล และ กิตติ กันภัย (2546) กล่าวว่า Gender หรือเพศสภาพเพศทางสังคม คือ บทบาททางเพศที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติหรือติดตัวมาแต่ก าเนิดแต่ได้รับมาภายหลัง ถูกสร้าง หรือก าหนดขึ้นจากการเรียนรู้และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมวัฒนธรรม
วารุณี ภูริสินสิทธิ์ (2545) ได้ให้ค าจ ากัดความของเพศสภาพไว้ว่า ในขณะที่ค าว่าเพศ (Sex) หมายถึงความแตกต่างทางสรีระ ความเป็นเพศ (Gender) หมายถึง องค์ความรู้ที่สร้างความหมาย ให้กับความแตกต่างทางร่างกาย เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและ จิตวิทยาระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ความเป็นเพศเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางสังคม ซึ่งเป็นการ จัดการทางสังคมของความแตกต่างระหว่างเพศในด้านต่างๆ
กฤตยา อาชวนิจกุล (2554) ได้กล่าวว่า เพศสภาพไม่ใช่เป็นเพียงแค่บทบาทชายหญิง แต่เพศสภาพหรือเพศสภาวะนั้นคือ สถานะแห่งเพศที่มีพลวัตรกับอ านาจ ชนชั้น ชาติพันธ์ และความ แตกต่างอื่นๆที่มีนัยส าคัญภายใต้เงื่อนไขทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ/หรือ ประวัติศาสตร์ในระยะเวลาหนึ่งที่มีผลต่อการจัดสรรและการเข้าถึงอ านาจและทรัพยากรสังคม ในแต่ละห้วงเวลาและเพศสภาพยังสื่อถึงความลื่นไหลของภาวะทางเพศที่ถูกประกอบสร้างมาจาก ปัจจัยต่างๆซึ่งถูกประกอบสร้างขึ้นอย่างซับซ้อนชายในแง่มุมต่างๆ เช่น ความเชื่อ ทัศนคติ มายาคติ
รวมทั้งประเพณีปฏิบัติที่ถูกท าให้กลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม
ชาตรี ลีศิริวิทย์ (2551) กล่าวว่า Gender มีความหมายครอบคลุมถึงความเป็นเพศที่ไม่ได้
ถูกก าหนดโดยระบบทางสรีระหรือชีววิทยา แต่ถูกก าหนดจากปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรมและปัจจัย อื่นๆ ที่ท าให้สังคมเกิดความคาดหวังต่อบทบาทความเป็นหญิงและความเป็นชายในแง่มุมต่างๆ นอกจากนี้วัฒนธรรมยังมีส่วนช่วยก าหนดความเชื่อ ทัศนคติ มายาคติ รวมทั้งประเพณีปฏิบัติที่ล้วน ถูกท าให้กลายเป็นบรรทัดฐานทางสังคมในเรื่องหญิงและชาย ท าให้ความเป็นเพศอาจแตกต่างกันได้
ตามบริบททางสังคม