วิธีด าเนินการศึกษาค้นคว้า
1.3 การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง
ส าหรับการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มแบบการเลือกตัวอย่าง ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยก าหนดคุณสมบัติของกลุ่มตัวอย่าง ดังนี้
1.1 ผู้ใช้แพลตฟอร์มเฟสบุ๊ค และเป็นสมาชิกของกลุ่มหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1.1.1 กลุ่มกองทุนรวมห้องแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการลงทุน
1.1.2 กลุ่มกองทุนไหนดี ห้องแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกองทุนรวม จาก aomMONEY
1.1.3 กองทุนไหนดี&แลกเปลี่ยนความรู้กองทุน 1.2 มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
1.3 นักลงทุนชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานครที่มีการลงทุนกองทุนรวมตรา สารทุนที่เน้นลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่างประเทศของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
ขั้นตอนที่ 2 ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก (Convenience Sampling) ให้ครบตามจ านวนแบบสอบถาม 400 ชุด
2. การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้รูปแบบเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) การเก็บ แบบสอบถามออนไลน์ผ่านโปรแกรม Google Form เป็นเครื่องมือในการสร้างแบบสอบถาม ออนไลน์ ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างขึ้นจากการศึกษา และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากทฤษฎี และงานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง จึงน ามาประยุกต์เป็นลักษณะข้อค าถามในแบบสอบถาม เพื่อเป็นการศึกษาเรื่อง “ปัจจัย
ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนแบบมีความเสี่ยง ต่างประเทศของนักลงทุนชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร” โดยแบ่งเป็น 4 ตอน คือ
ตอนที่ 1 ลักษณะประชากรศาสตร์ของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นค าถามปลาย ปิด (Closed-end Questions) เป็นค าถามเกี่ยวกับ เพศ อายุ สถานภาพ การศึกษาสูงสุด อาชีพ รายได้(ต่อเดือน) มีหลักเกณฑ์ในการประเมินคะแนนที่ได้รับจากค าตอบตามการประมาณค่าโดย ใช้การก าหนดเกณฑ์ค่าเฉลี่ย
เกณฑ์ประเมินตอนที่ 1 ข้อมูลลักษณะประชากรศาสตร์ของผู้ตอบ แบบสอบถาม เป็นค าถามปลายปิด (Closed-end Questions) จ านวน 6 ข้อ ได้แก่
ข้อ 1 เพศใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานามบัญญัติ (Nominal Scale) ได้แก่ เพศชาย เพศหญิง ลักษณะมีค าตอบให้เลือก 2 ทาง (Dichotomous)
ข้อ 2 อายุใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตราเรียงล าดับ (Ordinal Scale) ลักษณะมีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) ใช้การแบ่งช่วงอายุเป็นช่วงละ 10 ปีเพื่อความ สะดวกในการตอบแบบสอบถาม (อธิวัฒน์ โตสันติกุล, 2556, น. 42)
( ) 20-29 ปี
( ) 30-39 ปี
( ) 40-49 ปี
( ) 50-59 ปี
( ) 60 ปีขึ้นไป
ข้อ 3 สถานภาพใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานามบัญญัติ (Nominal Scale) ลักษณะมีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice)
( ) โสด
( ) สมรส/อยู่ด้วยกัน ( ) หย่าร้าง/ม่าย/แยกกันอยู่
ข้อ 4 การศึกษาสูงสุดใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตราเรียงล าดับ (Ordinal Scale) ลักษณะมีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice)
( ) ต ่ากว่าปริญญาตรี
( ) ปริญญาตรี
( ) สูงกว่าปริญญาตรี
ข้อ 5 อาชีพใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานามบัญญัติ (Nominal Scale) ลักษณะมีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice)
( ) รับจ้าง/พนักงานบริษัทเอกชน ( ) รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ( ) อาชีพอิสระ/ธุรกิจส่วนตัว ( ) พ่อบ้าน/แม่บ้าน
( ) อื่นๆ โปรดระบุ…..
ข้อ 6 รายได้(ต่อเดือน) ใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตราเรียงล าดับ (Ordinal Scale) ลักษณะมีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) โดยใช้ระดับการแบ่งรายได้
ตาม (สิทธิพัฒน์ พิพิธกุล, 2550)
( ) ต ่ากว่าหรือเท่ากับ 20,000 บาท ( ) 20,001-50,000 บาท
( ) 50,001-80,000 บาท ( ) 80,001 บาทขึ้นไป
ตอนที่ 2 ลักษณะค าถามเกี่ยวกับปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด มี
ลักษณะแบบสอบถามใช้สเกลความส าคัญ (Important Scale) จ านวน 24 ข้อ แบ่งออกเป็น 7 ด้าน ดังนี้
1. ด้านผลิตภัณฑ์ จ านวน 5 ข้อ
2. ด้านราคา จ านวน 3 ข้อ
3. ด้านการจัดจ าหน่าย จ านวน 3 ข้อ
4. ด้านการส่งเสริมการตลาด จ านวน 4 ข้อ
5. ด้านบุคลากร จ านวน 3 ข้อ
6. ด้านลักษณะทางกายภาพ จ านวน 3 ข้อ
7. ด้านกระบวนการบริการ จ านวน 3 ข้อ
ทุกค าถามในแต่ละด้านแบ่งระดับความส าคัญเป็น 5 ระดับ ซึ่งจัดเป็นระดับ การวัดข้อมูลมาตราอันตรภาค (Interval Scale) ซึ่งก าหนดค่าของระดับความส าคัญ ไว้ดังนี้
คะแนน ระดับความส าคัญ
5 หมายถึง มากที่สุด
4 หมายถึง มาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถึง น้อย
1 หมายถึง น้อยที่สุด
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยในการอภิปรายผล 5 ระดับ (พัชรภรณ์ พงษ์อารี, 2559, น.
49) เกี่ยวกับระดับความส าคัญของปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด พิสัย = ข้อมูลที่มีค่าสูงสุด−ข้อมูลที่มีค่าต ่าสุด
จ านวนชั้น
= 5 − 1
= 0.8 5
จึงน ามาใช้เป็นเกณฑ์ในการอภิปรายประเมินผลแบบสอบถาม เกี่ยวกับ ระดับความส าคัญของปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด ดังนี้
คะแนนเฉลี่ย 4.21-5.00 หมายถึง มีความส าคัญอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 3.41-4.20 หมายถึง มีความส าคัญอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 2.61-3.40 หมายถึง มีความส าคัญอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.81-2.60 หมายถึง มีความส าคัญอยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.00-1.80 หมายถึง มีความส าคัญอยู่ในระดับน้อยที่สุด ตอนที่ 3 ลักษณะค าถามเกี่ยวกับปัจจัยด้านจิตวิทยาการลงทุน ที่มีลักษณะ แบบสอบถามใช้มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จ านวน 18 ข้อ แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ดังนี้
1. อคติจากความคิดที่คลาดเคลื่อน จ านวน 3 ข้อ
2. ความมั่นใจมากเกินไป จ านวน 3 ข้อ
3. ระบบบัญชีในใจ จ านวน 3 ข้อ
4. การตีกรอบ จ านวน 3 ข้อ
5. อคติในการแทนค่า จ านวน 3 ข้อ
6. ผลกระทบที่เอนเอียง จ านวน 3 ข้อ
ทุกค าถามในแต่ละด้านแบ่งระดับความเป็นจริงเป็น 5 ระดับ ซึ่งจัดเป็นระดับ การวัดข้อมูลมาตราอันตรภาค (Interval Scale) ซึ่งก าหนดค่าของระดับความเป็นจริง ไว้ดังนี้
คะแนน ระดับความเป็นจริง
5 หมายถึง มากที่สุด
4 หมายถึง มาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถึง น้อย
1 หมายถึง น้อยที่สุด
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยในการอภิปรายผล 5 ระดับ (พัชรภรณ์ พงษ์อารี, 2559, น.
49) เกี่ยวกับระดับความส าคัญของปัจจัยด้านจิตวิทยาการลงทุน พิสัย = ข้อมูลที่มีค่าสูงสุด−ข้อมูลที่มีค่าต ่าสุด
จ านวนชั้น
= 5 − 1
= 0.8 5
จึงน ามาใช้เป็นเกณฑ์การประเมินผลแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความเป็น จริงของปัจจัยด้านจิตวิทยาการลงทุน ดังนี้
คะแนนเฉลี่ย 4.21-5.00 หมายถึง ความเป็นจริงอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 3.41-4.20 หมายถึง ความเป็นจริงอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 2.61-3.40 หมายถึง ความเป็นจริงอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.81-2.60 หมายถึง ความเป็นจริงอยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.00-1.80 หมายถึง ความเป็นจริงอยู่ในระดับน้อยที่สุด ตอนที่ 4 ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้น ลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่างประเทศของนักลงทุนชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจ านวน 7 ข้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. มูลค่าการลงทุน ลักษณะค าถามปลายปิด (Closed-end Questions) มี
หลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) การวัดระดับข้อมูลโดยใช้มาตราอัตราส่วน (Interval Scale)
2. ความถี่ในการลงทุน ลักษณะค าถามปลายปิด (Closed-end Questions) มีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) การวัดระดับข้อมูลโดยใช้มาตราอัตราส่วน (Interval Scale)
3. ระยะเวลาที่ถือครอง ลักษณะค าถามปลายปิด (Closed-end Questions) มีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) การวัดระดับข้อมูลโดยใช้มาตราอัตราส่วน (Interval Scale)
4. ช่องทางการลงทุน ลักษณะค าถามปลายปิด(Closed-end Questions) มี
หลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) ใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานามบัญญัติ (Nominal Scale)
5. บุคคลที่มีอิทธิพลในการลงทุน ลักษณะค าถามปลายปิด(Closed-end Questions) มีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) ใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานาม บัญญัติ (Nominal Scale)
6. แหล่งศึกษาข้อมูล ลักษณะค าถามปลายปิด(Closed-end Questions) มี
หลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) ใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานามบัญญัติ (Nominal Scale)
7. ประเภทกลุ่มหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนสนใจ ลักษณะค าถามปลายปิด(Closed- end Questions) มีหลายค าตอบให้เลือก (Multiple choice) ใช้ระดับการวัดของข้อมูลมาตรานาม บัญญัติ (Nominal Scale)