ความสัมพันธ์ของปัญหาและผลที่เกิดขึ้น
จากการวิเคราะห์สภาพปัญหา ท าให้บริษัททราบถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งหาก บริษัทยังไม่มีการปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ก็จะท าให้บริษัทมีโอกาสสูญเสีย ลูกค้าไป ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายและผลก าไรของบริษัทโดยตรง ดังนี้
บริษัทจ าเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของปัญหาและผลที่เกิดขึ้น โดยความสัมพันธ์ดังกล่าว สามารถอธิบายได้โดย แผนภูมิวงรอบเหตุและผล (Causal Loop Diagram, CLD)
แผนภูมิวงรอบเหตุและผล CLD หมายถึง วงจรที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างตัวแปร อย่างน้อย 2 ตัวแปรหรือมากกว่า ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ด้วยลูกศร สะท้อนถึงปัญหาที่แท้จริง และน าไปสู่วงจรการแก้ปัญหา (John D.Sterman ,2000)
เริ่มจากการวิเคราะห์ปัจจัยสาเหตุของปัญหา ต่อมาก าหนดปัจจัยสาเหตุหลักที่เป็น สาเหตุส าคัญที่สุดของการเกิดปัญหานั้น จากนั้นจะต้องกลับมาพิจารณาว่ามีปัจจัยสาเหตุใดบ้างที่
ส่งผลบางอย่าง และผลที่เกิดบางประการอาจจะเชื่อมโยงไปสู่สาเหตุตัวอื่นที่ท าให้เกิดผลลักษณะ อื่น ๆ ตามมา จนในที่สุดจะพบว่าผลที่เกิดขึ้นตามมาเป็นล าดับนั้นจะย้อนกลับมาที่ต้นตอของสาเหตุ
หลักเมื่อเริ่มต้นคิด วิธีท าคือ
1. ปัจจัยสาเหตุที่ได้จากระบุต้องก าหนดเป็นค านามหรือวลีที่บ่งบอกถึงปริมาณที่เพิ่ม หรือลดปริมาณได้
2. บอกลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสาเหตุกับผลได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ตาม กัน (Same direction : S/+) หรือความสัมพันธ์กลับทิศทาง (Opposite direction : O/-)
3. ลักษณะการสัมพันธ์กันระหว่างปัจจัยสาเหตุกับผลที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงด้วยเส้น และมีหัวลูกศรบอกทิศทางชี้ไปด้านที่เกิดผล และลูกศรจะชี้ไปในแนวทางเดียวกัน (จะไม่ชี้ย้อน ศร) แต่สามารถชี้วนจนเป็นวงรอบได้
4. วงจรปัญหาอาจมีวงจรที่มีปัจจัยสาเหตุร่วมกันบางตัวหรือหลายตัวร่วมกันได้
5. วงจรปัญหาจะมี 2 ลักษณะ คือ
- วงจรปัญหาสมดุล (Balancing Loop) - วงจรเพิ่มปัญหา (Reinforcing Loop)
28
3.1 แสดงความสัมพันธ์ของปัญหาและผลที่เกิดขึ้นโดยใช้ Causal Loop Diagram
ภาพ 3.1 แสดงความสัมพันธ์ของปัญหาและผลที่เกิดขึ้น โดยใช้ Causal Loop Diagram
ภาพ 3.1 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของปัญหา รวมถึงปัจจัยอื่นที่มีความสัมพันธ์
เมื่ออุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น ส่งผลให้มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาท าธุรกิจมากขึ้น การแข่งขัน ในอุตสาหกรรมก็ยิ่งทวีความรุนแรง บริษัทมีโอกาสในการเสียลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรง ต่อยอดขายของบริษัทที่จะลดลง และเมื่อยอดขายลดลง ก าไรก็ลดลง บริษัทก็ไม่มีงบประมาณใน การท าการตลาด เมื่อมีการท าตลาดน้อยก็ท าให้คนไม่รู้จักบริษัทส่งผลให้จ านวนลูกค้าน้อย เมื่อ ลูกค้าน้อยก็ท าให้ยอดขายของบริษัทน้อยเช่นเดียวกัน
ในส่วนของการท าการตลาดส่งผลกระทบต่ออีกปัจจัยหนึ่งซึ่งก็คือ ชื่อเสียงขององค์กร เมื่อมีการท าการตลาดน้อย คนไม่รู้จักก็ท าให้ชื่อเสียงของบริษัทไม่เป็นที่รู้จักของลูกค้า ในทาง ตรงกันข้ามหากท าการตลาดเยอะ ก็ท าให้คนรู้จักบริษัทมากขึ้น ชื่อเสียงของบริษัทก็เป็นที่รู้จักมาก ขึ้น ส่งผลไปยังความเชื่อมั่นของลูกค้า ซึ่งจะแปรผันตามชื่อเสียง ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของลูกค้าก็จะมี
ผลต่อยอดขายของบริษัทเช่นกัน
ยอดขาย
ก าไร
ท าการตลาด ชื่อเสียง
ความเชื่อมั่นของลูกค้า คู่แข่ง
เศรษฐกิจ
+
+
+
+ +
+ -
จ านวนลูกค้า
+ +
29
ในส่วนของยอดขายนั้น นอกจากจะได้รับผลกระทบจากคู่แข่งเดิมที่มีอยู่ใน อุตสาหกรรม และคู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมแล้วนั้น ยังมีปัจจัยเรื่องของสภาพ เศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากสินค้าของบริษัทจัดว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย กรณีที่เศรษฐกิจ ของประเทศอยู่ในสภาวะถดถอย ลูกค้าจะเลือกที่จะไม่จับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งจะส่งผล กระทบต่อยอดขายของบริษัทเป็นอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม หากเศรษฐกิจของประเทศดี ผู้คนก็
จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทดีขึ้นตาม เป็นต้น
จาก Causal Loop Diagram ที่แสดงปัญหาของบริษัทพบว่า แต่ละปัจจัยมีความสัมพันธ์
สืบต่อกันไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างภาวะเศรษฐกิจที่จะ ส่งผลต่อยอดขายโดยตรงของบริษัท ตลอดจนคู่แข่งที่จะเข้ามาแข่งขันเพื่อแย่งยอดขายและส่วนแบ่ง การตลาดของทางบริษัทซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ส าคัญที่ทางบริษัทควรหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
30