บทที่ 1 บทนํา
3) หลักของการลงโทษตามทฤษฎีลงโทษเพื่อดัดแปลง
4.2.2 อํานาจของพนักงานเจาหนาที่
4.2.2.1 อํานาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติฯนั้น มีอํานาจตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญาดวย เนื่องจากพระราชบัญญัติวาดวยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร
พ.ศ.2550 มาตรา 29 บัญญัติวาในการปฏิบัติหนาที่ตามพระราชบัญญัตินี้ใหอํานาจพนักงาน เจาหนาที่เปนพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มีอํานาจรับคํารองทุกขหรือรับคํากลาวโทษ และมีอํานาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติดังกลาว พนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติฯ จึงมี
อํานาจในลักษณะเดียวกับพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญ จึงมีอํานาจในการรับคํารอง ทุกข ในกรณีที่ผูเสียหายกลาวหาตอเจาหนาที่ตามวามีผูกระทําความผิดขึ้นจะรูตัวผูกระทําความผิด หรือไมก็ตามซึ่งกระทําใหเกิดความเสียหายแกผูเสียหาย และการกลาวหาเชนนั้นไดกลาวโดยมี
เจตนาจะใหผูกระทําความผิดไดรับโทษ หรือมีอํานาจในการรับคํากลาวโทษ กรณีที่บุคคลอื่นซึ่ง ไมใชผูเสียหาย ไดกลาวหาตอเจาหนาที่วามีบุคคลรูตัวหรือไมก็ดี ไดกระทําความผิดอยางหนึ่งขึ้น ตอพนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติฯ แตมีขอสังเกตคือ เฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติวา ดวยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร พ.ศ.2550 เทานั้น ที่พนักงานเจาหนาที่ตาม
พระราชบัญญัติฯจะมีอํานาจดังเชนพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญ ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
4.2.2.2 อํานาจตามพระราชบัญญัติวาดวยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร พ.ศ.2550
บทบัญญัติในพระราชบัญญัติวาดวยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร
พ.ศ.2550 ไดในอํานาจพนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติฯ ตางจากอํานาจของเจาพนักงานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่ตามพระราชบัญญัติฯจึงมีอํานาจ พิเศษแตกตางจากเจาพนักงานทั่วไป และพนักงานเจาหนาที่จะใชไดตอเมื่อเปนกรณีที่มีเหตุอันควร เชื่อไดวามีการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ถาเปนความผิดตามกฎหมายอื่นยอมไมเขา เงื่อนไขที่พนักงานเจาหนาที่จะใชอํานาจได อยางไรก็ตามถาเปนความผิดหลายกรรมหรือเปน ความผิดตอกฎหมายหลายบทยอมไดประโยชนจากมาตรานี้ดวย นอกจากนั้นการใชอํานาจของ พนักงานเจาหนาที่ยังตองใชเฉพาะที่จําเปนเพื่อประโยชนในการใชเปนหลักฐานเกี่ยวกับการกระทํา ความผิดและหาตัวผูกระทําความผิด (พรเพชร วิชิตดลชัย, 2550 : 33)
ตามหลักมาตรา 18 พนักงานเจาหนาที่ มีอํานาจทั้งหมด 8 ประการ โดยสามารถ แบงหัวขอในการศึกษาไดดังตอไปนี้
(ก) การใชอํานาจของพนักงานเจาหนาที่ซึ่งไมตองขออนุญาตศาล
บทบัญญัติมาตรา 18 ใหอํานาจพนักงานเจาหนาที่ในการดําเนินการอยางหนึ่งอยาง ใดรวม 3 ประการตาม (1) (2) หรือ (3) โดยไมจําตองขออนุญาตศาล
(1) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวของกับการกระทําความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้มาเพื่อใหถอยคําสงคําชี้แจงเปนหนังสือ หรือสงเอกสาร ขอมูล หรือหลักฐานอื่น ใดที่อยูในรูปแบบที่สามารถเขาใจได
อํานาจตาม (1) เปนเรื่องทั่วไปในการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งอาจทําโดยวิธีการ เรียกบุคคลมาใหถอยคํา หรือใหบุคคลชี้แจงเปนหนังสือ หรือใหสงเอกสารหรือวัตถุอื่นใด ซึ่ง อํานาจตาม (1) นี้เปนอํานาจที่เจาพนักงานฝายปกครองและตํารวจชั้นผูใหญมีอยูแลวตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 52 กลาวคือ การที่จะใหบุคคลใด มาที่พนักงานสอบสวน หรือมาที่พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญ หรือมาศาลเนื่องในการสอบสวน การไตสวน มูลฟอง การพิจารณาคดี หรือการอยางอื่นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้จักตองมี
หมายเรียกของพนักงานสอบสวน หรือพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญหรือของศาล แลวแตกรณี
แตในกรณีที่ พนักงานสอบสวน หรือพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจชั้นผูใหญ
ไปทําการสอบสวนดวยตนเอง ยอมมีอํานาจที่จะเรียกผูตองหา หรือพยานมาได โดยไมตองออก หมายเรียก
กรณีที่ตองออกหมายเรียกนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 53 ไดวางหลักไววาหมายเรียกตองทําเปนหนังสือ และมีขอความดั่งตอไปนี้
(1) สถานที่ที่ออกหมาย
(2) วันเดือนปที่ออกหมาย
(3) ชื่อ และตําบลที่อยู ของบุคคลที่ออกหมายเรียกใหมา (4) เหตุที่ตองเรียกผูนั้นมา
(5) สถานที่ วันเดือนป และเวลาที่จะใหผูนั้นไปถึง
(6) ลายมือชื่อและประทับตราของศาลหรือลายมือชื่อและตําแหนงเจาพนักงานผู
ออกหมาย
สวน “ขอมูล” นั้นหมายถึงขอมูลทั่วไป เชนเปนขอมูลที่เก็บไวในไฟลดิสเกตต
หรือเปน printout แตไมรวมถึงขอมูลคอมพิวเตอร
การไมปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ตาม (1) เปนความผิดตามมาตรา 27
(2) เรียกขอมูลจราจรจราจรทางคอมพิวเตอรจากผูใหบริการเกี่ยวกับการ ติดตอสื่อสารผานระบบคอมพิวเตอรหรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวของ
พระราชบัญญัติวาดวยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร พ.ศ.2550 มาตรา 26 ไดวางหลักเกณฑเรื่องผูใหบริการเกี่ยวกับการติดตอสื่อสารผานระบบคอมพิวเตอร มีหนาที่ตอง เก็บขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรไวไมต่ํากวา 90 วัน แตไมเกินหนึ่งป ซึ่งรายละเอียดหลักเกณฑการ เก็บรักษาขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรของผูใหบริการนั้น ไดมีประกาศกระทรวงเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารออกหลักเกณฑในเรื่องดังกลาวแลว เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2550 (ราชกิจจานุเบกษา, 2550 : 5)
นอกจากพนักงานเจาหนาที่จะมีอํานาจเรียกขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรจากผู
ใหบริการแลว ก็ยังมีอํานาจเรียกจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวของไดอีกดวย
การไมปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจาหนาที่ตาม (2) เปนความผิดตามมาตรา 27
(3) สั่งใหผูใหบริการสงมอบขอมูลเกี่ยวกับผูใชบริการที่ตองเก็บรักษาตามมาตรา 26 หรือที่อยูในความครอบครองหรือควบคุมของผูใหบริการแกพนักงานเจาหนาที่
นอกจาก “ขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอร” แลว ผูใหบริการยังมีหนาที่ตองเก็บ ขอมูลเกี่ยวกับผูใชบริการที่ตองเก็บตามมาตรา 26 อีกดวย
ขอมูลที่เกี่ยวกับผูใชบริการ เชนขอมูลรหัสประจําตัวผูใชบริการ (user ID) ขอมูล เกี่ยวกับบุคคลที่ใชบริการซึ่งไดมีการลงทะเบียน (register) ไว เปนตน
นอกจากขอมูลของผูใชบริการที่ผูใหบริการมีหนาที่ตองเก็บตามมาตรา 26 แลว หากผูใหบริการมี
ขอมูลของผูใชบริการที่อยูในความครอบครองหรือควบคุมของผูใหบริการ พนักงานเจาหนาที่ก็มี
อํานาจที่จะสั่งใหผูใหบริการสงมอบไดเชนกัน
อํานาจของพนักงานเจาหนาที่ซึ่งมิตองขออนุญาตศาลนั้น กลาวโดยสรุปคือ พนักงานเจาหนาที่ มีอํานาจที่จะออกหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวของกับการกระทํา ความผิดตามพระราชบัญญัติฯมาใหถอยคํา สงคําชี้แจงเปนหนังสือ หรือสงเอกสาร ขอมูล หรือ หลักฐานอื่นใดที่อยูในรูปแบบที่สามารถเขาใจได และสั่งใหผูใหบริการสงมอบขอมูลเกี่ยวกับ ผูใชบริการที่ตองเก็บตามมาตรา 26 หรือที่อยูในความครอบครองหรือควบคุมของผูใหบริการใหแก
พนักงานเจาหนาที่ เพื่อใชขอมูลดังกลาวเปนหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนและประกอบการ พิจารณาคดี
(ข) การใชอํานาจของพนักงานเจาหนาที่ซึ่งตองขออนุญาตศาล
เมื่อพิจารณาจากหลัก มาตรา 18 วรรคแรก ภายใตบังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชน
ในการสืบสวนและสอบสวน ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อไดวามีการกระทําความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้ ใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจอยางหนึ่งอยางใดดังตอไปนี้ เฉพาะที่จําเปนเพื่อ ประโยชนในการใชเปนพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทําความผิดและหาตัวผูกระทําความผิด คํา วา “ภายใตบังคับมาตรา 19” หมายความวา การใชอํานาจของพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายนี้ตอง ปฏิบัติตามมาตรา 19 ดวย และเมื่อพิจารณาตามมาตรา 19 แลวเปนบทบัญญัติที่กําหนดใหการใช
อํานาจของพนักงานเจาหนาที่รวม 5 อนุมาตรา คือ (4) (5) (6) (7) และ (8) พนักงานเจาหนาที่จะตอง ยื่นคํารองตอศาลและศาลตองมีคําสั่งอนุญาตตามคํารองกอน พนักงานเจาหนาที่จึงจะสามารถ ดําเนินการได เนื่องจากการใชอํานาจเพื่อใหไดพยานหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนตามมาตรา
18(4)-(8) นั้น เปนการลวงละเมิดขอมูลสวนบุคคล หรือเปนการรุกล้ําสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ในการติดตอสื่อสาร การแสดงความคิดเห็น จึงตองมีองคกรศาลกลั่นกรองการใชอํานาจดังกลาว ของพนักงานเจาหนาที่
การใชอํานาจของพนักงานเจาหนาที่ตามมาตรา 18 ที่ตองขออนุญาตศาลตาม วิธีการที่บัญญัติไวในมาตรา 19
(1) ทําสําเนาขอมูลคอมพิวเตอร ขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอร จากระบบ คอมพิวเตอรที่มีเหตุอันควรเชื่อวาไดมีการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบ คอมพิวเตอรนั้นยังมิไดอยูในความครอบครองของพนักงานเจาหนาที่
การทําสําเนาขอมูลคอมพิวเตอรหรือขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรเมื่อไปกระทํา จากระบบคอมพิวเตอร ถือวาเปนการลวงล้ําเขาไปในขอมูลคอมพิวเตอร อันเปนการละเมิดสิทธิ
เสรีภาพสวนบุคคล ซึ่งหากบุคคลทั่วไปทํายอมเปนความผิดตามมาตรา 5 หรือมาตรา 7 ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่จะกระทําไดก็ตอเมื่อไดรับอนุญาตจากศาลกอน
สวนขอความที่วา “ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอรนั้นยังมิไดอยูในความครอบครอง ของพนักงานเจาหนาที่” หมายถึง ในกรณีที่หากพนักงานเจาหนาที่ไดยึดหรืออายัดระบบ
คอมพิวเตอรนั้นมาแลว ซึ่งในการยึดหรืออายัดนั้นระบบคอมพิวเตอร ก็ตองขออนุญาตศาลกอน เชนกัน ตาม (8) ดังนั้น เมื่อไดยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอรมาแลวก็ยอมใชอํานาจทําสําเนา ขอมูลคอมพิวเตอรไดเลยโดยไมจําเปนตองขออนุญาตตอศาลอีก
การใชอํานาจตาม มาตรา 18 (4) นี้ หมายถึงการที่พนักงานเจาหนาที่จะเขาไป ตรวจสอบขอมูลในระบบคอมพิวเตอร หรือในขอมูลคอมพิวเตอรใดๆ ก็ได ซึ่งไดแกการเจาะระบบ เพื่อใหทราบถึงระบบคอมพิวเตอรที่ใช เขาถึงขอมูลคอมพิวเตอรหรือขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอร
ซึ่งปกติแลวตองใชวิธีการทางคอมพิวเตอร การเขาถึงระบบคอมพิวเตอร ขอมูลคอมพิวเตอร และ ขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรยอมทําใหพนักงานเจาหนาที่ไดพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทํา ความผิดที่กระทําผานระบบคอมพิวเตอรหรือขอมูลคอมพิวเตอร นอกจากนั้นการเขาถึงขอมูล จราจรทางคอมพิวเตอรยอมเปนประโยชนในการสืบสวนหาตัวผูกระทําผิดวาผูใดเปนผูกระทํา ความผิดและเมื่อวัน เวลาใด จากสถานที่ใด เปนตน และเมื่อหาตัวผูกระทําผิดไดแลว ยังมีอํานาจสั่ง ใหบุคคลนั้นสงขอมูลคอมพิวเตอร หรือขอมูลจราจรทางคอมพิวเตอรที่เกี่ยวของเทาที่จําเปนใหดวย ก็ได
การทําสําเนาขอมูลคอมพิวเตอรตามมาตรา 18(4) นอกจากจะตองยื่นคํารองตอศาล และเมื่อไดรับอนุญาตจากศาลแลว ตามวรรคสี่ยังระบุวาใหกระทําไดเฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได