The Effects of Quality Management on Performance Efficiency in Colleges under Office of the Vocational Education Commission
วรพล อินทรก�ำแหง*, วีรยำ ภัทรอำชำชัย2 และนงลักษณ์ แสงมหำชัย3 Woraphon Intharakamhaeng*, Veeraya Patara-Archachai2 and Nongluk Sangmahachai3 Received : July 7, 2019 Revised : November 1, 2019 Accepted : November 26, 2019
บทคัดย่อ
กำรวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษำผลกระทบของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน ของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ โดยใช้แบบสอบถำมเป็นเครื่องมือในกำรเก็บรวบรวมข้อมูล จำกผู้บริหำรวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรอำชีวศึกษำ จ�ำนวน 203 คน สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ได้แก่
ค่ำเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน กำรวิเครำะห์สหพันธ์แบบพหุคูณ กำรวิเครำะห์ควำมถดถอยแบบพหุคูณ ผลกำรวิจัย พบว่ำ กำรบริหำรคุณภำพมีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน ดังนั้น ผู้บริหำรวิทยำลัย สังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ควรมีกำรส่งเสริมในเรื่องของกระบวนกำรวำงแผน กระบวนกำรปฏิบัติ
ตำมแผน กระบวนกำรตรวจสอบและกระบวนกำรปรับปรุงงำนให้กับหน่วยงำนและพนักงำนในองค์กร เพื่อที่จะสำมำรถ ท�ำกำรปรับปรุงพัฒนำกำรให้บริกำรเพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของทุกฝ่ำยที่มีส่วนร่วมกับองค์กร ซึ่งจะน�ำไปสู่
ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนให้บรรลุวัตถุประสงค์องค์กรที่ตั้งไว้
ค�าส�าคัญ : กำรบริหำรคุณภำพ ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน วิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ
_____________________________________________________
* นิสิตระดับปริญญำโท หลักสูตรเศรษฐศำสตรมหำบัณฑิต คณะกำรบัญชีและกำรจัดกำร มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม
Abstract
The research objective was to study the effect of quality management on the performance efficiency in Colleges under the Office of the Vocational Education Commission. The Questionnaires were used as a tool for the data collection from 203 college administrators of the Vocational Education
Commission. The statistics used for data analysis were Mean, Standard Deviation, Multiple Correlation Analysis, Multiple Regression Analysis. The research result found that quality management had relationship and a positive effect with performance efficiency. Therefore, the college administrators under the Office of the Vocational Education Commission should promote the planning process, plan implementation process, inspection process and job improvement process for departments and employees in the organization.
Keywords : Quality Management, Performance Efficiency, Colleges under Office of The Vocational Education Commission.
1. บทน�า
กระแสโลกำภิวัฒน์ท�ำให้เกิดกำรสื่อสำรไร้พรมแดน ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงในด้ำนต่ำง ๆ อย่ำงรวดเร็ว ทั้งทำงด้ำนเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง กำรศึกษำ วัฒนธรรม กำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวส่งผลให้บุคคลต้องเรียนรู้ที่จะต้อง ปรับตัวให้เข้ำกับยุคของกำรเปลี่ยนแปลง กำรที่บุคคลจะเรียนรู้เพื่อที่จะปรับตัวได้ดีจะต้องได้รับกำรศึกษำที่มีคุณภำพ และกำรศึกษำที่จะมีคุณภำพนั้นจ�ำเป็นจะต้องมีกำรจัดกำรระบบกำรศึกษำที่มีมำตรฐำนในทุก ๆ ด้ำน ทั้งในด้ำนหลักสูตร กำรเรียนกำรสอน กำรพัฒนำครู กำรพัฒนำสื่อและแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนกำรสร้ำงควำมร่วมมือระหว่ำงสถำนศึกษำ กับผู้ปกครอง ชุมชน ตลอดจนสถำนประกอบกำรและองค์กรต่ำง ๆ ซึ่งยุทธวิธีที่จะท�ำให้กำรจัดกำรศึกษำเกิดคุณภำพ จ�ำเป็นต้องมีระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ เพื่อให้ผู้ส�ำเร็จกำรศึกษำออกไปกลำยเป็นทรัพยำกรบุคคลที่ส�ำคัญ ของประเทศชำติ วงกำรศึกษำไทยมีกำรรับรู้และตื่นตัวในเรื่องกำรประกันคุณภำพมำตรฐำนกำรศึกษำว่ำเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะบ่งชี้ถึงคุณภำพกำรศึกษำ โดยได้ถูกระบุไว้พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พุทธศักรำช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พุทธศักรำช 2545 (วิวัฒนำกำรกำรศึกษำไทย และกำรศึกษำโลก, 2559 : เว็บไซต์) ผู้บริหำรสถำนศึกษำจะเป็น ผู้น�ำที่มีบทบำทที่ส�ำคัญในกำรด�ำเนินงำนขององค์กรทำงกำรศึกษำ ซึ่งควำมส�ำเร็จในกำรด�ำเนินงำนทำงกำรศึกษำจะถูก วัดได้จำกผลกำรประเมินมำตรฐำนและคุณภำพกำรศึกษำโดยระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ โดยอำศัยกระบวนกำร บริหำรงำนคุณภำพเพื่อให้กำรจัดกำรศึกษำบรรลุวัตถุประสงค์อย่ำงมีประสิทธิภำพ (สมหวัง พิธิยำนุวัฒน์, 2555 : 3)
กำรบริหำรคุณภำพ (Quality Management) เป็นกระบวนกำรหลักที่ส�ำคัญอย่ำงหนึ่งในกำรจัดกำรศึกษำ ส�ำหรับกำรพัฒนำคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำ โดยสถำนศึกษำได้จัดให้มีระบบกำรประกันคุณภำพภำยในสถำน ศึกษำที่ต้องด�ำเนินกำรอย่ำงต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำรสร้ำงควำมมั่นใจและเป็นหลักประกันแก่ผู้ปกครอง ชุมชน และสังคมว่ำ สถำนศึกษำสำมำรถจัดกำรศึกษำได้ตำมมำตรฐำน ผู้ส�ำเร็จกำรศึกษำมีควำมรู้ควำมสำมำรถ และมีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ตำมที่หลักสูตรก�ำหนดและสังคมต้องกำร ซึ่งต้องอำศัยบุคคลหลำยฝ่ำยร่วมมือกัน ได้แก่ ผู้บริหำร ครู และ บุคลำกรทำงกำรศึกษำตำมวงจรคุณภำพ PDCA ของ Deming เริ่มต้นตั้งแต่มีกำรวำงแผน (Plan : P) กำรปฏิบัติตำมแผน (Do : D) กำรตรวจสอบ (Check : C) และกำรปรับปรุงงำน (Action : A) น�ำไปสู่กำรรับรองคุณภำพและมำตรฐำน กำรศึกษำ ซึ่งผลกำรรับรองคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำดังกล่ำวจะเป็นดัชนีชี้วัดควำมส�ำเร็จจำกกำรด�ำเนินงำน ของสถำนศึกษำ น�ำมำซึ่งกำรเปลี่ยนแปลงทิศทำงกำรด�ำเนินนโยบำยทำงกำรศึกษำของสถำนศึกษำ และแสดงให้เห็นว่ำ
ผู้บริหำรสถำนศึกษำสำมำรถน�ำพำสถำนศึกษำ บุคลำกร นักเรียนนักศึกษำ ไปสู่ควำมส�ำเร็จอย่ำงมีประสิทธิภำพ ได้ด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจตำมที่สถำนศึกษำตั้งไว้ และเป็นที่ยอมรับของชุมชนว่ำสำมำรถจัดกำรศึกษำได้อย่ำงมี
คุณภำพมำตรฐำน (ส�ำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ, 2554 : 10-12)
ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน (Performance Efficiency) เป็นควำมสำมำรถในกำรด�ำเนินงำนให้ถึงเป้ำหมำย โดยใช้ทรัพยำกรอย่ำงคุ้มค่ำ (ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์, 2547 : 13) ส�ำหรับมุมมองประสิทธิภำพขององค์กรในแง่กำร จัดกำรศึกษำ ต้องจัดกำรศึกษำให้บรรลุเป้ำหมำยที่ก�ำหนดไว้โดยมุ่งยกระดับคุณภำพกำรศึกษำในทุกมิติ น�ำไปสู่
กำรก�ำหนดนโยบำยกำรพัฒนำสถำนศึกษำไปในทิศทำงที่เหมำะสม ในกำรประเมินประสิทธิภำพขององค์กร มีควำม จ�ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องมีมำตรฐำนที่สำมำรถชี้ให้เห็นถึงกำรจัดกำรศึกษำ ว่ำสอดคล้องกับบทบำทและภำรกิจของ สถำนศึกษำในกำรบริหำรทรัพยำกรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยต้องค�ำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ครู บุคลำกรทำงกำรศึกษำ นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและท้องถิ่น โดยกำรวัดประสิทธิภำพ กำรด�ำเนินงำนจะให้ควำมส�ำคัญกับกำรพิจำรณำผลลัพธ์ทั้งในด้ำนตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ซึ่งสำมำรถสะท้อนให้เห็นถึง ปัจจัยต่ำง ๆ ที่ส่งผลต่อควำมเจริญเติบโตของสถำนศึกษำในระยะยำว ตัวชี้วัดประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนพิจำรณำ ตัวชี้วัด 4 มุมมอง คือ มุมมองด้ำนกำรเงิน (Financial Perspective) มุมมองด้ำนลูกค้ำ (Customer Perspective) มุมมองด้ำนกระบวนกำรภำยใน (Internal Process Perspective) และมุมมองด้ำนกำรเรียนรู้และพัฒนำ (Learning and Growth Perspective) มุมมองทั้ง 4 ด้ำน จะแสดงถึงประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของสถำนศึกษำ ซึ่งไม่ได้ใช้
ส�ำหรับกำรวัดผลเฉพำะทรัพยำกรที่สำมำรถจับต้องได้เท่ำนั้น แต่ยังรวมถึงทรัพยำกรที่จับต้องไม่ได้อีกด้วย (พสุ เดชะรินทร์, 2545 : 2-4) กำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัยแต่ละแห่งในสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรอำชีวศึกษำ ต้องมีกำรบริหำรองค์กรให้เกิดกำรด�ำเนินงำนอย่ำงมีประสิทธิภำพ โดยผู้บริหำรสถำนศึกษำคือ ผู้อ�ำนวยกำรวิทยำลัย จะต้องมีภำระหน้ำที่ในกำรบริหำรองค์กรให้เจริญก้ำวหน้ำ สร้ำงจุดเด่น ขจัดจุดด้อยของวิทยำลัยแต่ละแห่ง เพื่อควำม เป็นเลิศในระยะยำวให้เป็นที่ยอมรับของชุมชนและสังคม (ฐิตินันท์ นำดี, 2554 : 53)
วิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ (Colleges under Office of the Vocational Education Commission.) เป็นหน่วยงำนของกระทรวงศึกษำธิกำร ที่มีหน้ำที่ในกำรจัดกำรศึกษำประเภทอำชีวศึกษำ ของประเทศให้สอดคล้องกับแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ วิทยำลัยแต่ละแห่งจะต้องเข้ำรับกำรประเมิน คุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำ ในช่วงระยะเวลำที่ถูกก�ำหนด โดยส�ำนักงำนรับรองมำตรฐำนและประเมินคุณภำพ กำรศึกษำ (องค์กรมหำชน) ในด้ำนกำรบริหำรงำนภำยในของวิทยำลัยแต่ละแห่งนั้น มุ่งเน้นกำรด�ำเนินงำนให้เกิด ประสิทธิภำพสูงสุด ให้เกิดกับผู้เกี่ยวข้องในทุกด้ำน ซึ่งวิทยำลัยในสังกัดจะรับนโยบำยกำรจัดกำรศึกษำวิชำชีพ จำกส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำไปสู่กำรปฏิบัติในระดับวิทยำลัย ซึ่งตั้งกระจำยอยู่ในทุกภูมิภำคทั่วประเทศ รูปแบบ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนของวิทยำลัยแต่ละแห่ง มุ่งเน้นเปิดโอกำสให้เยำวชน ประชำชนและผู้สนใจในแต่ละ ชุมชนท้องถิ่นได้เข้ำศึกษำ ฝึกอบรมด้ำนวิชำชีพ ในหลักสูตรระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพ (ปวช.) หลักสูตรระดับ
ประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง (ปวส.) หลักสูตรวิชำชีพระยะสั้น และระดับปริญญำตรี โดยค�ำนึงถึงสภำพ กำรเปลี่ยนแปลง โครงสร้ำงเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง วัฒนธรรมและเทคโนโลยีสำรสนเทศ และตำมควำมต้องกำรของผู้เรียนเพื่อน�ำ ควำมรู้ ควำมสำมำรถ ประสบกำรณ์ที่ได้รับไปประกอบอำชีพในสังคมได้ (ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ, 2559 : เว็บไซต์)
จำกเหตุผลที่กล่ำวมำแล้วข้ำงต้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษำผลกระทบของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อ ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะ ทดสอบว่ำ กำรบริหำรคุณภำพส่งผลต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำร กำรอำชีวศึกษำหรือไม่ อย่ำงไร ซึ่งจะท�ำกำรเก็บรวบรวมข้อมูลจำกผู้บริหำรวิทยำลัย ผลลัพธ์ที่ได้จำกกำรวิจัย จะน�ำไป ใช้เป็นแนวทำงและพัฒนำกำรใช้ทรัพยำกรในกำรด�ำเนินงำนให้มีประสิทธิภำพสูงสุดสมกับเป็นองค์กรหลัก
ด้ำนกำรจัดกำรศึกษำสำขำวิชำชีพของประเทศ
2. เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและสมมติฐานในการวิจัย
ในกำรศึกษำวิจัยครั้งนี้ กำรบริหำรคุณภำพได้ถูกก�ำหนดเป็นตัวแปรอิสระที่มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบต่อ ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน จำกวัตถุประสงค์ข้ำงต้นสำมำรถสรุปกรอบแนวคิดในกำรวิจัย ได้ดังนี้
รูปภาพประกอบ 1
โมเดลของการบริหารคุณภาพ และประสิทธิภาพในการด�าเนินงาน การบริหารคุณภาพ (QM)
1. กำรบริหำรคุณภำพด้ำนกระบวนกำรวำงแผน 2. กำรบริหำรคุณภำพด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติ(QP)
ตำมแผน (QD)
3. กำรบริหำรคุณภำพด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ 4. กำรบริหำรคุณภำพด้ำนกระบวนกำร(QC)
ปรับปรุงงำน (QA)
ประสิทธิภาพการด�าเนินงาน (PF) 1. ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนด้ำนกำรเงิน (FP) 2. ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนด้ำนลูกค้ำ (CP) 3. ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนด้ำนกระบวนกำร
ภำยใน (IP)
4. ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนด้ำนกำรเรียนรู้
และพัฒนำ (LP)
2.1 การบริหารคุณภาพ (Quality Management)
กำรบริหำรคุณภำพ หมำยถึง กำรบริหำรงำนอย่ำงเป็นระบบโดยมุ่งให้เกิดคุณภำพในทุกขั้นตอน ทุกกิจกรรม ทุกกระบวนกำรและทุก ๆ ส่วนของหน่วยงำน โดยใช้วงจรคุณภำพ โดยใช้แนวคิดวงจรคุณภำพของ (กิติศักดิ์ พลอยพำนิชเจริญ, 2557 : 25 ; อ้ำงอิงมำจำก Deming, 1993) ประกอบด้วย
2.1.1 ด้ำนกระบวนกำรวำงแผน (Plan) หมำยถึง กิจกรรมกำรก�ำหนดเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ใน กำรด�ำเนินงำน วิธีกำร และขั้นตอนที่จ�ำเป็นเพื่อให้กำรด�ำเนินกำรบรรลุเป้ำหมำย โดยกำรวำงแผนจะต้องท�ำควำมเข้ำใจ กับเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เป้ำหมำยที่ก�ำหนดต้องเป็นไปตำมนโยบำย วิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร เพื่อก่อให้เกิดกำรพัฒนำที่เป็นไปตำมแนวทำงเดียวกันทั่วทั้งองค์กร
2.1.2 ด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติตำมแผน (Do) หมำยถึง กำรด�ำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตำมแผน ที่ก�ำหนดไว้ ซึ่งก่อนที่จะปฏิบัติงำน จ�ำเป็นต้องศึกษำข้อมูลและเงื่อนไขของสภำพงำนที่เกี่ยวข้อง โดยกำรปฏิบัติ
จะต้องด�ำเนินกำรไปตำมแผน วิธีกำรและขั้นตอนที่ก�ำหนดไว้ โดยจะต้องเก็บรวบรวม และบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กำรปฏิบัติงำนไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในกำรด�ำเนินงำนในขั้นต่อไป
2.1.3 ด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ (Check) หมำยถึง กิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อประเมินผลกำรปฏิบัติงำน ตำมแผน ปัญหำที่เกิดขึ้นในระหว่ำงกำรปฏิบัติงำน และกำรตรวจสอบจึงเป็นสิ่งส�ำคัญที่จะต้องกระท�ำควบคู่ไปกับ กำรด�ำเนินงำนเพื่อจะได้ทรำบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในกำรปรับปรุงคุณภำพของกำรด�ำเนินงำน
2.1.4 ด้ำนกระบวนกำรปรับปรุงงำน (Action) หมำยถึง กิจกรรมที่ด�ำเนินกำรขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหำ หลังจำกที่ได้ท�ำกำรตรวจสอบแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหำและขจัดอุปสรรคจำกกำรปฏิบัติงำน กำรปรับปรุงงำน อำจน�ำไปสู่กำรก�ำหนดมำตรฐำนวิธีกำรท�ำงำนที่ต่ำงจำกเดิม เมื่อมีกำรด�ำเนินงำนตำมวงจรคุณภำพในรอบใหม่
เพื่อช่วยให้กำรวำงแผนมีควำมสมบูรณ์และมีประสิทธิภำพมำกขึ้น
2.2 ประสิทธิภาพการด�าเนินงาน (Performance Efficiency)
ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน หมำยถึง กำรด�ำเนินงำนให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์อำจเปรียบเทียบค่ำใช้จ่ำย ในกำรลงทุนหรือจ�ำนวนทรัพยำกรที่มีอย่ำงคุ้มค่ำและกำรด�ำเนินงำนที่มีคุณภำพเป็นที่น่ำพอใจแก่ทุกฝ่ำย องค์กรมีกำร บริหำรงำนเพื่อให้ต้นทุนต�่ำที่สุดหรือเปรียบเทียบกับทรัพยำกรที่ใช้ไปกับผลที่ได้จำกกำรท�ำงำน โดยกำรน�ำเวลำมำ พิจำรณำด้วย โดยใช้แนวคิดกำรวัดผลกำรด�ำเนินงำนแบบดุลยภำพ (พสุ เดชะรินทร์, 2545 : 2-4) ประกอบด้วย
2.2.1 มุมมองด้ำนกำรเงิน (Financial Perspective) หมำยถึง กำรบริหำรทรัพยำกรและงบประมำณ ที่ได้รับกำรจัดสรรมำ กำรรับและเบิกจ่ำยเงินเพื่อใช้ด�ำเนินกำรตำมแผนงำนโครงกำรอย่ำงมีประสิทธิภำพ
2.2.2 มุมมองด้ำนลูกค้ำ (Customer Perspective) หมำยถึง กำรสร้ำงควำมพึงพอใจแก่ผู้เกี่ยวข้อง ในกำรด�ำเนินงำนจัดกำรศึกษำ ควำมพึงพอใจของนักเรียนนักศึกษำต่อกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน และกำรบริกำร ควำมพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องที่ใช้ประโยชน์จำกปฏิบัติงำนของผู้ส�ำเร็จกำรศึกษำ
2.2.3 มุมมองด้ำนกระบวนกำรภำยใน (Internal Process Perspective) หมำยถึง กำรบริหำรงำน ภำยในที่มีประสิทธิภำพ เกิดกำรประสำนงำนด้ำนวิชำกำรระหว่ำงครูกับครู กำรคิดค้นนวัตกรรมกำรวิจัยเพื่อสนับสนุน กำรจัดกำรเรียนกำรสอน กำรสนับสนุนขององค์กรในด้ำนกำรคิดค้นนวัตกรรมใหม่ และกำรสร้ำงกลไกของกำรประกัน คุณภำพกำรศึกษำอย่ำงต่อเนื่อง
2.2.4 มุมมองด้ำนกำรเรียนรู้และกำรพัฒนำ (Learning and Growth Perspective) หมำยถึง กำรผลักดันกำรบูรณำกำรเกี่ยวกับกำรพัฒนำบุคลำกร กำรส่งเสริมและสนับสนุนกำรเรียนรู้ภำยในองค์กรกำรพัฒนำ ระบบข้อมูลข่ำวสำร และเสริมสร้ำงควำมพึงพอใจของบุคลำกรในกำรปฏิบัติงำน
กำรศึกษำวิจัย ผลกระทบของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัยสังกัด ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ผู้วิจัยได้ก�ำหนดสมมติฐำนของกำรวิจัย ดังนี้
สมมุติฐานในการวิจัย กำรบริหำรคุณภำพมีควำมสัมพันธ์และผลกระทบกับประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของ วิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ
3. วิธีการด�าเนินงานวิจัย
3.1 กระบวนการและวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
ประชำกรกลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรวิจัย ได้แก่ ผู้บริหำรวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ทั้งหมด จ�ำนวน 429 คน (ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ, 2559 : เว็บไซต์) โดยด�ำเนินกำรส่งแบบสอบถำม ทำงไปรษณีย์ให้กับประชำกรกลุ่มตัวอย่ำงโดยเริ่มส่งแบบสอบถำมวันที่ 1 พฤศจิกำยน - 31 ธันวำคม 2561 จ�ำนวน 429 ชุด ถึงผู้บริหำรวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะ กรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ตำมชื่อ ที่อยู่ของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำน คณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ โดยแนบซองจดหมำยติดแสตมป์และจ่ำหน้ำซองกลับถึงผู้วิจัยโดยก�ำหนดให้ส่งคืนภำยใน 15 วัน หลังจำกได้รับแบบสอบถำมเมื่อครบก�ำหนดส่งไปแล้ว 15 วัน คือวันที่ 15 มกรำคม 2562 ได้รับแบบสอบถำม ตอบกลับมำ จ�ำนวน 115 ฉบับ ผู้วิจัยจึงได้ด�ำเนินกำรโทรศัพท์ติดตำมสอบถำมไปที่วิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำน
คณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำกลุ่มเดิมอีกครั้งที่ยังไม่ได้ตอบกลับมำ หลังจำกนั้นอีก 15 วัน คือวันที่ 31 มกรำคม 2562 ได้รับแบบสอบถำมตอบกลับมำอีกจ�ำนวน 88 ฉบับ รวมแบบสอบถำมที่ได้รับกลับคืนมำจ�ำนวนทั้งสิ้น 203 ฉบับ รวมระยะเวลำในกำรจัดเก็บข้อมูล 90 วัน ซึ่งมีอัตรำกำรตอบกลับคิดเป็นร้อยละ 47.32 ซึ่งสอดคล้องกับ Aaker, Kumar และ Day (2001) ได้เสนอว่ำกำรส่งแบบสอบถำม ต้องมีอัตรำตอบกลับมำอย่ำงน้อยร้อยละ 20 จึงถือว่ำยอมรับได้
3.2 การวัดคุณลักษณะของตัวแปร
กำรบริหำรคุณภำพ เป็นตัวแปรอิสระ ซึ่งสำมำรถจ�ำแนกออกเป็น 4 ด้ำน ดังนี้ 1) ด้ำนกระบวนกำรวำงแผน จ�ำนวน 4 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรน�ำวิสัยทัศน์มำก�ำหนดเป็นเป้ำหมำยเพื่อให้กำรวำงแผนมีควำมชัดเจน กำรก�ำหนดขั้นตอนกำรด�ำเนินงำนเพื่อให้บรรลุเป้ำหมำยสูงสุด กำรระดมควำมคิดเห็นเพื่อให้บุคลำกร มีส่วนร่วมในกำร วำงแผนเพื่อพัฒนำองค์กรให้มีประสิทธิภำพ กำรวำงแผนจัดสรรทรัพยำกรที่มีอยู่ได้อย่ำงเหมำะสม 2) ด้ำนกระบวนกำร ปฏิบัติตำมแผน จ�ำนวน 4 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรมุ่งเน้นให้บุคลำกรปฏิบัติงำนอย่ำงเต็มควำมสำมำรถ เพื่อให้แล้วเสร็จตำมเป้ำหมำยที่ก�ำหนด กำรมุ่งมั่นให้บุคลำกรศึกษำข้อมูลในกำรปฏิบัติงำนเพื่อป้องกันข้อผิดพลำด ที่อำจเกิดขึ้น กำรมอบหมำยหน้ำที่ผู้รับผิดชอบให้ตรงควำมรู้ควำมสำมำรถ กำรนิเทศ แนะน�ำ ก�ำกับ ติดตำมเพื่อให้กำร ปฏิบัติงำนเป็นไปตำมวัตถุประสงค์ 3) ด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ จ�ำนวน 5 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรก�ำหนด วัตถุประสงค์และชี้แจงวิธีกำรตรวจสอบอย่ำงชัดเจน กำรเก็บข้อมูลเพื่อน�ำมำ ใช้ประโยชน์ในกำรปรับปรุงคุณภำพ กำรด�ำเนินงำน กำรตรวจสอบคุณภำพของผลงำนในแต่ละขั้นตอนเพื่อเปรียบเทียบกับแผนที่วำงไว้ กำรวิเครำะห์ถึง สำเหตุแห่งควำมส�ำเร็จและผิดพลำดจำกกำรด�ำเนินงำน กำรรำยงำนผลกำรตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐำนประกอบกำร ตัดสินใจในอนำคต 3) ด้ำนกระบวนกำรปรับปรุงงำน จ�ำนวน 5 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับปัญหำที่เกิดขึ้นจำก กำรปฏิบัติงำนในทุกระดับ กำรวิเครำะห์สำเหตุของปัญหำเพื่อหลีกเลี่ยงควำมผิดพลำดที่อำจจะเกิดขึ้นซ�้ำอีก กำรปรับปรุงระบบและวิธีกำรที่จะไม่ท�ำให้เกิดควำมผิดพลำดซ�้ำอีก กำรประชุมชี้แจงบุคลำกรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ กระบวนกำรพัฒนำกำรปฏิบัติงำนเพื่อให้งำนเกิดประสิทธิภำพ
ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน เป็นตัวแปรตำม ซึ่งสำมำรถจ�ำแนกออกเป็น 4 ด้ำน ดังนี้ 1) ด้ำนกำรเงิน จ�ำนวน 3 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรใช้ทรัพยำกรที่ได้รับจัดสรรมำด�ำเนินงำนได้อย่ำงเหมำะสม กำรเพิ่ม ปริมำณผู้เรียนเพื่อเพิ่มงบประมำณอุดหนุนที่ได้รับจัดสรรมำอย่ำงต่อเนื่อง กำรจัดสรรทรัพยำกรเช่น เงิน วัสดุ อุปกรณ์
ที่มีอยู่ได้อย่ำงเหมำะสมตำมแผนบริหำรงบประมำณที่ก�ำหนดไว้ 2) ด้ำนลูกค้ำ จ�ำนวน 4 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำ เกี่ยวกับกำรน�ำข้อร้องเรียนของผู้เกี่ยวข้องเพื่อน�ำมำวิเครำะห์และปรับปรุงกำรให้บริกำรให้มีคุณภำพตลอดเวลำ กำรพัฒนำคุณภำพกำรบริกำรให้ สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภำพอย่ำงต่อเนื่อง กำรสร้ำงสัมพันธภำพที่ดีกับ ผู้รับบริกำรอย่ำงเป็นระบบเพื่อเพิ่มยอดผู้รับบริกำรรำยใหม่ กำรดูแลเอำใจใส่ผู้รับบริกำรอย่ำงเป็นระบบเพื่อสร้ำงควำม ประทับใจอย่ำงต่อเนื่อง 3) ด้ำนกระบวนกำรภำยใน จ�ำนวน 3 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรน�ำระบบกำร
บริหำรงำนที่ทันสมัยมำใช้เพื่อน�ำไปสู่ควำมเป็นผู้น�ำในกำรจัดกำรอำชีวศึกษำ กำรประเมินกระบวนกำรท�ำงำนอยู่เสมอ เพื่อยกระดับกำรปฏิบัติงำน กำรพัฒนำกำรท�ำงำนเป็นทีมเพื่อให้บุคลำกรมีควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติงำน ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ 4) ด้ำนกำรเรียนรู้และพัฒนำ จ�ำนวน 5 ข้อ โดยครอบคลุมเนื้อหำเกี่ยวกับกำรสนับสนุนกำรพัฒนำ บุคลำกรในด้ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศมำใช้ในกำรปฏิบัติงำนและพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอน กำรเปิดโอกำสแก่
บุคลำกรอบรมเพิ่มพูนทักษะควำมช�ำนำญและควำมเชี่ยวชำญเฉพำะด้ำน อยู่ตลอดเวลำ กำรพัฒนำระบบเทคโนโลยี
กำรเรียนรู้ด้วยตนเองของบุคลำกรให้ทันสมัยอย่ำงต่อเนื่อง กำรส�ำรวจควำมพึงพอใจของบุคลำกรเพื่อพัฒนำแรงจูงใจใน กำรปฏิบัติงำนอย่ำงสม�่ำเสมอ กำรน�ำหลักกำรบริหำรคุณภำพมำใช้ได้อย่ำงเหมำะสมตรงตำมวิสัยทัศน์ที่ได้ก�ำหนดไว้
3.3 คุณภาพของเครื่องมือวัด
ผู้วิจัยได้ท�ำกำรทดสอบควำมเที่ยงตรง โดยผ่ำนกำรพิจำรณำเนื้อหำของข้อค�ำถำมจำกผู้เชี่ยวชำญและ หำค่ำอ�ำนำจจ�ำแนกรำยข้อ (Discriminant Power) โดยใช้เทคนิค Item - total Correlation ซึ่งกำรบริหำรคุณภำพ ได้ค่ำอ�ำนำจจ�ำแนก (r) อยู่ระหว่ำง 0.898-0.936 และประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน ได้ค่ำอ�ำนำจจ�ำแนก (r) อยู่ระหว่ำง 0.832-0.929 ซึ่งสอดคล้องกับ Nunnally (1978) ได้น�ำเสนอว่ำกำรทดสอบค่ำอ�ำนำจจ�ำแนกเกินกว่ำ 0.70 เป็นค่ำที่
ยอมรับได้ และหำควำมเชื่อมั่นของเครื่องมือ (Reliability Test) ของแบบสอบถำมเป็น รำยด้ำน โดยใช้วิธีหำค่ำ สัมประสิทธิ์แอลฟำ (Alpha Coefficient) ตำมวิธีของครอนบำค (Cronbach) ซึ่งกำรบริหำรคุณภำพ มีค่ำสัมประสิทธิ์
แอลฟำอยู่ระหว่ำง 0.852-0.910 และประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน มีค่ำสัมประสิทธิ์แอลฟำ อยู่ระหว่ำง 0.723-0.891 ซึ่งสอดคล้องกับ Nunnally (1978) ได้น�ำเสนอว่ำ ควำมน่ำเชื่อถือตำมทฤษฎีของ Cronbach ซึ่งแนะน�ำว่ำค่ำควำมเชื่อมั่น ของค�ำถำมไม่ควรต�่ำกว่ำ 0.70 จึงจะถือว่ำยอมรับได้ว่ำเครื่องมือมีคุณภำพ
3.4 สถิติที่ใช้ในการวิจัย
ส�ำหรับกำรวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้กำรวิเครำะห์สหสัมพันธ์แบบพหุคูณ (Multiple Correlation Analysis) และกำรวิเครำะห์ควำมถดถอยแบบพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) กำรทดสอบควำมสัมพันธ์และผลกระทบ ของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำร
กำรอำชีวศึกษำ ซึ่งเขียนสมกำรได้ดังนี้
สมกำร PF =
เมื่อ PF แทน ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน
QP แทน กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรวำงแผน QD แทน กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติตำมแผน QC แทน กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ QA แทน กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรปรับปรุงงำน
4. ผลลัพธ์การวิจัยและการอภิปรายผล
ตาราง 1 กำรวิเครำะห์สหสัมพันธ์ของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัย สังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ
ตัวแปร PF QP QD QC QA VIFs
4.16 4.37 4.40 4.18 4.26
S.D. 0.53 0.54 0.54 0.59 0.61
PF 0.695* 0.741* 0.743* 0.757*
QP 0.749* 0.726* 0.750* 2.741
QD 0.779* 0.821* 3.794
QC 0.800* 3.344
QA 4.078
*มีนัยส�ำคัญทำงสถิติที่ระดับ 0.05
จำกตำรำง 1 พบว่ำ ตัวแปรอิสระแต่ละด้ำนมีควำมสัมพันธ์กัน ซึ่งอำจท�ำให้เกิดปัญหำ Multicollinearity ดังนั้น ผู้วิจัยจึงท�ำกำรทดสอบ Multicollinearity โดยใช้ค่ำ VIFs ปรำกฏว่ำ ค่ำ VIFs ของตัวแปรอิสระกำรบริหำรคุณภำพ มีค่ำตั้งแต่ 2.741-3.794 ซึ่งมีค่ำน้อยกว่ำ 10 แสดงว่ำ ตัวแปรอิสระมีควำมสัมพันธ์กันแต่ไม่มีนัยส�ำคัญ
(Black, 2006 : 586)
ตาราง 2 กำรทดสอบควำมสัมพันธ์ของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัย สังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ
การบริหารคุณภาพ (QM)
ประสิทธิภาพการด�าเนินงานโดยรวม (PF)
t p-value สัมประสิทธิ์
การถดถอย ความคลาดเคลื่อน มาตรฐาน ค่ำคงที่ (a)
ด้ำนกระบวนกำรวำงแผน (QP) ด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติตำมแผน (QD) ด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ (QC) ด้ำนกระบวนกำร ปรับปรุงงำน (QA)
0.670 0.149 0.202 0.233 0.230
0.194 0.068 0.079 0.069 0.073
3.452*
2.203*
2.540*
3.378*
3.129*
0.0001 0.029 0.012 0.001 0.002 F = 92.894 p < 0.0001* Adj R2= 0.013
*มีนัยส�ำคัญทำงสถิติที่ระดับ 0.05
จำกตำรำง 2 พบว่ำ 1) กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรวำงแผน มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวก กับประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนโดยรวม ด้ำนกำรเงินและด้ำนกระบวนกำรภำยใน เนื่องจำก วิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำน คณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ต้องมีกำรจัดสรรเงินหรืองบประมำณให้สอดคล้องกับกำรพัฒนำและปรับปรุงเพิ่มปริมำณ ผู้เรียนซึ่งจะช่วยเพิ่มรำยได้มำกยิ่งขึ้นกว่ำเดิม มีกำรบริหำรกำรเงินที่มีแผนกำรใช้จ่ำยให้มีประสิทธิภำพซึ่งจะส่งผลให้
วิทยำลัยมีกำรน�ำระบบกำรบริหำรจัดกำรที่มีควำมทันสมัยและช่วยอ�ำนวยควำมสะดวกในกำรบริหำรภำยใน และท�ำให้
เกิดกำรบริกำรเพื่อควำมสะดวก รวดเร็วต่อไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ (2547 : 80)
ได้กล่ำวว่ำ กำรบริหำรคุณภำพมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสิทธิภำพ กำรด�ำเนินงำนขององค์กรเพรำะกำรด�ำเนินงำนของ องค์กรมีกำรจัดระบบที่ดีจะเป็นกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน มีกำรวัดประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนขององค์กร โดยกำรใช้เครื่องมือทำงด้ำนกำรจัดกำรที่ช่วยน�ำกลยุทธ์ไปสู่กำรปฏิบัติกำร (Strategic Implementation) โดยอำศัย กำรวัดหรือประเมิน (Measurement) ที่จะช่วยท�ำให้องค์กรเกิดควำมสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมุ่งเน้น ในสิ่งที่มีควำมส�ำคัญต่อควำมส�ำเร็จขององค์กร (Alignment and Focused) และสอดคล้องกับงำนวิจัยของ
Car (1995 : abstract) พบว่ำ กำรท�ำงำนเป็นทีมกำรบริหำรคุณภำพทั่วทั้งองค์กรนั้น มีผลต่อกำรปรับปรุงกำรท�ำงำน ซึ่งกำรท�ำงำนโดยใช้ทีมมีผลกระทบต่อองค์กร ไม่ว่ำองค์กรนั้นจะมีลักษณะตำมสำยกำรบังคับบัญชำเป็นทำงกำร หรือกำรจัดรูปแบบตำมที่จัดกันมำบทบำทของทีม จะมีผลต่อกำรมองกระบวนกำรน�ำกำรบริหำรคุณภำพทั่วทั้งองค์กร ไปใช้ซึ่งจะมีกำรมองที่แตกต่ำงจำกกำรมองของบุคคลทั่วไป
2) กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติตำมแผน มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับ ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำน โดยรวม ด้ำนกำรเงิน และด้ำนลูกค้ำ เนื่องจำกวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำร กำรอำชีวศึกษำ จะเน้นในเรื่องกระบวนกำรปฏิบัติงำนตำมแผนที่ชัดเจน เพื่อให้วิทยำลัยสำมำรถเพิ่มจ�ำนวนปริมำณ ของผู้เรียนเพิ่มเติมตำมงบประมำณที่เพิ่มขึ้น และมุ่งเน้นที่กำรพัฒนำกำรบริกำรให้สะดวก รวดเร็ว และตรงตำม ควำมต้องกำรของลูกค้ำหรือนักเรียนที่ใช้บริกำรขององค์กรอย่ำงมีประสิทธิภำพ ซึ่งสอดคล้องกับงำนวิจัยของ ทิตำภำ จุลศิริวงค์ (2550 : บทคัดย่อ) พบว่ำ กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรปฏิบัติตำมแผน มีควำมสัมพันธ์กับ ผลกำรด�ำเนินงำนขององค์กร ซึ่งท�ำให้องค์กรสำมำรถด�ำเนินงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ช่วยส่งเสริมให้พนักงำนฝึกทักษะ ด้ำนต่ำง ๆ ตำมควำมถนัด ด้วยกำรส่งเสริมในเรื่องของเงินทุนในกำรฝึกอบรม และส่งเสริมให้มีกำรศึกษำที่สูงขึ้น และน�ำมำปรับใช้กับองค์กรในกำรให้บริกำรกับลูกค้ำในองค์กรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพต่อไป และสอดคล้องกับแนวคิด ของ ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ (2558 : 7-8) พบว่ำ กำรปฏิบัติตำมแผน เป็นกำรด�ำเนินงำนต่อเนื่องจำก กำรวำงแผน โดยมีกำรมอบหมำยผู้รับผิดชอบในกำรปฏิบัติงำนตำมลักษณะงำน เวลำ และภำรกิจ ของแต่ละส่วนงำน โดยมีกำรนิเทศ แนะน�ำ ก�ำกับ ติดตำม เพื่อให้งำนเป็นไปตำมที่ก�ำหนด
3) กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรตรวจสอบ มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภำพ กำรด�ำเนินงำนโดยรวม ด้ำนลูกค้ำ ด้ำนกระบวนกำรภำยใน และด้ำนกำรเรียนรู้และพัฒนำ เนื่องจำกวิทยำลัยสังกัด ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ จะมีกระบวนกำรตรวจสอบกำรท�ำงำนอย่ำงเป็นระบบ มีกำรน�ำข้อร้องเรียน ส�ำรวจควำมพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้องน�ำมำวิเครำะห์เพื่อวำงแผนปรับปรุงในกำรให้บริกำรเพื่อให้ครอบคลุมทุกปัญหำ เพื่อยกระดับกำรเป็นผู้น�ำทำงกำรศึกษำ อันน�ำไปสู่กำรบริหำรและจัดกำรในเรื่องของคุณภำพวิทยำลัยตำมวิสัยทัศน์
ที่วำงไว้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ซึ่งสอดคล้องกับงำนวิจัยของ Norreklit (2000 : 65-88) พบว่ำ ควำมสัมพันธ์ในเชิงสำเหตุ
และผลกระทบท่ำมกลำงมำตรวัดทั้ง 4 ด้ำน ได้แก่ ด้ำนกำรเงิน ด้ำนลูกค้ำ ด้ำนกรรมวิธีภำยในธุรกิจ และด้ำนกำรเรียนรู้
และทำงเลือกควำมเจริญเติบโต ของ Balanced Scorecard สำมำรถเชื่อมโยงกลยุทธ์ต่อกำรวัดกำรปฏิบัติกำรซึ่งผู้จัดกำร สำมำรถเข้ำใจและแนะน�ำข้อปรับปรุงบำงประกำรได้ และสอดคล้องกับแนวคิดของ จรัญ จูปรำงค์ (2559 : 84-85) ได้กล่ำวว่ำ กำรมุ่งเน้นที่คุณภำพองค์กรบริหำรคุณภำพ จะต้องยึด “คุณภำพ” เป็นแกนหลัก หลักกำรที่จะสร้ำงควำม พึงพอใจให้กับลูกค้ำ โดยต้องรู้ว่ำลูกค้ำต้องกำรอะไร เป็นเบื้องต้น และกำรมุ่งเน้นที่คุณภำพกำรยึดควำมต้องกำรของ ลูกค้ำเป็นศูนย์กลำงในกำรบริหำรและด�ำเนินกำร เพื่อปรับปรุงกระบวนกำร กำรที่จะสำมำรถตอบสนองควำมต้องกำร
4) กำรบริหำรคุณภำพ ด้ำนกระบวนกำรปรับปรุงงำน มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภำพ กำรด�ำเนินงำนโดยรวม ด้ำนลูกค้ำ ด้ำนกระบวนกำรภำยใน ด้ำนกำรเรียนรู้และพัฒนำ เนื่องจำกวิทยำลัยสังกัด
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ เน้นไปที่กระบวนกำรปรับปรุงงำนที่ชัดเจน และเป็นระบบท�ำให้สำมำรถปรับปรุง กำรให้บริกำรแก่ลูกค้ำได้อย่ำงรวดเร็วและมีประสิทธิภำพ มีกำรประเมินกระบวนกำรกำรท�ำงำนอยู่เสมอ เพื่อยกระดับ กำรปฏิบัติงำนและให้บริกำรอันจะส่งผลให้เกิดกำรพัฒนำทั้งด้ำนคุณภำพของผู้ให้บริกำรอย่ำงต่อเนื่องตลอดเวลำ ซึ่งสอดคล้องกับงำนวิจัยของ Cavalluzzo และ Ittner (2004 : 243-267) พบว่ำ กำรวัดผลกำรด�ำเนินงำนจำกกำรบริหำร ที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ มีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับอ�ำนำจกำรตัดสินใจและกำรฝึกอบรมในเทคนิคในกำรวัดผล กำรด�ำเนินงำนและมีอิทธิพลกับกำรพัฒนำกำรวัดผลกำรด�ำเนินงำน นอกจำกนี้กำรวัดผลกำรด�ำเนินงำนและควำม รับผิดชอบมีควำมสัมพันธ์ทำงบวกกับข้อมูลผลกำรด�ำเนินงำนจำกเป้ำหมำยที่ต่ำงกัน และสอดคล้องกับแนวคิดของ จรัญ จูปรำงค์ (2559 : 89-90) ได้กล่ำวไว้ว่ำ กำรปรับปรุงงำนเป็นกำรน�ำเสนอผลจำกกำรประเมินมำปรับปรุง
พัฒนำต่อไป เช่น ถ้ำผลกำรปฏิบัติในห้วงเวลำที่ผ่ำนมำยังไม่เป็นไปตำมที่คำดหวังเอำไว้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีด�ำเนินงำน ใหม่ให้เหมำะสมหรือถ้ำผลกำรปฏิบัติงำนได้ตำมเป้ำหมำยแล้ว ในกำรด�ำเนินกำรต่อไปจะได้ปรับเปลี่ยนเป้ำหมำย ให้สูงขึ้นกว่ำเดิม เพื่อให้องค์กรพัฒนำขึ้นเรื่อย ๆ
5. ข้อเสนอแนะส�าหรับการวิจัยในอนาคตและประโยชน์ในการวิจัย
5.1 ข้อเสนอแนะส�าหรับการวิจัยในอนาคต
กำรวิจัยครั้งนี้ผู้ที่สนใจสำมำรถศึกษำในประเด็นที่แตกต่ำงในด้ำนต่ำง ๆ ดังนี้ ควรมีกำรศึกษำควำมสัมพันธ์
และผลกระทบของกำรบริหำรคุณภำพที่มีต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของหน่วยงำนอื่น ๆ เช่น โรงพยำบำล หน่วยงำน ของภำครัฐ และวิทยำลัยของเอกชน เป็นต้น เพื่อศึกษำและเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่ำงอื่น
ว่ำมีควำมแตกต่ำงกัน ควรมีกำรศึกษำปัญหำและอุปสรรคที่มีผลต่อกำรบริหำรคุณภำพ ซึ่งจะท�ำให้ผู้บริหำรของวิทยำลัย สังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ทรำบถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหำ และอุปสรรค เพื่อหำแนวทำงหรือวิธีกำร ในกำรบริหำรงำนให้พนักงำนในองค์กรสำมำรถดึงควำมรู้ ควำมสำมำรถ และกำรบริหำรคุณภำพออกมำใช้ในกำรพัฒนำ กระบวนกำรท�ำงำนขององค์กรได้ดียิ่งขึ้น
5.2 ประโยชน์ของการวิจัย
กำรวิจัยครั้งนี้ ท�ำให้ผู้บริหำรของวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ทรำบถึงจุดแข็ง จุด อ่อน ปัญหำ และอุปสรรค เพื่อหำแนวทำงหรือวิธีกำรในกำรบริหำรงำนให้พนักงำนในองค์กรสำมำรถดึงควำมรู้ ควำม สำมำรถ และตระหนักถึงควำมส�ำคัญของกำรบริหำรคุณภำพ เพื่อกำรพัฒนำกระบวนกำรท�ำงำนขององค์กรให้มี
ประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนได้ดียิ่งขึ้น
6. สรุปผลการวิจัย
กำรบริหำรคุณภำพมีควำมสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกต่อประสิทธิภำพกำรด�ำเนินงำนของวิทยำลัย สังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ ดังนั้นผู้บริหำรวิทยำลัยสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ สำมำรถน�ำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในกำรบริหำรคุณภำพ ทุกด้ำนเพื่อเพิ่มประสิทธิภำพในกำรบริหำรจัดกำร ไม่ว่ำจะ เป็นกำรก�ำหนดขั้นตอนกำรด�ำเนินงำนให้บุคลำกรปฏิบัติงำนอย่ำงเต็มควำมสำมำรถเพื่อให้แล้วเสร็จตำมเป้ำหมำย ที่ก�ำหนด มีกำรเก็บข้อมูล และมีกำรประชุมชี้แจงบุคลำกรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกระบวนกำรพัฒนำกำรปฏิบัติงำน เพื่อให้
งำนเกิดประสิทธิภำพ อันจะน�ำไปสู่ควำมส�ำเร็จในกำรบริหำรคุณภำพให้กับองค์กรได้อย่ำงประสบควำมส�ำเร็จ
เอกสารอ้างอิง
กิติศักดิ์ พลอยพำนิชเจริญ. (2557). TQM : การบริหารเพื่อคุณภาพโดยรวม. กรุงเทพฯ : สมำคมส่งเสริมเทคโนโลยี
ไทย-ญี่ปุ่น
จรัญ จูปรำงค์. (2559). การน�าเสนอแนวทางพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยการบริหารคุณภาพวงจรเดมมิ่งของโรงเรียน สังกัดส�านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2. ครุศำสตรมหำบัณฑิต. มหำวิทยำลัยรำชภัฏ พระนครศรีอยุธยำ.
ฐิตินันท์ นำดี. (2554). ผลกระทบของค่านิยมร่วมที่มีต่อผลการด�าเนินงานของสถาบันการศึกษาสังกัดส�านักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา. บริหำรธุรกิจมหำบัณฑิต. มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม.
ทิตำภำ จุลศิริวงค์. (2550). ระดับการบริหารคุณภาพองค์รวมของศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร จตุจักร 2 (มีนบุรี).
ครุศำสตรมหำบัณฑิต. มหำวิทยำลัยรำชภัฏธนบุรี.
ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์. (2547). ยอดกลยุทธ์การบริหารส�าหรับองค์กรยุคใหม่. กรุงเทพฯ : เอ็กซ์เปอร์เน็ท.
พสุ เตชะรินทร์. (2545). เส้นทางกลยุทธ์สู่การปฏิบัติด้วย Balanced Scorecard และ Performance Indicator.
พิมพ์ครั้งที่ 4 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
วิวัฒนำกำรกำรศึกษำไทยและกำรศึกษำโลก. (2559). ความส�าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา.
ค้นเมื่อ 15 มกรำคม 2559, จำก http://www.Koobannok.com
สมหวัง พิธิยำนุวัฒน์. (2555). คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภำ.
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ.(2558). มำตรฐำนกำรอำชีวศึกษำ พ.ศ. 2555 หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ
เกี่ยวกับกำรประกันคุณภำพภำยในกำรอำชีวศึกษำ พ.ศ.2555 และที่ปรับปรุงแก้ไข และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558. กรุงเทพฯ : ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ.
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ. (2559). ควำมเป็นมำ. ค้นเมื่อ 15 มกรำคม 2559, จำก http://www.vec.go.th
ส�ำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ. (2554). รายงานผลการด�าเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ในศตวรรรษที่สองในช่วง พ.ศ. 2552-2554. : กรุงเทพฯ : ส�ำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ.
Aaker, D.A., V. Kumar & G. S. Day. (2001). Marketing research. New York : John Wiley & Sons.
Black, K. (2006). Business statistics for contemporary decision making (4th ed.). New York : John Wiley & Sons.
Car, J. Nicholas. (1995). Improvement in production process for pipelines manufacturing based on quality management method in texas A&M University. Procedia Engineering. 206(6) : 950-957 . Texas : USA
Cavalluzzo, K. S. & C.D. Ittner, (2004). Implementing performance measurement innovation.
evidence from government, Accounting Organization and Society. 29 : 243-267.
Norreklit, H. (2000). The balance on the balance scorecard a critical analysis of some of its assumptions, Management Accounting Research. 11(1) : 65-88.