การวิจัย เรื่อง การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ผูวิจัยไดสรุปผลการวิจัยหลังจากที่ไดทําการวิเคราะห ขอมมูลดังนี้
1.ความมุ่งหมายของการวิจัย 2.สรุปผล
3.อภิปรายผล 4.ข้อเสนอแนะ ความมุ่งหมายของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาปัญหา สาเหตุและแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทาง โครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)
2.เพื่อพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียน ร่วมกับนานาชาติ(PISA)
3.เพื่อเปรียบเทียบการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับ นานาชาติ(PISA) ก่อนและหลังการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)
4.เพื่อประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผล นักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)
สรุปผล
1.ผลการศึกษาปัญหา สาเหตุและหาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตาม แนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) พบว่า 1.1)สภาพการดำเนินแนว ทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ
(PISA) มีการมอบหมายงานแนะนำภาระงานให้นักเรียนได้ฝึกในคาบนั้นๆ การจดบันทึกการอ่านทุก สัปดาห์สัปดาห์ละ 2 เล่ม สร้างเจตคติ ในการรู้เรื่องการอ่าน มีสื่อ บทความ และเกมประกอบกับการ จัดกิจกรรมในคาบเรียน นำเสนอเรื่องที่อ่านหน้าชั้นเรียน 1 คน 1 เรื่องต่อสัปดาห์เป็นระยะเวลา 18 สัปดาห์ต่อเทอม แทรกข้อสอบให้นักเรียนได้ลองฝึกปฏิบัติ ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน 1.2)สาเหตุข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ
(PISA) สามารถแยกออกตามสมรรถนะ ดังนี้ มีปัญหาด้านการอ่าน ขาดแรงจูงใจในการเรียน ขาด
181 กระบวนการคิดจากเรื่องที่อ่าน ขาดทักษะกระบวนการอ่านจับใจความ มีปัญหาด้านความเข้าใจใน ใจความสำคัญ ขาดทักษะการตีความเนื้อเรื่องเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน ขาดกระบวนการ อ่านเพื่อการสื่อความที่ถูกต้อง มีปัญหาด้านทักษะที่จะวิเคราะห์เนื้อเรื่อง การให้ข้อโต้แย้งจากมุมมอง ของตนเองยังไม่มีเหตุผลในการโต้แย้งที่ถูกต้องและชัดเจน 1.3)โรงเรียนมีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) แนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียน ร่วมกับนานาชาติ(PISA) ดังนี้ มีการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมให้กับนักเรียนนักเรียนที่มีความบกพร่องและ ไม่มีข้อบกพร่องในการรู้เรื่องการอ่าน อบรมเพิ่มเติมกับวิทยากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาว่าง หรือคาบว่างให้ผู้เรียนมีการฝึกฝนและส่งเสริมอยู่ตลอดทั้งปีการศึกษา จัดโครงการสอนเสริมเพิ่ม ทักษะในด้านการรู้เรื่องการอ่านให้กับนักเรียนหลังเลิกเรียน จัดให้ผู้เรียนมีการฝึกทำข้อสอบที่มีการ คิดวิเคราะห์ จดบันทึกในสมุดรักการอ่านทุกสัปดาห์ นำข้อสอบของโครงการประเมินผลนักเรียน ร่วมกับนานาชาติ(PISA)ในปีก่อนๆมาใช้แทรกในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จัดสอบ PISA ใน ระดับโรงเรียนทุกเทอม 1.4)แนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) สามารถแยกออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้ 1.ด้านนักเรียน เพิ่ม การฝึกอ่านบทความในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น มีความมีต้องการโปรแกรมฯ -เวลาในกิจกรรมฝึกทั้ง โปรแกรมจำนวน 12-18 ชั่วโมง 2.ด้านครู จัดกิจกรรมแบบ SQ4R ,CIRC , KWL – Plus , MAI แทรก ตัวอย่างบทความให้นักเรียนได้มีการฝึกเป็นประจำ กำหนดนักเรียนให้อ่านบทความจำนวน 2 เรื่อง ต่อสัปดาห์ มีความต้องการโปรแกรมฯ -เวลาในกิจกรรมฝึกทั้งโปรแกรมจำนวน 12-18 ชั่วโมง
2.ผลการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผล นักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) พบว่า โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่านตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ประกอบด้วย 20 หน่วย รวมการปฐมนิเทศและปัจฉิม นิเทศ ในหน่วยที่ 1 และ20 ประกอบไปด้วย จุดประสงค์ เนื้อหา สื่อ ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม การ วัดและประเมินผล มีผลการประเมินจากผูเชี่ยวชาญโดยรวมเฉลี่ย 4.31 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.91 มีระดับความเหมาะสมของโปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผล นักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)อยูในระดับมาก( x= 4.31 SD=0.91)
3.ผลการเปรียบเทียบการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับ นานาชาติ(PISA) ก่อนและหลังการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ผู้วิจัยนําโปรแกรมที่ปรับปรุงใหมีความสมบูรณมาใชจริง กับนักเรียนกลุมตัวอยาง เปนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 โรงเรียนไชยบุรีวิทยาคม ตําบลไชยบุรี
อําเภอท่าอุเทนจังหวัดนครพนม จํานวน 35 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2562 เริ่มตั้งแตวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ถึง วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2563 รวมทั้งสิ้น จํานวน 20 ครั้ง พบว่า คะแนนการรู้
เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) หลังการใช้โปรแกรม
182 ส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) สูงกว่า ก่อนใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับ นานาชาติ(PISA) ย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.ผลการประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ผู้วิจัยได้ทำการประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้
เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ตามรูปแบบ CIPPIEST กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่า ผลการประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)ประเมินบริบท(Context Evaluation) ของนักเรียน พบว่า ผลการประเมินการใช้โปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตาม แนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)ประเมินบริบท(Context Evaluation) ของนักเรียนโดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.68 SD=0.51) และของผู้บริหารและครู โดยรวมอยู่ใน ระดับมาก(x=3.68 SD=0.51) ปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation)ของผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ใน ระดับมาก(x=3.82 SD=0.56)กระบวนการ (Process Evaluation)ของนักเรียน โดยรวม อยู่ใน ระดับมาก(x=3.58 SD=0.47) และผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง(x=3.40 SD=0.55)ผลผลิต (Product Evaluation) ด้านประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation)ของ นักเรียน โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.67 SD=0.57) และผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x=3.60 SD=0.55)ประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) ของนักเรียนโดยรวม อยู่ในระดับมาก (x=3.75 SD=0.57) และของผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.77 SD=0.65)ความ ยั่งยืน (Sustainability Evaluation)ของนักเรียน โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.73 SD=0.55) และ ของผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.61 SD=0.58)การถ่ายทอดส่งต่อ
(Transportability Evaluation)ของนักเรียน โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.86 SD=0.49) และของ ผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก(x=3.70 SD=0.54)
อภิปรายผล
การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียน ร่วมกับนานาชาติ(PISA) สามารถอภิปรายผลตามความมุงหมายของการศึกษาไดดังนี้
1.ผลการศึกษาปัญหา สาเหตุและหาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตาม แนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) พบว่า 1.1)สภาพการดำเนินแนว ทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ
(PISA) มีการมอบหมายงานแนะนำภาระงานให้นักเรียนได้ฝึกในคาบนั้นๆ การจดบันทึกการอ่านทุก สัปดาห์สัปดาห์ละ 2 เล่ม สร้างเจตคติ ในการรู้เรื่องการอ่าน มีสื่อ บทความ และเกมประกอบกับการ
183 จัดกิจกรรมในคาบเรียน นำเสนอเรื่องที่อ่านหน้าชั้นเรียน 1 คน 1 เรื่องต่อสัปดาห์เป็นระยะเวลา 18 สัปดาห์ต่อเทอม แทรกข้อสอบให้นักเรียนได้ลองฝึกปฏิบัติ -ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน 1.2)โรงเรียนมีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) แนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตาม แนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) ดังนี้ มีการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมให้กับ นักเรียนนักเรียนที่มีความบกพร่องและไม่มีข้อบกพร่องในการรู้เรื่องการอ่าน อบรมเพิ่มเติมกับ วิทยากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาว่างหรือคาบว่างให้ผู้เรียนมีการฝึกฝนและส่งเสริมอยู่ตลอด ทั้งปีการศึกษา จัดโครงการสอนเสริมเพิ่มทักษะในด้านการรู้เรื่องการอ่านให้กับนักเรียนหลังเลิกเรียน จัดให้ผู้เรียนมีการฝึกทำข้อสอบที่มีการคิดวิเคราะห์ จดบันทึกในสมุดรักการอ่านทุกสัปดาห์ นำ ข้อสอบของโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA)ในปีก่อนๆมาใช้แทรกในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน จัดสอบ PISA ในระดับโรงเรียนทุกเทอม 1.3)สาเหตุข้อบกพร่องการรู้
เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) สามารถแยกออกตาม สมรรถนะ ดังนี้ มีปัญหาด้านการอ่าน ขาดแรงจูงใจในการเรียน ขาดกระบวนการคิดจากเรื่องที่อ่าน ขาดทักษะกระบวนการอ่านจับใจความ มีปัญหาด้านความเข้าใจในใจความสำคัญ ขาดทักษะการ ตีความเนื้อเรื่องเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน ขาดกระบวนการอ่านเพื่อการสื่อความที่ถูกต้อง มี
ปัญหาด้านทักษะที่จะวิเคราะห์เนื้อเรื่อง การให้ข้อโต้แย้งจากมุมมองของตนเองยังไม่มีเหตุผลในการ โต้แย้งที่ถูกต้องและชัดเจน 1.4)แนวทางแก้ไขข้อบกพร่องการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวทางโครงการ ประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ(PISA) สามารถแยกออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้ 1.ด้านนักเรียน เพิ่ม การฝึกอ่านบทความในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น มีความมีต้องการโปรแกรมฯ -เวลาในกิจกรรมฝึกทั้ง โปรแกรมจำนวน 12-18 ชั่วโมง 2.ด้านครู จัดกิจกรรมแบบ SQ4R ,CIRC , KWL – Plus , MAI แทรก ตัวอย่างบทความให้นักเรียนได้มีการฝึกเป็นประจำ กำหนดนักเรียนให้อ่านบทความจำนวน 2 เรื่อง ต่อสัปดาห์ มีความต้องการโปรแกรมฯ -เวลาในกิจกรรมฝึกทั้งโปรแกรมจำนวน 12-18 ชั่วโมง ซึ่งมี
ความสอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฐธิดา โยธา(2559:96-157)ได้ศึกษาการพัฒนาแนวทางการส่งเสริม การรู้เรื่องการอ่านตามแนวทางการประเมินผล PISA ความมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนาตัวบ่งชี้การส่งเสริม การรู้เรื่องการอ่านตามแนวทางการประเมินผล PISA 2) เพื่อพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการรู้เรื่องการ อ่านตามแนวทางการประเมินผล PISA ของครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอนภาษาไทย จานวน 5 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มที่ 2 ครูผู้สอนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ ใช้ในการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิง สำรวจ(Exploratory Factor Analysis : EFA) จานวน 520 คน และใช้ในการวิเคราะห์องค์ประกอบ เชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis : CFA) จานวน 600 คน โดยการสุ่มหลายขั้นตอน (Multistage Random Sampling) กลุ่มที่ 3 ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมแนวทางการรู้เรื่องการอ่าน จำนวน 9 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้คือ 1) แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง 2)