ในความเห็นต่างในอิสลาม
2.2.3 สาเหตุของความเห็นต่างในอิสลาม
2.2.3.2 ความเห็นต่างในยุคของเศาะฮาบะฮฺและตาบิอีน
เมื่อท่านเราะสูล ได้เสียชีวิต บรรดาเศาะฮาบะฮฺยังคงให้ความส าคัญในเรื่องการ ท่องจ าอัลกุรอานและแลกเปลี่ยนความรู้ที่ตนได้รับ โดยอ้างถึงความรู้ที่ตนได้จดจ าหรือได้บันทึกไว้
เช่นเดียวกับแบบอย่างของท่านเราะสูล ถึงแม้ในช่วงแรกของการเผยแผ่อิสลาม พวกเขาจะไม่ได้
รับการอนุญาตให้บันทึก เพราะความกังวลว่าจะมีการปะปนกับตัวบทอัลกุรอาน จนกระทั่งเมื่อพวก เขาได้รับการอนุญาต พวกเขาจึงได้บันทึกแบบอย่างของท่านเราะสูล ไม่ว่าจะเป็นค าพูด การ กระท า และการยอมรับของท่านในช่วงเวลา เหตุการณ์ สถานที่ หรือบุคคลที่หลากหลาย ทั้งนี้
เนื่องจากไม่มีเศาะฮาบะฮฺคนใดได้อยู่ร่วมกับท่านได้ตลอดเวลา ท าให้พวกเขาได้จดจ าและบันทึก เรื่องราวของท่านเราะสูล เป็นจ านวนมากหรือน้อยแตกต่างกัน (‘Abdullāh bin ‘Abd al- Musin al-Turākiy, 2010: 25) ดังที่ อบู ฮุร็อยเราะฮฺ ได้กล่าวว่า
َ س وَهيلعَ للَّاَى ل صَ اللهَ لو س رَنعَ ثي د لحاَ ر ث ك يَ، ة ر ـي ر هَ ب أَ نأَ نو م ع ز ـتَ م ك نإ((
َ للَّا وَ، م ل
َ ًل ج رَ ت ن كَ، د ع و ملاـ
َ مَى لعَ م ل س وَهيلعَ للَّاَى ل صَ اللهَ لو س رَ م د خ أَ،اًني ك س م
َ، ني ط بَ ء ل
لاَ ناك و
َ لعَ ما ي قلاَ م ه ل غ ش يَ را ص نلاَ ت نا ك وَ قا و سلبَ ق ف صلاَ م ه ل غ ش يَ نو ر جا ه مـ
َ، م لِا و م أَى
َ ل س وَهيلعَ للَّاَى ل صَ اللهَ لو س رَ لاق ف
َ ن ـيَ ن ل ـفَ ه ب و ـثَ ط س ب ـيَن مَ م
َ ني مَ ه ع سََاًئيشَى س
َ ت ع سََاًئيشَ تي س نَام فَ، لِإَ ه ت م م ضَ ثمَ، ه ثي د حَى ض قَ تّحَ بي و ـثَ ت ط س ب ـف هنمَ ه
))
70
ความว่า “ความจริงแล้ว ตามที่พวกท่านได้อ้างว่า อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เป็นบุคคลที่มี
รายงานเกี่ยวกับเรื่องราวของท่านเราะสูล จ านวนมาก ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ มัน คือ สัญญา เมื่อฉันเคยเป็นคนจนคนหนึ่ง ฉันได้ท าหน้าที่รับใช้ท่านเราะสูล เพียง หวังว่าจะได้อาหารอิ่มท้องของฉัน (ในขณะที่) เวลานั้น ชาวมุฮาญิรีน ก็ต่างยุ่งอยู่กับ การปรบมือ (เพื่อเชิญชวนให้คนซื้อสินค้า) ในตลาด และชาวอันศอร ก็ยุ่งกับการงาน เพื่อแสวงหาทรัพย์สินของพวกเขา ดังนั้น ท่านเราะสูล จึงได้กล่าวแก่ฉันว่า “ใคร ก็ตามที่กางผ้าของเขา เขาจะไม่ลืมสิ่งใดที่เขาได้ยินจากฉัน” ฉันจึงได้กางผ้าของฉัน จนกระทั่งเมื่อท่านเราะสูล ได้พูดเสร็จ ฉันก็รวบผ้าเข้าหาตัวฉัน (หมายถึง ได้
จดจ ามัน) เหตุนี้เอง ฉันจึงไม่ลืมสิ่งใดที่ได้ยินมันจากท่านเราะสูล ”
‘Abd al-Fattāh Abū Ghaddāh (1986: 15-16) กล่าวว่า พึงทราบเถิดว่า แท้จริง ท่านเราะสูล ไม่ใช่นักกฎหมายหรือนักวิชาการ ท่านเองไม่เคยค้นคว้าหรือวิเคราะห์ประเด็นปัญหา ใดๆ เกี่ยวกับศาสนาเหมือนที่พวกเขาได้ท าการค้นคว้าด้วยความพยายามเพื่อจะหาหลักฐานมา
70 หะดีษบันทึกโดย al-Bukhāriy หะดีษหมายเลข 2350; Muslim หะดีษหมายเลข 2492
สนับสนุนความเห็นของตนเอง และท่านเราะสูล ก็ไม่เคยตั้งสมมติฐานในการวิจัย เพื่อหาค าตอบ ให้แก่บรรดาเศาะฮาบะฮฺ หากแต่ว่า เมื่อท่านเอาน้ าละหมาด บรรดาเศาะฮาบะฮฺก็จะดูแบบอย่างนั้น แล้วปฏิบัติตาม เมื่อท่านปฏิบัติละหมาด พวกเขาก็จะดูวิธีการละหมาดและปฏิบัติตามที่พวกเขาเห็น โดยที่ท่านไม่ได้อธิบายให้ยุ่งยากว่า อะไรเป็นองค์ประกอบหลัก (รุก่น) อะไรคือมารยาท (อะดาบ) เช่นเดียวกับเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจอื่นๆ ซึ่งจะพบว่า เศาะฮาบะฮฺจ านวนหนึ่งเท่านั้นที่จะสอบถาม เกี่ยวกับรายละเอียดเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเข้าสู่ยุคของบรรดาเศาะฮาบะฮฺหรือยุคที่ไม่มีเราะสูล พวกเขา จึงต้องให้ค าปรึกษาในเรื่องหลักการศาสนากันเอง อาศัยการตัดสินชี้ขาดของเคาะลีฟะฮฺผู้อาวุโส และ แลกเปลี่ยนความเข้าใจที่ได้จากการบันทึกและการจดจ า โดยเฉพาะจากเศาะฮาบะฮฺที่เคยอยู่ใกล้ชิด กับท่านเราะสูล ในเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อน ามาอฺธิบายในประเด็นปัญหาศาสนาที่มีความเห็น ต่างกัน ซึ่งจากการศึกษา ผู้วิจัยพบว่า สาเหตุของความเห็นต่างในยุคนี้เกิดจากความแตกต่างกันใน เรื่องการยึดถือตัวบทและการยอมรับหลักฐาน การมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการน าหลักฐานไป ปรับใช้ และความเห็นต่างกันในประเด็นปัญหาศาสนาที่ไม่พบหลักฐาน ซึ่งท าให้พวกเขาต้องวินิจฉัย ปัญหาด้วยตนเองหรือต้องปรึกษาหารือกัน (‘Abd al-Fāttāh Abū Ghaddah, 1986: 15-33; ‘Abd al-Salām al-Sulaymāniy, 1993: 158-161; ‘Abdullāh bin ‘Abd al-Musin al-Turākiy, 2010: 27-38) ดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุส าคัญที่ท าให้เกิดความเห็นต่าง ซึ่งผู้วิจัยจะขอน าเสนอ รายละเอียด ดังนี้
1) การยึดถือตัวบทและการยอมรับหลักฐานแตกต่างกัน หมายถึง ความเห็นต่าง เกี่ยวกับหลักการศาสนาของบรรดาเศาะฮาบะฮฺซึ่งเกิดจากการยึดถือตัวบทและการยอมรับหลักฐาน แตกต่างกัน เนื่องจากความสับสนในเรื่องการจดจ าหรือการลืมตัวบทหลักฐาน การไม่รู้ว่ามีหลักฐาน หรือรู้หลักฐานในภายหลัง และการขาดความมั่นใจหรือไม่มีความเชื่อถือต่อผู้ให้หลักฐาน ตัวอย่างดังนี้
1.1) ความสับสนในเรื่องการจดจ าหรือการลืมตัวบทหลักฐาน ท าให้การ ปฏิบัติหรือการวินิจฉัยประเด็นศาสนาแตกต่างกัน เช่น ความเห็นของ ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ในเรื่องข้อตัดสินเกี่ยวกับการท าตะยัมมุมหรือการใช้ดินฝุ่นสะอาดลูบใบหน้าและมือทั้งสองแทนการ อาบน้ าวาญิบ ดังรายงานจาก อับดุลเราะห์มาน บิน อับซา จากพ่อของเขาเล่าว่า
مأَ ٌرا م عَ لاق فَ. ل ص تَلَ لاق فًَءا مَ د جأَ م ل ـفَ ت ب ـن جأَ نّإَ لاق فَ، ر م عَى تأَ ًل ج رَ نأ((
َا
َ ر ك ذ ت لاَ ير مأَا
َ نأَا مأفَ،ًءا مَ د نََ م ل ـفَا ن ـب ـن جأفَ ة ي ر سَفيَ ت ن أوَ نَأَ ذإَ، يْ ن م ؤ مـ
َ، ل ص تَ م ل ـفَ ت
َ نَّإَ م لسوَهيلعَ للَّاَى ل صَُّبنلاَ لاق فَ، ت ي ل صوَ با ُّتُّلاَفيَ ت ك ع م ت ـفَ نَأَا م أو
َ كي ف ك يَ ناكَا
َ ي د يبَ ب ر ض تَ نأ اق فَ ك ي ف كوَ، ك ه جوَام بَ ح س تََ ثمَ، خ ف ـن ـتَ ثمَ، ض رلاَ ك
َ للَّاَ ق تاَ ر م عَ ل
َ ت ي ل و ـتَامَ كي ل و ـنَ ر م عَ لاق فَ ةياورَفيوَ. هبَ ث د ح أَ لمَ ت ئ شَ نإَ لاقَ را م عَا
ََو
َفي
َ ـن جأَ نّإَ لاق فَ ر م عَى تأَ ًل ج رَ نأَ ةياور
َوَ ثي د لحاَ قا سوَ.ًءا مَ د جأَ م ل ـفَ ت ب
َ لاقَ، هي فَ دا ز
لاَ ير مأَاَ ٌرا م ع
َ حأَهبَ ث د ح أَلَ ك ق حَن مَ ي ل عَ للَّاَ ل ع جَام لَ ت ئ شَ نإَ يْ ن م ؤ مـ اًد
))
71
ความว่า “แท้จริงได้มีชายคนหนึ่งมาหา ท่านอุมัร แล้วเขากล่าวว่า (ฉันจะท า อย่างไร) ฉันมีญุนูบและไม่พบน้ า (เพื่ออาบน้ าวาญิบ) ท่านอุมัร กล่าวว่า “จงอย่า ละหมาด” ดังนั้น อัมมาร กล่าวว่า “ท่านจ าเหตุการณ์นั้นได้ไหม โอ้ผู้น าของ บรรดาผู้ศรัทธา ในตอนที่ฉันและท่านอยู่ในสงคราม (ซึ่งในวันที่) พวกเรามีญุนูบ แล้ว เราก็ไม่พบน้ า ปรากฏว่าท่านไม่ได้ละหมาด ส่วนฉันก็ได้เอาตัวเองคลุกกับฝุ่น (แทน การอาบน้ าวาญิบ) แล้วท าละหมาด ท่านเราะสูล จึงกล่าวว่า “แท้จริง มันเป็น การพอเพียงแล้วที่ท่านจะท า (ตะยัมมุม) ด้วยการเอามือทั้งสองข้างของท่านตบฝุ่น (แล้วยกมือขึ้นมา) จากนั้นก็เป่าฝุ่นที่มือทั้งสองข้าง แล้วใช้มือทั้งสองข้างลูบใบหน้า และ (ท าเช่นนั้น) ลูบฝ่ามือทั้งสองข้างของท่าน” ท่านอุมัร กล่าวว่า “จงย าเกรง ต่ออัลลอฮฺ โอ้อัมมาร” อัมมาร กล่าวว่า “หากท่านไม่ประสงค์ ฉันจะไม่น า เรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง” ในบางรายงานระบุว่า ท่านอุมัร กล่าวว่า “เราเห็นด้วย กับสิ่งที่ท่านคิด”และในบางรายงานระบุ เล่าเรื่องชายที่มาถามเกี่ยวกับเรื่องญุนูบ เช่นเดียวกับตัวบทนี้ และ อัมมาร กล่าวว่า “โอ้ผู้น าของบรรดาผู้ศรัทธา หาก ท่านไม่ประสงค์ในเรื่องที่อัลลอฮฺ ได้ท าให้มันเป็นสิทธิของท่านเหนือฉัน ฉันก็จะ ไม่น าเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง””
เช่นเดียวกับตัวอย่างเหตุการณ์ที่ อับดุลลอฮฺ บิน อุมัร ได้กล่าวว่า ท่าน เราะสูล เคยท าอุมเราะฮฺ ในเดือนเราะญับ อันเนื่องจากการลืมของเขา ซึ่งในเวลาต่อมา ท่านหญิง อาอิชะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ก็ได้กล่าวปฏิเสธต่อเรื่องดังกล่าวว่า ท่านเราะสูล ไม่เคยท าอุม เราะฮฺ ในเดือนเราะญับ ดังหะดีษรายงานจาก มุญาฮิด บิน ญับริน (เราะฮิมะฮุลลอฮฺ) ว่า
لاَ ير بُّزلاَ نبَ ة و ر عوَ نَأَ ت ل خ د((
َ اللهَ يض رَ ر م عَ نبَ للَّاَ دبعَا ذ إ فَ، د ج س مـ
ٌَس لا جَا مه نعَ
لاَفيَ نوُّل ص يٌَس نََا ذإوَ، ة ش ئا عَ ة ر ج حَلىإ
َ س فَ لاقَ،ى حُّضلاَ ة ل صَ د ج س مـ
َنعَ ُا ن ل أ
َ فَ، م تِ ل ص
َ لسوَهيلعَ اللهَى لصَ للَّاَ لوس رَ ر م ت عاَ م كَ هلَ لاقَ ثمَ.ٌة ع د بَ لاق
َ،اًع ـب رأَ لاقَ؟ م
لاَ م أَ ة ش ئا عَ نا ن ت ساَا ن ع سَوَ لاقَ.هيلعَ د ر ـنَ نأَا ن ه ر ك فَ، ب ج رَفيَ ن ها د حإ
َفيَ يْ ن م ؤ مـ
َاَ ة و ر عَ لاق فَ، ة ر ج لحا لاَ م أَاَ، ُا م أ
عَوبأَ لوقيَامَ يْ ع م س تَ لأَ، يْ ن م ؤ مـ
َ؟ ن حَ رلاَ دب
َ تا ر م عَ ع ب رأَ ر م ت عاَ م لسوَهيلعَ اللهَى لصَ للَّاَ لوس رَ نإَ لوقيَ لاقَ؟ لوقيَامَ ت لاق
َ،
71 หะดีษบันทึกโดย al-Bukhāriy หะดีษหมายเลข 347; Muslim หะดีษหมายเลข 368
َ ن حَ رلاَ دبعَ بأَ للَّاَ م ح ر ـيَ ت لاقَ، ب ج رَفيَ ن ها د حإ
َ م عَ ر م ت عاَامَ،
َ، ُ د ها شَوهوَ لإًَة ر
))ُّط قَ ب ج رَفيَ ر م ت عاَامو
َ 72
ความว่า “ฉันและอุรวะฮฺ บิน อัซซุเบร ได้เข้ามัสยิด (พบว่า) ในขณะนั้น อับดุลลอฮฺ
บิน อุมัร ก าลังนั่งอยู่ใกล้กับห้องของท่านหญิงอาอิชะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ขณะเดียวกัน ก็มีคนจ านวนมากก าลังละหมาดดุฮากันในมัสยิด มุญาฮิด บิน ญับริน กล่าวว่า เราจึงได้ถาม อับดุลลอฮฺ บิน อุมัร เกี่ยวกับการละหมาดของคนกลุ่มนั้น เขาตอบว่า “มันคือ บิดอะฮฺ” จากนั้น เขา (มุญาฮิด บิน ญับริน) ได้ถามต่อว่า ท่าน เราะสูล ได้เคยท าอุมเราะฮฺกี่ครั้ง เขาตอบว่า “ 4 ครั้ง และหนึ่งในนั้น คือ อยู่ใน เดือนเราะญับ” ดังนั้น พวกเราไม่ต้องการโต้แย้งค าพูดของอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร (ในขณะนั้น) เราได้ยินเสียงแปรงฟันของท่านหญิงอาอิชะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) จากในห้องของนาง อุรวะฮฺ จึงกล่าวว่า “โอ้ผู้เป็นแม่ของบรรดาผู้ศรัทธา ท่านได้ยินที่
อบู อับดุรเราะห์มาน (อับดุลลอฮฺ บิน อุมัร ) ได้กล่าวไหม” ท่านหญิงอาอิชะฮฺ
(เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) กล่าวว่า “เขากล่าวว่าอะไร” อุรวะฮฺ กล่าวว่า “เขากล่าวว่า แท้จริงท่านเราะสูล ได้เคยท าอุมเราะฮฺ 4 ครั้ง และหนึ่งในนั้น คือ อยู่ในเดือน เราะญับ” ท่านหญิงอาอิชะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) กล่าวว่า “ขออัลลอฮฺ ทรง เมตตาแก่ อบู อับดุรเราะห์มาน ท่านเราะสูล ไม่เคยท าอุมเราะฮฺครั้งใด นอกจาก เขาจะเดินทางไปด้วย และท่านเราะสูล ก็ไม่เคยท าอุมเราะฮฺในเดือนเราะญับ เลย””
1.2) การไม่รู้ว่ามีหลักฐานหรือรู้ว่ามีหลักฐานในภายหลัง เช่น เรื่องข้อตัดสิน (ฮูก่ม) เกี่ยวกับการขออนุญาต ซึ่ง ท่านอุมัร บิน อัลคอฏฏอบ ไม่เคยรู้หลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้มา ก่อน ในรายงานจาก อบู ซะอีด อัลคุดรีย์ ว่า
َ م عَ لاق فَ ع ج ر ـفَ، ًلو غ ش مَ ُ د ج وَ ه نأ ك فَ،ًثً ل ثَ ر م عَى لعَ ن ذ أ ت ساَ،ى سو مَ ب أَ نأ((
َ لم أَ ر
َ د فَ،هلَاو ن ذ ئاَ، س ي ـقَ نبَ اللهَ دبعَ ت و صَ ع م س ت
َ ل حََامَ لاق فَ،هلَ ي ع
َ، ت ع ـن صَامَى لعَ ك
َ ل ط نا فَ ج ر خ فَ، ن ل ع ـف لَ و أَ،ًة ن ي ـبَاذهَى لعَ ن مي ق ت لَ لاقَاذبَ ر م ؤ ـنَا ن كَ نَإَ لاق
َ س ل مََلىإَ ق
و ب أَ ما ق ـفَ، نَ ر غ ص أَ لإَاذهَى لعَ كلَ د ه ش يَلَ اولاق فَ، را ص نلاَ ن م
َ سَ
َ ر م ؤ ـنَا ن كَ لاق فَ دي ع
72 หะดีษบันทึกโดย al-Bukhāriy หะดีษหมายเลข 347; Muslim หะดีษหมายเลข 368
عَ نّا لِ أَ، م ل س وَهيلعَ للَّاَى ل صَ اللهَ لوس رَ ر م أَن مَاذهَ ي ل عَ ي ف خَ ر م عَ لاق فَاذب
َه ن 73 ))َ قا و سلبَ ق ف صلا
ความว่า “แท้จริง อบู มูซา อัลอัชอะรีย์ ได้เคยขออนุญาต (เข้าบ้าน) ของท่าน อุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ (โดยให้สลามและรออนุญาตจนกระทั่ง) ถึงสามครั้ง เหมือนกับเขาเห็นว่า ท่านอุมัร ได้ยุ่งอยู่กับการท างาน เขาจึงได้กลับไป ท่าน อุมัร กล่าวว่า “พวกท่านไม่ได้ยินเสียงของ อับดุลลอฮฺ บิน ก็อยส์ หรือ พวก ท่านจงอนุญาตให้เขาเข้ามา ดังนั้น อบู มูซา อัลอัชอะรีย์ จึงได้ถูกตามตัวมา ท่านอุมัร จึงได้สอบถามเขาว่า “อะไรที่ท าให้ท่านถึงท าเช่นนั้น (คือ กลับไปโดย ไม่รอ)” เขากล่าวว่า “พวกเราเคยถูกท่านเราะสูล สั่งใช้เช่นนี้” (ด้วยความแปลก ใจที่ท่านอุมัร ไม่เคยรู้เรื่องนี้ มาก่อนและเกรงว่า อบู มูซา อัลอัชอะรีย์ น่าจะ เข้าใจอะไรผิด) ท่านอุมัร จึงกล่าวว่า “แน่นอนว่า ท่านจะต้องตรวจสอบความ ถูกต้องในเรื่องนี้ หรือไม่ฉันก็จะต้องปฏิบัติตามด้วย” ดังนั้น ท่านอุมัร จึงออกไป ที่พบกับกลุ่มชาวอันศอรกลุ่มหนึ่ง (เพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับสถานะของหะดีษบทนี้) พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีใครคนใดยืนยันความถูกต้องในเรื่องนี้ให้แก่ท่านได้ นอกจากผู้
มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มเรา” ดังนั้น อบู ซะอีด อัลคุดรีย์ จึงได้ยืนขึ้น แล้วกล่าว ว่า “เราได้ถูกสั่งใช้ให้ท าเช่นนี้” ท่านอุมัร กล่าวว่า “มันเป็นค าสั่งใช้ที่ ท่านอุมัร ไม่เคยได้ยินจากท่านเราะสูล เพราะการปรบมือ (ยุ่งอยู่กับการค้าขาย) ที่ตลาดได้
ท าให้ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย””
1.3) การขาดความมั่นใจหรือไม่มีความเชื่อถือต่อผู้ให้หลักฐาน เช่น กรณีการ ปฏิเสธของ ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ต่อรายงานของ ฟาฏิมะฮฺ บินติ ก็อส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางหลังจากที่นางถูกหย่า 3 ครั้ง (เฏาะลาก บาอิน) โดยเล่าว่า ท่านเราะสูล
ได้สั่งให้นางย้ายออกจากบ้านสามีไปอยู่ที่บ้านของอิบนุ อุมมิ มักตูม ตามค าสั่ง ซึ่งรายงานนี้ได้
เป็นเรื่องเห็นต่างกันระหว่างพวกเขา เนื่องจากท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ ไม่เชื่อถือและปฏิเสธต่อ ค าพูดของนาง ดังรายงานจาก อัลอัสวัด บิน ยะซีด (เราะฮิมะฮุลลอฮฺ) ได้เล่าเหตุการณ์ขณะที่เขาอยู่
ในมัสยิดอัลกูฟะฮฺ และได้ยิน อัชชะอฺบีย์ หรือ อามิร บิน ชะรอหีล (เราะฮิมะฮุลลอฮฺ) พูดถึงเรื่องนี้ว่า
َ لَ، م ل س وَهيلعَ للَّاَى ل صَ اللهَ لوس رَ نأ((
َ ف ـنَ ل وَ نَ ك سَا لَِ ل ع يََ مـ
َااف كَ د و سلاَ ذ خ أَ ثمَ،ًة ق
َ اللهَ با ت كَ ك تُّ نَلَ ر م عَ لاقَ،اذهَ ل ث بمَ ث د تَُ ك ل ـي وَ لاق فَ،هبَ ه ب ص ح فَ،ىًص حَن م
َ
73 หะดีษบันทึกโดย al-Bukhāriy หะดีษหมายเลข 2062; Muslim หะดีษหมายเลข 429