บทที่ 2
2. จัดท าคู่มือการใช้โมเดล
105
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ทรงคุณวุฒิ
ส่วนที่ 2 ความคิดเห็นที่มีต่อแนวคิดและทฤษฎีในการพัฒนาโมเดล ส่วนที่ 3 ความคิดเห็นที่มีต่อองค์ประกอบและหลักการของโมเดล
ส่วนที่ 4 ความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของโมเดล ส่วนที่ 5 ความคิดเห็นที่มีต่อโมเดลในภาพรวม
2.2 น าแบบประเมินเพื่อรับรองโมเดล ไปหาค่าดัชนีความสอดคล้องโดยให้ผู้เชี่ยวชาญ จ านวน 9 คน (รายชื่อผู้เชี่ยวชาญอยู่ในภาคผนวก ค) เพื่อพิจารณาตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาที่มี
ต่อข้อค าถามแต่ละข้อ พร้อมทั้งความเหมาะสมของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย โดยแบบสอบถามที่
น าไปใช้ได้จะต้องมีค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อค าถามแต่ละข้อตั้งแต่ 0.60 ขึ้นไปซึ่งหลักเกณฑ์การ พิจารณาให้คะแนนก าหนดไว้ ดังนี้
+1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์ข้อนั้น 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์ข้อนั้น -1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบไม่วัดจุดประสงค์ข้อนั้น
น าข้อมูลที่ได้มาหาค่าความสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence หรือ
IOC) โดยค านวณจากสูตร
N R
=
IOC ∑
เมื่อ
∑ R
แทน ผลรวมของคะแนนการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ N แทน จ านวนผู้เชี่ยวชาญโดยผลจากการน าแบบประเมินร่างโมเดลจากผู้เชี่ยวชาญ จ านวน 9 คน พิจารณา ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาได้ค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ในระดับ 0.80
3. น าแบบประเมินรับรองโมเดลฯ กลับมาปรับปรุงแก้ไขตามค าแนะน าของผู้เชี่ยวชาญ การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยระยะที่ 4
1. ผู้วิจัยด าเนินการจัดท าคู่มือการใช้งานโมเดล (คู่มือการใช้งานโมเดลฯ ภาคผนวก ก) แล้ว ท าการจัดส่งคู่มือการใช้งานโมเดลการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยเกม มิฟิเคชันเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและด้านทักษะการคิดส าหรับนักศึกษาวิทยาลัย ชุมชน พร้อมด้วยแบบประเมินเพื่อรับรองโมเดล ให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 5 คน (รายชื่อผู้เชี่ยวชาญอยู่
ในภาคผนวก ค)
2. ตรวจสอบข้อมูลการรับรองโมเดลการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานการเรียนรู้ที่
ขับเคลื่อนด้วยเกมมิฟิเคชัน ที่ได้รับกลับมาโดยละเอียดก่อนน าไปวิเคราะห์ข้อมูล 3. บันทึกและวิเคราะห์ข้อมูล
106 ผลการวิจัยในระยะที่ 4 การรับรองโมเดลการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานการ เรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยเกมมิฟิเคชันเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนาทักษะ กระบวนการคิดส าหรับนักศึกษาวิทยาลัยชุมชน ผู้วิจัยได้น าเสนอรายละเอียดไว้ใน บทที่ 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.สถิติพื้นฐาน
1.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 1.2 ค่าเฉลี่ย ( ̅)
1.3 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation ; S.D.) 2. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมือ
2.1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลแบบทดสอบ 2.2 การหาค่าความเที่ยงตรง (Validity)
N
= R
IOC ∑
เมื่อ IOC แทน ความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับวัตถุประสงค์
∑R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ N แทน จ านวนผู้เชี่ยวชาญ
2.3 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ทดสอบประสิทธิผลของบทเรียนบนเว็บ
การวิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนบนเว็บโดยใช้วิธีตามแนวคิดของ ฮัฟแลนด์ อ้างอิงโดย ไชยยศ เรืองสุวรรณ (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2552) ในการหาค่าดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) ดังนี้
E.I. =
คะแนนเต็ม - คะแนนเฉลี่ ยก่อนเรียน ยก่อนเรียน คะแนนเฉลี่
- ยหลังเรียน คะแนนเฉลี่
เมื่อ E.I. แทน ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนบนเครือข่าย 2.4 การหาค่าความยากง่าย (Difficulty) ของแบบทดสอบ โดยใช้สูตร ดังนี้
P=NR
เมื่อ P แทน ระดับความยากง่าย
R แทน จ านวนผู้เรียนที่ตอบถูกทั้งหมด
107 N แทน จ านวนผู้เรียนทั้งหมด
2.5 การหาค่าอ านาจจ าแนก (Discrimination) ของแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนราย ข้อ โดยใช้สูตร ดังนี้
2
N R
D RU L หรือ
U L U
R R D R
เมื่อ
D
แทน อ านาจจ าแนกRU แทน จ านวนผู้เรียนที่ตอบถูกในกลุ่มเก่ง RL แทน จ านวนผู้เรียนที่ตอบถูกในกลุ่มอ่อน N แทน จ านวนผู้เรียนทั้งหมด
2.6 การค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การ ค านวณตามวิธีของ (Kuder–Richardson : KR-20) ใช้สูตรดังนี้
เมื่อ
r
tt แทน สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นk
แทน จ านวนข้อสอบในแบบทดสอบ
p
แทน สัดส่วนของคนที่ตอบแบบทดสอบได้ถูกต้องq
แทน สัดส่วนของคนที่ตอบแต่ละข้อผิด(q1p) S2t แทน ความแปรปรวนของคะแนน2.7 สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐานใช้สถิติ t-test (Independent Samples) โดยใช้สูตร ดังนี้
t =
2 2 2 1 2 1
2 1
n S n S
x x
; df = n1n22
เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤต x1 แทน คะแนนเฉลี่ยของกลุ่มควบคุม
x2 แทน คะแนนเฉลี่ยของกลุ่มทดลอง
1 2
1 t
tt S
pq k
r k
108 S12 แทน ค่าความแปรปรวนของกลุ่มควบคุม
S22 แทน ค่าความแปรปรวนของกลุ่มทดลอง n1 แทน จ านวนของกลุ่มควบคุม
n2 แทน จ านวนของกลุ่มทดลอง df แทน ชั้นความเป็นอิสระ
109