ที่แสดงคุณคาของบทเรียนสไลดอีเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point สามารถ
เปรียบเทียบคุณคาและประโยชนไดใกลเคียงกันทุกประการ และบทเรียนสไลดอีเล็กทรอนิกส
ที่ผลิตดวยโปรแกรม power point มีขอไดเปรียบที่เห็นไดชัดเจนหลายประการ โดยเฉพาะดาน การผลิต และการนําไปใช
5. งานวิจัยที่เกี่ยวของ
งานวิจัยในประเทศ
ปวีณา ธิติวรนันท (2537) ศึกษาเรื่องสีและขนาดของตัวอักษรบนสีพื้นที่มีตอความ เขาใจในการอานบนจอคอมพิวเตอรของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 6 จํานวน 60 คน โดยจะ ผานการตรวจสอบสายตาปกติและการทดสอบตาบอดสี และแบงออกเปน 2 กลุม ๆ ละ 30 คน
เรียนเนื้อหาดวยตัวอักษรขนาดตางกันบนจอคอมพิวเตอร คือตัวอักษรขนาดเล็กรวม 10 คูสี
ผลการศึกษาพบวาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดานความเขาใจในการอานตัวอักษรขนาดเล็กและ ตัวอักษรขนาดใหญในแตละคูสีไมมีความแตกตางกัน
สมร พึ่งฉิ่ง (2538) ไดศึกษาความชอบของนักเรียนที่มีตออักษรสีดําและสีขาวบนพื้น รองรับสีตาง ๆ กัน และศึกษาความแตกตางของความชอบของนักเรียนที่มีตอคูอักษรและพื้นสี
ระหวางนักเรียนที่มีความสามารถทางการเรียนสูงและความสามารถทางการเรียนต่ํา ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที่ 6 จํานวน 200 คน ผลการศึกษาพบวาความชอบของนักเรียนที่มีตอคูอักษร และสีพื้น นักเรียนชอบอักษรสีขาวบนพื้นสีมากกวาอักษรสีดําบนพื้นสี สําหรับความชอบคูอักษร และพื้นสีระหวางนักเรียนที่มีความสามารถทางการเรียนสูงและความสามารถทางการเรียนต่ําไม
แตกตางกัน
ชาญ คําภิระแปง (2529: 56) ไดทําการวิจัยเรื่อง ประสิทธิภาพของบทเรียนสไลด
ประกอบเสียงเรื่อง “ปาไม” โดยใชกลุมตัวอยางเปนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนประจํา ตําบลริมปงและโรงเรียนบานศรีสุพรรณ จํานวน 60 คน แบงออกเปน 2 กลุม โดยใหนักเรียน โรงเรียนประจําตําบลริมปงเปนกลุมทดลอง ซึ่งใชบทเรียนสไลดประกอบเสียง และโรงเรียนบาน ศรีสุพรรณเปนกลุมควบคุม ใหครูผูสอนประจํากลุมสอนตามแผนการสอนของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ จากผลการวิจัยปรากฏวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความสําคัญของปาไมตอสภาพแวดลอมของทั้งสองกลุมแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่
ระดับ 0.05
ชัยพร ขุนรามวงษ (2533 : บทคัดยอ) ไดทําการศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรูความคิด รวบยอด โดยใชสไลดเทปแบบมีการสรุปเปนตอน ๆ ดวยภาพผสมที่มีตัวชี้นําและไมมีตัวชี้นําใน วิชากลุมสรางเสริมประสบการณชีวิต เรื่อง พืช ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 โรงเรียนสวัสดี
วิทยา กรุงเทพมหานคร จํานวน 60 คน โดยแบงออกเปน 2 กลุมทดลอง ปรากฏวากลุมนักเรียน ที่เรียนโดยใชสไลดเทปแบบมีการสรุปเปนตอน ๆ ดวยภาพผสมที่มีตัวชี้นํามีผลการเรียนรู ความคิด
รวบยอดสูงกวากลุมนักเรียนที่เรียนโดยใชสไลดเทปแบบมีการสรุปเปนตอน ๆ ดวยภาพผสมที่ไมมี
ตัวชี้นําอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
เทียน ปลื้มกมล (2533 : 68) ไดทําการวิจัยเปรียบเทียบเจตคติ, ความคิดสรางสรรค
ทางวิทยาศาสตรและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 6 ในโรงเรียนวัดบานปราสาท โดยใชสไลด-เทป และการเรียนแบบปกติจํานวน 66 คน แลวแบงกลุม ทดลอง 38 คน และกลุมควบคุม 33 คน ผลวิจัยปรากฏวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร
ของกลุมทดลองและกลุมควบคุมไมแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
เสริมสกุล โทณะวณิก (2534 : 52-55) ไดทําการวิจัยศึกษาเปรียบเทียบผลของภาพวาด อซิทิฟและเนกาทิฟของสไลดที่สรางดวยคอมพิวเตอรที่มีตอผลการเรียน วิชาวิทยาศาสตร ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 พบวา มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู แตกตางกันอยางมีนัยสําคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.05 นักเรียนที่เรียนจากภาพวาดอซิทิฟของสไลดที่สรางดวยคอมพิวเตอรจะมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวานักเรียนที่เรียนจําภาพวาดเนกาทิฟของสไลดที่สรางดวย คอมพิวเตอร
สาธิต ภูริรักษ (2542 : 56) ไดศึกษาผลการใชสไลดอิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point กับนักเรียนโรงเรียนนายทหารชั้นผูบังคับฝูงเรื่องกิจกรรมในสนามฝกเพื่อความเปน ผูนํา เกมฟลิกเกอรบอล ผลการศึกษาพบวา หลังการศึกษากิจกรรมในสนามฝกเพื่อความเปนผูนํา เกมฟลิกเกอรบอล จากสไลดอิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point นายทหารนักเรียน โรงเรียนนายทหารชั้นผูบังคับฝูงรุนที่ 92 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวากอนการศึกษาอยางมี
นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และนายทหารนักเรียนมีความคิดเห็นในระดับดี ตอสไลด
อิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point
วาณี หนูเพชร (2545)ไดทําการศึกษาผลการใชสไลดอิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวย โปรแกรม Power point เรื่อง ภาวะโภชนาการเกิน แบบเปลี่ยนสีขอความ และแบบซอนขอความ เมื่อมีขอความปรากฏ ผลการวิจัยปรากฏวา การใชสไลดอิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point เรื่องภาวะโภชนาการเกิน แบบเปลี่ยนสีขอความและแบบซอนขอความ เมื่อขอความถัดไป ปรากฏมีคุณภาพอยูในเกณฑที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งสองกลุมไมแตกตางกัน
Walter (1981) ศึกษาการพัฒนาและประเมินบทเรียนสไลดเทปประกอบเสียงในการ ปรับปรุงวิธีการสอนแนวความคิดเกี่ยววิทยาศาสตร ปรากฏวา การวัดความเขาใจดวยการปรับปรุง วิธีการสอนโดยการใชบทเรียนสไลดเทปใหผลการเรียนรูมากขึ้นที่รับนัยสําคัญทางสถิติที่ 0.05
Wiget (1980) ไดศึกษาการพัฒนาสไลดประกอบเสียงสําหรับรูปแบบจําลอง การใหบริการแกเด็กพิการ ผลการทดลองสรุปวา ครูที่นําเสนอดวยการดูสไลดประกอบเสียง
สามารถเพิ่มความรูและความเขาใจ มากกวาครูที่ไมไดใหดู ที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติที่ 0.05 Krismant (1991) ศึกษาเกี่ยวกับความชอบของสีบนจอคอมพิวเตอร กับผูเรียนที่มีภูมิ
หลังตางกัน แบงเปนนักศึกษาไทย 100 คน และนักศึกษาอเมริกัน 100 คน โดยนักศึกษาทั้งหมด เรียนวิชาคอมพิวเตอรอยูในมหาวิทยาลัยตาง ๆ ของสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาพบวา การใชสีบน จอคอมพิวเตอรตางจากการใชสีบนวัสดุสิ่งพิมพ และภาพที่เกิดจากการฉายในดานความชอบและ ความชัดเจนในการมองเห็น ทางดานความชอบของคูสีพบวาคูสีที่ไดรับความชอบมากที่สุด 10 อันดับ จาก 36 อันดับคูสีจากการทดลอง คือ
อันดับที่ 1 ตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีน้ําเงิน อันดับที่ 2 ตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีดํา อันดับที่ 3 ตัวอักษรสีเหลืองบนพื้นสีดดํา อันดับที่ 4 ตัวอักษรสีเขียวบนพื้นสีดํา อันดับที่ 5 ตัวอักษรสีดําบนพื้นสีเหลือง อันดับที่ 6 ตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีเขียว อันดับที่ 7 ตัวอักษรสีเหลืองบนพื้นสีน้ําเงิน อันดับที่ 8 ตัวอักษรสีน้ําเงินบนพื้นสีดํา อันดับที่ 9 ตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีมวง อันดับที่ 10 ตัวอักษรสีเหลืองบนพื้นสีเขียว
Villachina (1999) ไดทําการศึกษากับนักเรียนทางดานเทคโนโลยีการศึกษาจํานวน 236 คน เกี่ยวกับความสนใจในโปรแกรม power point พบวานักเรียนมีความสนใจและยอมรับเกี่ยวกับ การนําโปรแกรม power point มาใชในการเรียนการสอน
Hutchins (2000) ไดทําการศึกษาและสํารวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการใชโปรแกรม นําเสนอตาง ๆ ในการเรียนการสอนและการอบรม จากกลุมตัวอยางจํานวน 96 คน พบวา จํานวน 75%
นิยมการใชโปรแกรม power point
จากการศึกษางานวิจัยทั้งในประเทศและตางประเทศดังกลาวขางตนสรุปไดวา การใช
สไลดอิเล็กทรอนิกสที่ผลิตดวยโปรแกรม power point เปนสื่อในการจัดการเรียนการสอนทําใหมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และผูเรียนมีความคิดเห็นที่ดีตอการนําสไลดอิเล็กทรอนิกสมาเปน สื่อประกอบการเรียนการสอน นอกจานี้ผลงานวิจัยบางสวนยังศึกษาและใหความสําคัญเกี่ยวกับ การนําเสนอขอความ สี รูปภาพ ซึ่งมีผลตอความชอบและความชัดเจนในการมองเห็นของผูเรียน ในการสรางสื่อสําหรับผูเรียนจึงควรคํานึงถึงสิ่งเหลานี้ดวย ควรเลือกสรางสื่อที่จะนําเสนอใหมี
ความเหมะสมทั้งขอความ รูปภาพ และสี ใหสอดคลองกับเนื้อหาวิชา ความตองการและความสนใจ ของผูเรียน ซึ่งจะมีผลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียน
บทที่ 3 วิธีดําเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เปนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพ ของบทเรียนสไลดอิเล็กโทรนิกสที่ผูวิจัยสรางขึ้นและเพื่อพัฒนาสไลดอิเล็กทรอนิกส กลุมสาระ
การเรียนรูคณิตศาสตร เรื่องรูปทรงและปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก สําหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โดยมีขั้นตอนในการดําเนินการวิจัยดังนี้
ประชากรและกลุมตัวอยางที่ใชในการวิจัย
ประชากรในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 ที่เรียนสาระการเรียนรู
คณิตศาสตร ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2549 สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษานนทบุรี เขต 1 จํานวน 3,207 คน
กลุมตัวอยางที่ใชทดลองในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 5 โรงเรียน ไทยรัฐวิทยา 55 (วัดโบสถดอนพรหม) ซึ่งเรียนสาระการเรียนรูคณิตศาสตร เรื่องรูปทรงและปริมาตร ของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2549 จํานวน 30 คน ซึ่งไดมาดวยการสุมอยาง งาย (Cluster Sampling) โดยวิธีการเลือกมาหนึ่งหองเรียน
แบบแผนการทดลอง
การวิจัยในครั้งนี้ ผูวิจัยใชแบบแผนการทดลองแบบ One – Group Pretest – Posttest Design ดังนี้
T1 X T2
เมื่อ T1 คือ การทดสอบกอนเรียนดวยสไลดอิเล็กทรอนิกสกลุมสาระการเรียนรู
คณิตศาสตร เรื่องรูปทรงและปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
X คือ การสอนโดยใชสื่อสไลดอิเล็กทรอนิกสกลุมสาระการเรียนรู
คณิตศาสตร เรื่องรูปทรงและปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
T2 คือ การทดสอบหลังเรียนดวยสไลดอิเล็กทรอนิกสกลุมสาระการเรียนรู
คณิตศาสตร เรื่องรูปทรงและปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก 46